ข่าว

"แรมโบ้ อีสาน" เตือนสติเกลอเก่า "ตู่-จตุพร"หยุดความคิดสร้างความแตกแยก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"แรมโบ้ อีสาน" เตือนสติเกลอเก่า "ตู่-จตุพร" หยุดความคิดสร้างความแตกแยก ชวนมาช่วยกันสร้างความสามัคคีให้บ้านเมืองตอบแทนคุณแผ่นดิน

 

 

          13 พ.ค.2563 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์  ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) พูดในรายการ PEACE TALKE ผ่านเฟซบุ๊กกรณี  การยิงเลเซอร์ตามหาความจริงเป็นตัวหนังสือตามสถานที่ต่างๆ  เพื่อตอกย้ำเหตุการณ์สลายการชุมนุมในอดีตนั้น 

 

อ่านข่าว..."จตุพร"ตอบดังชัด เลิก พรก.ฉุกเฉินทันที

 

          " ผมเองในฐานะที่เคยเป็นอดีตแกนนำที่อยู่ในเหตุการณ์ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ในยุคนั้นคนหนึ่ง อยากจะเตือนสตินายจตุพร ในฐานะเพื่อนรักกันว่า "บทเรียนในอดีตพวกเราเคยตกเป็นเครื่องมือของใครบางคนบางกลุ่ม  พวกเราต้องยอมรับความจริงกันว่า  พวกเรามีจุดยืนที่เรียกว่าทฤษฎี 2 ขา  ขาที่1.เรามีจุดยืนเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง  

 

          แต่ขาที่2.เรามีจุดยืนเพื่อผลประโยชน์ตนเอง  ในการรับใช้พรรคการเมืองเพราะพวกเราเป็นสมาชิกพรรคการเมืองกันเกือบทุกคนและเรายังมีผู้บังคับบัญชาคอยสั่งการอยู่เบื้องหลังในการชุมนุม คงไม่ต้องให้เราบอกว่าเป็นใคร พอเลือกตั้งเสร็จทุกคนก็ได้รับรางวัลสมนาคุณความดีความชอบแกนนำทุกคนมีตำแหน่งทางการเมืองกันถ้วนหน้า  

 

          บางคนให้มีตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ บางคนได้ลูกหรือภรรยามาเป็น ส.ส.ในสภา แกนนำบางคนได้เป็นถึงรัฐมนตรีในกระทรวงใหญ่ๆ  สองสามกระทรวงด้วยซ้ำไป  ที่ผมต้องพูดเพราะต้องทบทวนบทบาทความคิดตนเองว่าเราสู้เพื่อประชาชนสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริงหรือสู้เพื่อพรรคการเมืองหรือสู้เพื่อใครบางคน หรือสู้เพื่ออยากมีอยากได้ตำแหน่งของตัวเราเอง  เราต้องเอาข้อเท็จจริงมาพูดกันแบบไม่มีอคติกล่าวหาใส่ร้ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือพูดเพื่อทำลายบรรยากาศให้บ้านเมืองมันมีปัญหาความขัดแย้งกลับขึ้นมาอีกเหมือนในอดีตมันได้ประโยชน์อะไร  อยากให้เพื่อนลองไตร่ตรองตั้งสติดูว่าผมพูดผิดหรือพูดถูก"  

 

 

          ยิ่งจตุพรพูดยิ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยมีแต่จะสร้างความขัดแย้งใหม่ขึ้นมา  พวกเราน่าจะนำบทเรียนความขัดแย้งในอดีตที่ถูกกล่าวหาต่างๆ  นานานำมาเป็นบทเรียนเตือนสติเตือนใจที่จะร่วมมือกันนำพาประเทศชาติไปสู่ความสามัคคีให้ได้ไม่ดีกว่าหรือเพื่อพิสูจน์ตนเองไม่เป็นอย่างที่คนอื่นกล่าวหา หรือไม่ก็กล้ายอมรับการความจริงแบบลูกผู้ชายไปเลยว่าเราเดินทางผิดคิดผิดไปแล้วเราผิดพลาดจริงๆ  ไม่เห็นต้องไปกลัวอะไร ผมกลับมีมุมมองว่าถ้าคนเราเดินผิดคิดผิด เรากลับตัวกลับใจคิดใหม่ทำใหม่ สังคมยังให้โอกาสให้อภัยเราได้เสมอ
   


          "จตุพร ต้องพึงระวังอย่าเดินหลงทางซ้ำสอง  ต้องพึงระมัดระวังอย่าตกเป็นเครื่องมือการเมืองของใครอีก  ต้องหยุดการเดินหลงทางให้คนบางกลุ่มที่กำลังพยายามคิดจะสร้างความวุ่นวายสร้างความแตกแยกให้บ้านเมืองในขณะนี้ เราจะต้องไม่เป็นเครื่องมือให้ใครอีกต่อไป

 

          เหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นเมื่อปี2552 และ2553 ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับพวกเราว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นเช่นไร ยิ่งให้ผมพูดยิ่งจะเป็นการเผาพวกเดียวกัน อย่าให้ผมพูดเลย สุดท้ายประชาชนจะกล่าวหาว่า พวกเราเองต่างหากหลอกเอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือเป็นเกาะกำบังเรียกร้องคร่ำครวญหาประชาธิปไตย จนกระทั่งถูกยัดเยียดข้อหาพาประชาชนไปตาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ใครบางคน ผมอายเขายิ่งผมพูดจะยิ่งเห็นธาตุแท้ของใครบางคนที่ทำกับพวกเราและยิ่งบาปกันไปใหญ่

 

          ผมเองก็สุมแน่นเต็มหน้าอกไม่เคยคิดอยากระบายกับใคร ขณะนี้เวลานี้สมองคิดอย่างเดียว อยากไถ่บาปอยากกลับเนื้อกลับใจ อยากใช้ชีวิตและลมหายใจที่เหลืออยู่ตอบคุณแผ่นดิน หมั่นเข้าวัดทำบุญสร้างกุศลให้วีรชนทุกคนที่ล่วงลับได้อโหสิกรรมให้พวกเราทุกคน  ขอชีวิตและลมหายใจที่เหลืออยู่ ทุ่มเททำงานให้ประเทศชาติและประขาชน เพื่อสร้างความปรองดองให้สันติสุขกับคืนมาสู่แผ่นดินไทย ซึ่งเป็นสิ่งพี่น้องประชาชนคนไทยต้องการ

 

          ผมจึงฝากถึงเพื่อนรักตู่จตุพร ขอเป็นคำพูดที่เพื่อนเตือนสติเพื่อน ขอให้ใช้สติทบทวนให้หนักแน่นค่อยๆ คิดทบทวนตัวเองเพราะชีวิตจริงไม่มีใครรักเราเท่ากับตัวเราเอง บทเรียนสอนใจความเจ็บปวดในชีวิตคงเตือนสติเพื่อนให้หยุดพอได้แล้ว มีอะไรคุยกันปรึกษากัน เพื่อนคนนี้ยินดีพาเพื่อนไปสู่หนทางที่พบความสงบในชีวิต เรามา สร้างบุญกุศลให้ประเทศชาติประชาชนร่วมกันก่อนสิ้นลมหายใจ เพราะชีวิตนี้ไม่มีใครรู้ว่าเราจะจากโลกใบนี้ไปวันใหน ชีวิตนี้ไม่มีใครรู้วันตายของตัวเราเองอาจจะช้าหรือเร็วแล้วแต่ชะตากรรม แต่ชีวิตที่ยังดำรงเหลืออยู่ในปัจจุบันเรามาทำความดีเพื่อตอบแทนพระคุณแผ่นดินที่ให้เราเกิดมา ไม่ดีกว่าหรือ 


  
          ที่ผมพูดถึงเพื่อนรักจตุพรไม่ได้มีอคติส่วนตัวแต่อย่างใด ก็เพียงเตือนกันในฐานะเพื่อนรักอีกสักครั้ง ส่วนจตุพรจะเห็นด้วยหรือไม่ก็แล้วแต่เพื่อน จะเกลียดจะโกรธผมก็คงไม่ว่ากันแต่ผมพูดด้วยความหวังดีจะขอเตือนครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และจะไม่ก้าวล่วงเพื่อนอีกถือว่าเราได้คุยกับเพื่อนเป็นที่สุดแล้ว" นายสุภรณ์กล่าว

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ