ข่าว

"สมชาย" ชี้สิ่งที่รัฐต้องทำ ประเทศไทยต้องชนะ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความ เผยแนวทางที่ รัฐบาลควรต้องเร่งดำเนินการเพื่อจัดหาทุน ในใช้ต่อสู้กับวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 ว่า

วันนี้(6 เม.ย.2563)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เฟซบุ๊ก สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความ เผยแนวทางที่ รัฐบาลควรต้องเร่งดำเนินการเพื่อจัดหาทุน ในใช้ต่อสู้กับวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 ว่า

#ประเทศไทยต้องชนะ 2 ต่อ

รัฐควรออกพันธบัตรให้คนไทยร่วมสู้ภัยโควิด

นอกเหนือจากที่ภาครัฐทุกฝ่ายกำลังเร่งมือในการตัดลดงบประมาณ2563

กันอย่างเต็มที่จะได้10%ที่330,000ล้านหรือ15%ที่500,000ล้านนั้น

ทางออกที่ต้องเดินหน้าเร่งด่วนคือการออกพ.ร.ก.เงินกู้เพื่อแก้ไขสถานการณ์

"สมชาย" ชี้สิ่งที่รัฐต้องทำ ประเทศไทยต้องชนะ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี ได้ประชุมร่วมกับ

ผู้ว่าการแบงก์ชาติ คุณวิรไท สันติประภพ

และมีมติว่าที่ประชุม ครม.นัดพิเศษ เห็นชอบการออก พ.ร.ก. 3 ฉบับ

ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) 2 ฉบับ

และกระทรวงการคลัง 1 ฉบับ ประกอบด้วย

1.พ.ร.ก.ให้อำนาจแบงก์ชาติปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ต่ำมาก)

หรือซอฟต์โลน

2.พ.ร.ก.ให้อำนาจ แบงก์ชาติเข้าไปซื้อตราสารหนี้เอกชน (หุ้นกู้ต่างๆ)

3.พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน

 

แต่ความรู้เท่าที่บ้างไม่มากนักขอเสนอว่า

ทางที่ดีรัฐบาลควรอาศัยจังหวะนี้ออกพ.ร.ก.เงินกู้แล้วได้ประโยชน์2ต่อคือ

รัฐบาลได้เงินก้อนใหญ่มาใช้แก้วิกฤติเศรษฐกิจจากพิษโควิดและช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชนรายย่อยทุกสาขาอาชีพด้วยอีกทางคือ

 

การมุ่งเน้นการออกพันธบัตรขายให้ประชาชนรายย่อยชื่ออะไรก็ได้ที่สร้างการรวมพลังใจคนไทยเพื่อสู้ภัยครั้งนี้ด้วยกัน

จะทำให้เกิดการกระตุ้นนำเงินออมที่ประชาชนคนไทยมีเก็บไว้นิ่งๆ

และบางส่วนเสียหายจากตลาดหุ้นตลาดทุนหรือธุรกิจเอสเอ็มอีหรืออื่นๆ มาช่วยรัฐบาลได้มาก. ไม่แน่ระดมดีๆอาจถึง1ล้านล้านบาทก็เป็นได้ครับ

และเรื่องนี้ย่อมดีกว่าการออกพันธบัตรขายให้กับธนาคารหรือสถาบันทางการเงินโดยเฉพาะเท่านั้นเพราะ

พ.ร.ก. กู้เงินอาจมีวิธีระดมทุนได้ถึงสามวิธี คือ

 

1. พันธบัตรรัฐบาล ออกให้กับผู้ลงทุนสถาบัน ซึ่งก็รวมถึงธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนต่าง ๆ เช่นกองทุนประกันสังคม กบข. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฯลฯโดยส่วนหนึ่งจะถูกนำไปขายในตลาดรอง เหมือนเป็น IPO พันธบัตร

 

2. พันธบัตรออมทรัพย์ ออกให้ประชาชนที่สนใจ โดยจะขายผ่านตัวแทน เช่น ธนาคารออมสิน ธปท. ฯลฯ

 

3. ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Permission Note: P/N) ให้ธนาคารพาณิชย์

 

ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลอาจต้องเสียอัตราดอกเบี้ยของ (2) มากกว่า (1)

แต่เพื่อเป็นการสนับสนุนการออมของประชาชน ก็น่าจะคุ้มค่าครับ

เพราะแม้อัตราดอกเบี้ยของ (3) จะมากกว่า (2) เพราะว่าผู้กู้ (รัฐบาล)

จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าในการใช้เงินคืนเร็ว เช่น มีเงินภาษีเข้ามาเยอะ ก็สามารถใช้คืนหนี้ได้ก่อน ขณะที่หนี้จากการขายพันธบัตรจะ fix เวลาไว้ตั้งแต่ออกขาย 3ปี 5ปีหรือ7ปี ก็ตาม

 

ขอเสนอให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)

ซึ่งมีหน้าที่หาเงินมาให้รัฐบาลช่วยพิจารณา

เสนอทางเลือกว่าจะระดมทุนในรูปแบบไหน

ในสัดส่วนเท่าไหร่ ให้รัฐบาลในต้นทุนที่เหมาะสมโดยเฉพาะข้อเสนอที่จะเป็นประโยชน์2ต่อนี้ด้วยครับ

 

เสนอมาเป็นทางเลือกเพื่อพิจารณาครับ

สมชาย แสวงการ

สมาชิกวุฒิสภา

ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน

สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค

วุฒิสภา

 

5 เมษายน 2563

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ