"บิ๊กตู่"ขอโทษปากไวปมไล่ "ปชป."พ้นร่วมรัฐบาล

 

 

กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้อุณหภูมิการเมืองร้อนระอุขึ้นมาทันทีกรณีไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จี้ให้พรรคทบทวนการร่วมรัฐบาลหลังจากมีข่าวทีมงาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ กักตุนหน้ากาก 200 ล้านชิ้น พร้อมวาทะเด็ดอย่าพายเรือให้โจรนั่ง

“บิ๊กตู่”ไม่สนบอกก็ถอนไปสิ

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม  2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางส่วน เสนอให้พรรคถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เลิกพายเรือให้โจรนั่ง โดยนายกฯ ตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ ว่า “ก็ถอนไปสิ” ส่วนที่ถามว่า แล้วจะทำอย่างไรต่อถ้าพรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวขึ้นมาจริงๆ “ตอนนี้เขายังไม่ถอนนี่” ส่วนพรรคประชาธิปัตย์บอกจะทบทวนมติของพรรคที่โหวตไว้วางใจให้แก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เป็นเรื่องของเขาให้ไปถามพรรคประชาธิปัตย์ดูสิ

เมื่อถามว่า ในส่วนของ ร.อ.ธรรมนัสจะพูดคุยหรือไม่ เพราะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เยอะมาก จากกรณีเพจดังเผยแพร่คนในคณะทำงาน ร.อ.ธรรมนัส ไปพัวพันกักตุนหน้ากากอนามัยส่งขายต่างประเทศ นายกฯ กล่าวว่า จากคณะทำงานที่ส่งลงไปตรวจทุกโรงงานยังไม่พบสิ่งผิดปกติ และคนที่ถูกกล่าวอ้างก็มาสารภาพแล้วว่าทำอะไร อย่างไร ทุกอย่างก็ต้องว่าไปตามขั้นตอน จะมีการสอบสวนต่อ เจ้าหน้าที่เขายังไม่จบหรอก ขอให้สื่อคิดถึงขั้นตอนกระบวนการบ้าง

ขอโทษปากไวพูดไล่“ปชป.”

ต่อมาเมื่อเวลา 15.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้งว่า เมื่อเช้าอาจพูดเร็วไปนิด เมื่อสื่อถามเร็วก็ตอบเร็วไป แต่คำตอบตนคือทั้งหมดเป็นเรื่องของมติพรรค เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค และเป็นเรื่องของพรรค ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามให้เป็นมติของพรรค การที่ใครออกมาพูดจาอะไรตนออกมาตอบโต้กับเขา และในฐานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ให้เสรี และเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคไปบริหารจัดการให้เรียบร้อยด้วย โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับไปดำเนินการพิจารณาตามมติของพรรค เพราะเป็นเรื่องกลไกทางการเมือง นายกฯ ไม่เกี่ยวตรงนี้ “ท่านถามกลับมาเมื่อเช้า ผมตอบเร็วขอโทษด้วย”

“จุรินทร์”รับปชป.ถกไปต่อ-ถอนตัว

ขณะที่นายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พรรคประชาธิปัตย์ยึดถือวิถีทางประชาธิปไตยภายในพรรค ที่มีความชัดเจน รวมถึงระบบ ระเบียบ ในช่วงที่ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ก็ไม่ใช่ความคิดเห็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นมติร่วมกันของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องโหวตกัน ได้ 61:16 ส่วนที่มีปรากฏเป็นข่าวแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลายนั้น ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้แต่ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมรับฟังทุกฝ่ายว่า เห็นอย่างไรและสิ่งใดต้องเป็นไปตามกติกาของพรรค ก็จะดำเนินการตามนั้น

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะประชุมพรรคเพื่อหารือว่าจะยังคงร่วมรัฐบาลอยู่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในกรณีที่มีผู้ยื่นเรื่องถึงกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ โดยล่าสุดนายอันวาร์ สาและ รองเลขาธิการพรรค ยื่นมาเพื่อให้พิจารณาก็ต้องเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาในขณะที่นายอันวา ก็เป็นรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนั่งอยู่ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไรทุกคนมีหน้าที่ปฏิบัติตาม

จ่อประชุมฟังเสียงสมาชิกปชป.

ส่วนที่ถามว่ากรณีของคณะทำงาน ร.อ.ธรรมนัส จะเป็นปัจจัยในการหารือเรื่องร่วมรัฐบาลต่อหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า กรณีนี้พรรคพลังประชารัฐซึ่งถือเป็นต้นสังกัดต้องไปพิจารณา และนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล อาจจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนที่ถามว่าการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการทำงานร่วมกับรัฐบาลหรือไม่นั้น ในการทำงานร่วมกัน ต้องปรึกษาหารือและระมัดระวัง ที่ผ่านมาก็ระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดกระทบกระทั่งกัน ไม่ไปก้าวล่วง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถือหลักนี้ในการทำงานร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์แสดงความคิดเห็นในลักษณะเช่นนี้หลายครั้งแล้วจะมีการพูดคุยหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในที่ประชุมก็ต้องพูดคุยกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการพูดคุยกันตามลำดับ ส่วนนายกฯ ยังไม่ได้ถามอะไร

“ชวน”โยนถามจุรินทร์ไปต่อหรือถอนตัว

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ ที่มี ส.ส.บางส่วนต้องการให้ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลว่า “ต้องถามหัวหน้าพรรค ประธานสภาไม่มีสิทธิ์ ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในพรรค” ส่วนที่ถามว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฐานะผู้ใหญ่ในพรรคมองความขัดแย้งในพรรคอย่างไรนั้น อันนี้ต้องไปถามคู่ขัดแย้ง กำนันเหนือกว่าผู้ใหญ่อีก เรื่องอื่นมีอะไรอีกหรือไม่

เมื่อถามว่า สถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ใกล้เคียงกับเมื่อครั้งถอนตัวออกจากการเป็นรัฐบาลร่วมกับพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ หรือไม่ ประธานสภากล่าวว่า คนละเรื่องกัน คนละเหตุการณ์ ขณะนี้ต้องไปถามหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค ไปตอบแทนเดี๋ยวหาว่าไปทำเกินขอบเขตและหน้าที่

จุติชี้ไลน์อยากถอนตัวไม่ใช่มติพรรค

ขณะที่นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะแกนนำพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกรณีแชทไลน์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกเผยแพร่ออกมา ซึ่งสมาชิกบางคนต้องการให้พรรคถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ว่า เป็นความเห็นส่วนตัวไม่ใช่มติของพรรค อย่างไรก็ตามต้องรอการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคอีกครั้งหนึ่ง ยืนยันว่าขณะนี้ยังพร้อมทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป

“นิพนธ์”ซัดสมาชิกอย่าประดิษฐ์คำ

เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแชทไลน์ของพรรคที่ถูกเผยแพร่ออกมา ซึ่งสมาชิกบางคนต้องการให้พรรคถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาลก็มาตามมติพรรค เพราะฉะนั้นการมาบอกว่า พายเรือให้โจรนั่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ความจริงมีหนังสือให้ทบทวนมติเมื่อคืนวันที่ 17 กุมภาพันธ์ และวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประเด็นนี้คิดว่าในพรรคต้องพูดคุยกัน อย่างไรก็ตามในฐานะที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ก็ทำหน้าที่กันเต็มความสามารถ ต้องการทำให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เวลามาร่วมรัฐบาลก็ทำงานได้ ทำงานเป็นเหมือนกัน ไม่ใช่ดีแต่พูด ดังนั้นที่บอกว่ามาพายเรือให้โจรนั่งนั้นต้องทบทวนคำพูดให้ดี พูดแล้วมันบั่นทอนกำลังใจคนทำงานเหมือนกัน คิดว่าถ้ามีปัญหาอะไร ควรมานั่งพูดคุยกันในพรรคมากกว่าจะพูดตามสื่อข้างนอก และประดิษฐ์ถ้อยคำตำหนิคนอื่น เพราะคนที่ทำงานเขาก็เสียกำลังใจเหมือนกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าไม่เห็นด้วยที่พรรคจะถอนตัว นายนิพนธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าถ้าพรรคมีมติอย่างไรต้องปฏิบัติตามนั้น เพราะตอนที่ร่วมรัฐบาลพรรคก็มีมติเสียงข้างมากที่ค่อนข้างจะเด็ดขาดด้วยซ้ำที่ให้มาร่วมรัฐบาล แล้วจะมาบอกว่าคนที่มีเสียงข้างมากลงมติให้ไปพายเรือให้โจรนั่งนั้น ต้องคิดให้รอบคอบ อย่าประดิษฐ์ถ้อยคำแล้วไปตำหนิคนอื่น

พายเรือให้โจรนั่งอย่าเหมารวม

ส่วนที่ถามว่าคนที่ออกมาพูดจะเป็นกลุ่มเดิมๆ ที่ออกมาตำหนิรัฐบาล คิดว่าเขาต้องการอะไร หรือเป็นเพราะเขาไม่ได้ตำแหน่ง นายนิพนธ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น และพยายามที่จะไม่พูดถึงปัญหาเหล่านี้ในที่สาธารณะ ถ้าพูดในพรรคควรจะจบในพรรค แต่ถ้าพูดต่อหน้าสาธารณะทุกวัน เอาเรื่องภายในมาพูดข้างนอกทุกวัน ก็สะท้อนให้เห็นว่าต้องมีอะไรที่ผิดพลาดบางอย่าง ต้องมานั่งพูดคุยกัน พรรคเป็นของทุกคน พรรคประชาธิปัตย์อยู่มาได้ทุกวันนี้เพราะมติพรรค ไม่มีคำสั่งของใครคนใดคนหนึ่งที่จะมาสั่งคนทั้งพรรคได้ นอกจากมติพรรค

เมื่อถามว่า จะต้องเรียกมาตักเตือนหรือไม่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า แล้วแต่กรรมการบริหารพรรคจะว่าอย่างไร แต่เราเคารพกันว่าในพรรคอยู่ด้วยกันมันมีทั้งความเห็นเสียงข้างเสียงข้างน้อย ไม่เคยตำหนิเสียงข้างน้อย แต่การที่อยู่ๆ จะมากล่าวหาพายเรือให้โจรนั่ง ใครคือโจร ต้องบอกให้ชัดๆ ดังนั้น ถ้าใครคนใดคนหนึ่งประพฤติตัวไม่เหมาะสม นายกรัฐมนตรีมีดุลพินิจอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม อยากจะสื่อให้ประชาชนเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ดีแต่พูด ทุกคนทำงานหมด อยากนำนโยบายพรรคไปสู่การปฏิบัติ ให้เป็นผลให้ได้ว่าสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน พรรคทำได้

อ่านข่าว-บิ๊กตู่ ท้า ประชาธิปัตย์ ถอนตัวร่วมรัฐบาลไป

 

 

ติง “นายกฯ” ไม่ควรพูดท้าทาย

ขณะที่นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ตอบโต้ว่า ‘ถอนก็ถอนไปสิ’ ว่า การตอบคำถามของนายกรัฐมนตรีต่อกรณีดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงอาการที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ของนายกฯ ถึงแม้ว่านายกฯ อาจจะมีภาระหน้าที่ที่จะต้องแบกรับในการฝ่าวิกฤติในหลายๆเรื่อง แต่ก็ไม่ควรแสดงอาการท้าทายแบบนี้ เพราะการที่ ส.ส.และสมาชิกพรรคบางรายแสดงความเห็นแบบนั้น เกิดจากความหวังดีที่ต้องการเห็นการทำงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่น ไร้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมและข้อบกพร่องของตัวรัฐมนตรีบางราย ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องต้องนำไปแก้ไขในโอกาสที่อำนวยต่อไป

‘ธรรมนัส’ไม่สนเสียงไล่-ยังอยู่

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวเป็นกระบวนการที่สร้างมาเพื่อโจมตีหรือไม่ว่า ไม่ต้องพูด สื่อก็รู้กันอยู่แล้วว่าอะไรคืออะไร ส่วนพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กดดันอะไรหรือไม่นั้น ภายในพรรคนั้นคุยกันได้ ไม่ติดใจอะไร เป็นเรื่องภายในครอบครัวก็ต้องคุยกัน ส่วนกรณีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางคนเรียกร้องให้ปรับครม.นั้น เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ขอก้าวล่วง

เมื่อถามถึงกระแสการปรับ ครม. ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า กระแสจากใคร ไม่ได้ออกมาจากปาก ยังมาทำงานตามปกติ ยังไม่ได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในเรื่องนี้

บิ๊กป๊อกอัดปชป.อย่าไร้เหตุผล

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า คนที่รับผิดชอบรัฐบาล ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว จะอยู่ได้หรือไม่ได้ อยู่ที่ไหน อยู่ที่นายกฯ และการปรับ ครม.ก็เป็นเรื่องของนายกฯ หากจะให้วิพากษ์วิจารณ์ ไม่อยากพูด อยากให้จบแค่นี้ในเรื่องของนายกฯ และในความเห็นส่วนตัวเชื่อว่า อาจมีการคุยกันในส่วนของพรรคร่วม แต่คิดหรือไม่ว่า พรรคร่วมควรปรับภายในพรรคตัวเอง หรือข้ามพรรคไป คิดว่ามันอยู่ที่มารยาท ถ้าอยากจะคิดหรือคุยกับนายกๆ แต่ยืนยันว่าอำนาจตัดสินใจอยู่ที่นายกฯ ถ้าอยากจะปรับในส่วนของพรรคตัวเองก็ให้ไปคุยกับนายกฯ น่าจะได้ ส่วนจะปรับหรือไม่ก็เป็นเรื่องของนายกฯ แต่หากจะข้ามพรรคก็ต้องไปดูว่าควรหรือไม่ และยังงงอีกว่าที่แสดงความคิดเห็นนั้นเป็นการแสดงความคิดเห็นในนามพรรคหรือไม่ ขอให้มีหลักคิดกันให้ดีๆ

เมื่อถามว่า มีกระแสเรียกร้องให้ปรับรัฐมนตรีบางคนออกจาก ครม. รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯ จะเป็นผู้คิด ไม่ใช่สื่อ และไม่ใช่ตน สถานการณ์ขณะนี้ก็ทำงานไปตามปกติ ข่าวที่ออกมาก็รู้ว่าไม่ได้เรื่อง ตนติดตามมาตลอด เห็นไปยุ่งแต่หน้ากากของปลอมอะไรก็ไม่รู้ คนดีๆ มาพูดให้ฟังว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีกักตุนหน้ากาก 200 ล้านชิ้น ถามว่าจะเอาที่ไหนมากักตุนเพราะเราผลิตได้แค่นี้ มันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ฟังกัน สื่อก็บอกสถานการณ์เป็นอย่างนั้นอย่างนี้

“พุทธิพงษ์”เชื่อคุยส.ส.เคลียร์กันได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม. กรณีดังกล่าวว่า ความคิดดังกล่าวเป็นความคิดที่หลากหลายของ ส.ส. ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคทำงานร่วมกันมาได้สักพักหนึ่งแล้ว และเชื่อว่าหัวหน้าพรรค เลขาฯ พรรค ซึ่งเป็นแกนนำพรรคจะสามารถพูดคุยกับ ส.ส.ของเขาได้

“วันนี้คงมีการพูดคุยหารือกัน ทำงานกันมาพักใหญ่แล้วก็ต้องเข้าใจในการทำงานร่วมกัน คงไม่ถึงขั้นต้องจัดงานเลี้ยงของพรรคร่วม เพราะสถานการณ์ขณะนี้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาไวรัสโควิด-19 และภัยแล้ง นอกจากนี้ยังมีปัญหาอีกมากที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะไปกระทบหลายเรื่องเช่น การท่องเที่ยว ค่าครองชีพประชาชน และคนที่มีอาชีพอิสระ” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

เด็กพปชร.อัดพนิตเสียมารยาท

นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีที่ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเคลื่อนไหวพร้อมใช้คำพูดถึงขั้น “อย่าพายเรือให้โจรนั่ง” ว่า เป็นการเสียมารยาททางการเมือง หากเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเขาไม่ออกมาเคลื่อนไหวอะไร ก็เท่ากับว่าสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เองได้โหวตและมีมติพรรคออกมาชัดเจน 24/17 ย่อมหมายความว่า 24 เสียงยังคงร่วมรัฐบาลอยู่เหมือนเดิม และ 17 เสียง ต้องการออกจากรัฐบาล มติออกมาแบบนี้ก็เท่ากับว่า จบแล้ว แต่นายพนิตเป็น 1 ใน 17 ที่ไม่เห็นด้วย ออกมาตีโพยตีพาย คนเป็นนักการเมืองต้องเข้าใจกฎกติกามารยาท

“คำพูด “อย่าพายเรือให้โจรนั่ง” นั้น มันรุนแรงไป ผมมองว่าอาจจะเป็นตัวนายพินิต วิกิตเศรษฐ์ เองนั่นแหละ เข้าข่าย ชักใบให้เรือเสีย หรือ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ บ้านเมืองกำลังเกิดปัญหา เราต้องช่วยกัน คนทำผิดคิดผิดมีอยู่รอบตัว นิ้วคนเรา 5 นิ้วยังไม่เท่ากัน แต่สามารถใช้นิ้วมือหยิบจับทำในสิ่งที่ดีๆ ได้” นายสายัณห์ กล่าว

เดือดไลน์หลุดพปชร.‘ไผ่-สิระ’ฉะยับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ออกมาเรียกร้องให้ ร.อ.ธรรมนัส ออกจากตำแหน่ง หลังเกิดกรณีผู้ติดตามถูกแฉอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัย ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวในกลุ่มไลน์ของพรรคพลังประชารัฐที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ทันที โดยเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ส.ส.ในกลุ่มที่สนับสนุน ร.อ.ธรรมนัส ได้ส่งลิงค์ข่าวของนายสิระที่กดดัน ร.อ.ธรรมนัส ให้ออกจากตำแหน่ง พร้อมส่งข้อความว่า "ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ถ้าจริง การเหยียบกันแบบนี้ มันจะดีหรือครับ” โดยนายสิระเข้ามาตอบทันทีว่า “จริงครับ ไม่ได้เหยียบครับ”

จากนั้น นายไผ่ ตอบกลับว่า “แล้วไม่คุยกันเองล่ะครับ เวลาเอาหน้ากากปลอม ไม่ลาออกด้วยล่ะครับ” นายสิระจึงตอบกลับว่า “เสียสละเงินผม เวลาเอาคนอื่นลงแข่ง ส.ส.กำแพงเพชร ทำไมไม่ลาออก ไม่ช่วยลูกพี่ไวพจน์ น่าจะลาออกมากกว่าหรือไม่ครับ” ซึ่งนายไผ่ตอบกลับทันทีว่า “จะพูดผมขอหลักฐานหน่อย” นายสิระจึงย้อนว่า “ใช่พี่ไผ่เหรอ ผมได้ข่าวมา ไม่คิดว่าเป็นพี่นะ” นายไผ่ตอบว่า “ก็เอาว่าผมช่วยมาก่อนแล้วค่อยพูดหรือไม่ อย่าพูดลอยๆ ถ้าลูกน้องผมไปช่วย เพราะพรรคไม่เอา แสดงว่าผมไปช่วย มันใช่หรือ”

ต่อมา นายไผ่ส่งข้อความท้านายสิระให้ลาออกด้วยกันและเลือกตั้งใหม่หรือไม่ นายสิระตอบกลับว่า “ผมมาจากประชาชน ให้มาเป็นตัวแทนประชาชน ไม่ใช่มาทะเลากับใครและมาท้าทายกันครับ จบนะครับเดี๋ยวก็เช้าแล้ว”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการตอบโต้กันของนายไผ่ และนายสิระ มี ส.ส.กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พยายามเข้ามาห้ามปรามตลอด แต่ก็ไม่มีผลใดๆ โดยทั้งคู่ยังคงโต้เถียงกันอย่างดุเดือด

‘บิ๊กป้อม’ จ่อเรียกไผ่-สิระเคลียร์

เมื่อเวลา 15.10 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม. ถึงข้อความหลุดจากไลน์กลุ่มส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐที่ตอบโต้กันระหว่างนายไผ่กับนายสิระว่า ยังไม่รู้ ยังไม่ได้อ่าน ยังไม่ได้เจอกับทั้งสองคน แต่จะไปจัดการให้ ยืนยันว่าภายในพรรคพลังประชารัฐไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในพรรคพลังประชารัฐมีปัญหาอะไรภายในพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี แต่ละคนมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง ซึ่งไม่ได้ห้าม ส่วนที่ถามในส่วนของ ร.อ.ธรรมนัส จะทำให้มีปัญหากับพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่นั้น ไม่มี ที่ระบุเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลไม่ใช่มติของพรรค ส่วนเป็นห่วงหรือไม่ต่อกรณีที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางคนระบุว่า ไม่อยากพายเรือให้โจรนั่งนั้น เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นมีอะไร และในการประชุมครม.วันนี้ก็ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายจุรินทร์

‘หญิงหน่อย’โยนสื่อถามเองปม'ปชป.

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว กรณีเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคประชาธิปัตย์จะออกจากการร่วมรัฐบาล แล้วมาสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านจนได้เป็นรัฐบาลว่า ยังมองไปไม่ถึงตรงนั้น วันนี้ที่สะท้อนคือเป็นตัวแทนของประชาชน เพราะ ส.ส.เราได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนมา ส่วนการร่วมอยู่ในรัฐบาลแก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ สื่อคงต้องไปถามพรรคร่วมรัฐบาลแทนประชาชน

พท.หนุน ปชป.ยืนข้างประชาชน

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความคิดเห็นให้พรรคทบทวนการอยู่ร่วมรัฐบาล เพราะมีกระแสข่าวรัฐมนตรีบางคนอาจจะเกี่ยวพันกับการกักตุนหน้ากากอนามัย ว่า กระแสข่าวดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจประชาชนทั้งประเทศ การกักตุนหน้ากากอนามัยมีผลต่อการแก้ไขปัญหาโควิด-19 เรื่องนี้เชื่อว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ประชาชนเลือกเข้ามาย่อมไม่สามารถทนต่อการกระทำแบบนี้ได้ แม้พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ ส.ส.เขาก็ต้องยืนอยู่ข้างประชาชนที่เลือกเขามา

"วันนี้ประชาชนต้องอยู่อย่างหวาดกลัวและเสี่ยงภัย เมื่อมาเจอกระแสข่าวกักตุนดังกล่าว ส.ส.ที่ประชาชนเลือกมาย่อมอยู่เฉยไม่ได้ และคงรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องสนับสนุนรัฐบาลที่มีแต่คำครหาในเรื่องของการบริหารประเทศมาโดยตลอด ดังนั้น นายกฯ ควรรับฟังเสียง ส.ส.เหล่านั้นเพื่อปรับปรุงให้รัฐบาลได้รับความเชื่อมั่นมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

“ศรีสุวรรณ”หนุนปชป.ถอนสมอเรือ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์หากจะมีอุดมการณ์หลงเหลืออยู่บ้าง จะได้ร่วมกันพิจารณาทบทวนการเข้าร่วมรัฐบาล แต่จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนนั้นต้องอยู่ที่การตัดสินใจของคนประชาธิปัตย์เอง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหัวหน้าพรรคนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ และมี ส.ส.อีกหลายคนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีอยู่ด้วยนั้นจะเอาด้วยหรือไม่ หรือเป็นเพียงพวกอิจฉาตาร้อน เพราะตนเองไม่มีตำแหน่งเลยฟาดงวงฟาดงาเล่นๆ ในกลุ่มไลน์ไปวันๆ เท่านั้น แต่หากพรรคประชาธิปัตย์กล้าถอนตัวออกมาจริง ก็จะเป็นนิมิตหมายที่ดีของพรรคในอนาคตที่จะปิดโอกาสเสี่ยงการสูญพันธุ์แน่นอน

อย่างไรก็ตามหากจะถอนตัวจริง ขอให้หัวหน้าพรรคและ รมว.พาณิชย์เคลียร์ปัญหาข่าวการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น และการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยที่ล้มเหลวในปัจจุบันให้ได้เสียก่อน เพราะประชาชนเขาตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะกรมการค้าภายในกันทุกวันว่าไม่สามารถกระจายให้สถานพยาบาล ร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ ร้านชำได้ตามที่โฆษณาชวนเชื่อไว้ เพราะถ้าทิ้งเรือแป๊ะออกไปตอนนี้ ประชาชนเขาจะตำหนิได้ว่า เป็นพวกเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน

 

หมายจับ“พีระวิทย์”คดีฉ้อโกงเงินหาเสียง

วันเดียวกัน ศาลจังหวัดตรัง ได้นัดไต่สวนและสอบคำให้การจำเลยคดีดำ อ.1320/2562 ที่โจทก์รายหนึ่ง(ขอสงวนชื่อ) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม เป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ โดยนายพีระวิทย์ จำเลย เดินทางมาศาลตั้งแต่เวลา 08.30 น. แต่ไม่ยอมเข้าห้องพิจารณา อ้างว่าติดภารกิจทางการเมือง จึงเดินทางกลับไปก่อน

กระทั่งเวลา 09.30 น. ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์ ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดออกไปก่อนเนื่องจากนายพีระวิทย์ จำเลย ติดภารกิจทางการเมือง แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ก่อนหน้านี้นายพีระวิทย์ก็ได้ขอเลื่อนนัดมาแล้ว 1 ครั้ง ดังนั้นศาลจึงไม่อนุญาตให้เลื่อนนัดอีก ให้ออกหมายจับจำเลย และเลื่อนนัดพิจารณาคดีเป็นวันที่ 21 เมษายนนี้ เวลา 13.00 น.

ทั้งนี้คดีดังกล่าว โจทก์ได้ยื่นฟ้องนายพีระวิทย์ จำเลย ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ กรณีนายพีระวิทย์ จำเลย ได้หลอกลวงโจทก์ให้เป็นนายทุนออกเงินค่าหาเสียงให้ก่อน แล้วจะคืนเงินให้แก่โจทก์ภายหลัง แต่เมื่อโจทก์ทวงถามหลายครั้ง นายพีระวิทย์ จำเลย ยังไม่คืนเงินให้ จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลขอให้ลงโทษตามความผิดด้วย

จี้‘ครูตั้น’อย่าปิดกั้นนร.‘แฟลชม็อบ’

เวลา 13.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง (Active youth) พร้อมด้วย นายธนเดช ใจสบาย ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิและกลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา จากหลายสถาบัน กว่า 40 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อขอให้เปิดพื้นที่ปลอดภัยในสถานศึกษา ให้นักเรียน นักศึกษา ได้แสดงออกทางความคิดอย่างเสรี สร้างสรรค์ ตามสิทธิกฎหมายที่พึงจะกระทำได้ ทั้งนี้ กลุ่มเยาวชนได้แสดงละครสั้นชุด “ปกป้องสิทธิและเสรีภาพเด็กและเยาวชน” พร้อมอ่านข้อเสนอ 5 ข้อ ถึงกระทรวงศึกษาธิการ และทุกฝ่ายในสังคม โดยนายณัฏฐพล ซึ่งติดประชุม ครม.  ได้มอบหมายให้นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มารับจดหมายเปิดผนึกแทน