"ส.ส.ร." แก้รธน. อาจไปไม่ถึงฝัน "รองปธ.กมธ.แก้รธน." ชี้ปัญหาใช้งบสูง 1.2 หมื่นล้าน-ส่อขัดแย้ง
"ส.ส.ร." แก้ รธน. อาจไปไม่ถึงฝัน "รอง ปธ.กมธ.แก้ รธน." ชี้ปัญหาใช้งบสูง 1.2 หมื่นล้าน - ส่อขัดแย้ง เหตุทำประชามติ 4 ครั้ง ส.ส.เลือกตั้งมีสิทธิ์เท่า ส.ส.ร. แก้รธน. เหตุเป็นตัวแทนปชช. 500 คน หนุน "รัฐสภาฯ" เป็นกลไกแก้ รธน.รายมาตรา ที่เห็นร่วมกัน
อ่านข่าว 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' แก้รัฐธรรมนูญ แตะวุฒิสภาทุกอย่างจบ
รัฐสภา - 14 มีนาคม 2563 - นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 คนที่หนึ่ง กล่าวต่อกรณีความเห็นของกลุ่มคณะกรรมการรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) และเครือข่าย People Go รวมถึงกลุ่มที่เข้าให้ความเห็นต่อกมธ.ฯ ถึงแนวทางยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่านสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ว่า เป็นความเห็นที่อนุกมธ.ฯ ที่เกี่ยวข้องจะรับไปพิจารณาเพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอของกมธ.ฯ ที่รายงานต่อที่ประชุมสภาฯ
อย่างไรก็ตามความเห็นต่อประเด็นตั้งส.ส.ร.นั้น เป็นความเห็นที่เหมือนกับ กมธ.ฯ เคยเสนอและหารือกันไว้ต่อที่ประชุมกมธ.ฯ แต่ไม่มีข้อสรุปว่าจะดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากการพิจารณาเห็นว่ามีปัญหาและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามมา เพราะการเปิดทางรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ให้มีส.ส.ร. ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งหมดได้ ต้องแก้ไขมาตรา 255 และมาตรา 256 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากไม่นับประเด็นการเชื่อมโยงอำนาจการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากสมาชิกรัฐสภา แล้วยังพบว่ามีปัญหาเรื่องงบประมาณ ที่ต้องใช้ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท
"การแก้ไขรัฐธรรมนูญปัจจุบันให้มีส.ส.ร. ต้องใช้งบประมาณทำประชามติ ถึง 4 ครั้งๆ ละ ประมาณ 3,000 ล้านบาท รวมประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาทโดย ครั้งแรก คือ ต้องถามประชานต่อการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และให้มี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ โดยเงื่อนไขนี้เป็นไปตามศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้เมื่อปี 2556
ครั้งที่สอง หลังจากผ่านประชามติครั้งแรกต้องทำตามขั้นตอนที่มาตรา 255 และมาตรา 256 กำหนดในรัฐสภา จากนั้นต้องทำประชามติอีก , ครั้งที่สาม คือ กระบวนการเลือกตั้ง ส.ส.จากประชาชนทั่วประเทศ เป็นการใช้เงินเพื่อเลือกตั้งส.ส.ร. และครั้งที่สี่ คือ เมื่อส.ส.ร.ทำรัฐธรรมนูญใหม่เสร็จต้องนำไปทำประชามติอีกครั้ง" นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาต่อไปคือความขัดแย้งจากสมาชิกรัฐสภา คือ กลุ่ม ส.ส. และ ส.ว. โดยเฉพาะกลุ่ม ส.ส. ที่มองว่าตนเองคือตัวแทนจากประชาชน และมีความชอบธรรมต่อการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องมี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง อีกทั้ง ส.ส. 500 คนสามารถทำได้เพราะมาจากความหลากหลายมากกว่า ส.ส.ร.เลือกตั้ง 100 คน ขณะเดียวกันการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. และ ส.ว. ดังนั้นเชื่อว่าการหาความเห็นร่วมเพื่อให้มี ส.ส.ร. นั้นอาจเกิดปัญหาได้ แต่วิธีดังกล่าวอาจทำได้ หลังจากที่ ส.ว.ที่มาตามบทเฉพาะกาลนั้นหมดอายุลง
"แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของ กมธ.ฯ ต้องไม่ทำตามความพอใจของใคร หรือทำตามคำพูดใคร เพราะหากรับฟังหรือคิดว่าต้องทำตามความพอใจของคนเสนอความเห็น นั้นไม่ใช่กระบวนการประชาธิปไตยที่ต้องรับฟังความเห็น พร้อมยอมรับความเห็นต่างๆ ผมเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สามารถทำได้คือ ให้สมาชิกรัฐสภาดำเนินการแก้ไขรายมาตราที่เห็นร่วมกัน เพื่อประหยัดงบประมาณ เพราะ ส.ส. และ ส.ว. ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนอยู่แล้ว" นายไพบูลย์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง