ข่าว

"เสรีรวมไทย" จวกเรือเหล็ก "อย่าเลือกปฏิบัติ!" ดูเเลนายทุนเเต่ทิ้งปชช.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เสรีรวมไทย" จวกเรือเหล็ก "อย่าเลือกปฏิบัติ!" ดูเเลนายทุนเเต่ทิ้ง ปชช. เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดพื้นที่ทำมาหากินของประชาชนให้ได้มากกว่านี้

ผู้สื่อข่าวรานงานว่าในวันนี้ น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ลงพื้นที่แจกของเครื่องอุปโภคบริโภคย่านชุมชนก้าวใหม่พัฒนาบึงปรง แขวงหนองจอก  เขตหนองจอก กทม.หลังจากได้รับเสียงเรียกร้องถึงความลำบากของประชาชนที่ยังไม่ได้รับการดูแล ผ่านมาทางเพจส่วนตัว โดยวันนี้มีประชาชนที่ยังขาดเเคลนสิ่งของดำรงชีวิตมาต่อเเถวกันเป็นจำนวนมาก

 น.ส.นภาพร กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดพื้นที่ทำมาหากินของประชาชนให้ได้มากกว่านี้ เพราะจากกระแสข่าวที่ระบุว่าจะมีการผ่อนปรนให้ประกอบธุรกิจได้ในเฟส 2 นั้นก็เป็นเพียงการเปิดให้ประกอบกิจการได้เพียงครึ่งๆกลาง ๆ เช่น ธุรกิจนวดแผนไทย ที่ให้เปิดได้เฉพาะนวดเท้าอย่างเดียวเท่านั้น ห้ามนวดไทยซึ่งเป็นตัวหลักของกลุ่มธุรกิจนี้ เพราะคงมองว่าคนไทยขาดความรับผิดชอบและดูแลตัวเองไม่ได้ จึงต้องใช้มาตรการควบคุมมากกว่าการเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้ที่จะทำมาหากินควบคู่ไปกับการป้องกันตนเอง  

 “ทั้งๆที่สังคมเรียนรู้ที่จะดูแลและป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสโควิด-19ได้แล้ว รวมทั้งหากมีปัญหาการระบาดเกิดขึ้นอีก เราก็มีระบบสาธารณสุขรองรับอย่างเพียงพอ เช่น แพทย์ พยาบาล ยารักษาโรคหรือเตียงรักษาคนไข้ ดังนั้น จึงไม่ควรทำให้คนกลัวเรื่องการแพร่ระบาดรอบ 2 เกินจริง จนไม่สามารถที่จะกลับไปประกอบอาชีพได้ตามปรกติ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะส่งผลถึงรัฐบาลเองที่จะต้องเข้ามาแบกรับภาระในที่สุด “

         เสรีรวมไทย อย่าเลือกปฏิบัติ

น.ส.นภาพรกล่าวว่านอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที เพราะไม่มีผลต่อการควบคุมการแพร่ระบาดแล้ว แต่เป็นการใช้อำนาจเกินความจำเป็น จนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่เพิ่งจะเริ่มประกอบอาชีพได้บ้าง และยิ่งมีการผ่อนปรนให้เปิดห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าได้มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งจะต้องรีบยกเลิกการประกาศเคอร์ฟิวเพราะจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและลูกจ้าง ที่ต้องเดินทางไปทำงาน

 “ตอนนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19ลดลงไปมากแล้ว ดังนั้นก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นใดใดที่จะต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก เพราะแค่ใช้กฎหมายปรกติของกระทรวงสาธารณสุขก็สามารถควบคุมได้  จึงอดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมรัฐบาลจึงต้องทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนให้เปลืองงบประมาณอีก ทั้งๆ ที่ตอนประกาศใช้ก็ไม่เห็นต้องมาสอบถามประชาชนเลย 

 จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนเริ่มสงสัยถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงในการทำโพลของรัฐบาลในครั้งนี้ว่าเป็นเพราะต้องการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจของตัวเองหรือไม่ หลังจากมีประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักจากมาตรการเยียวยาที่ไม่ทั่วถึงและไม่เท่าทันความเดือดร้อน จนก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจกระจายเป็นวงกว้าง รวมทั้งการเตรียมที่จะเคลื่อนไหวของนักเรียนนิสิตนักศึกษา ที่ไม่พอใจรัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว “ น.ส.นภาพรกล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ