ข่าว

"ลดาวัลลิ์" ทิ้งเพื่อไทย "แรมโบ้" ตามจีบช่วยงานรัฐบาล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ลดาวัลลิ์" ประกาศลาออกเพื่อไทย กมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญเลื่อนการจัดเวทีพบปะประชาชน รอโควิด-19 คลี่คลาย ฝ่ายค้านลุยซักฟอกนอกสภา 12 มี.ค. นี้ "สุเทพ" เตือนแฟลชม็อบให้ระวังอย่าทำผิด ก.ม.

 

              เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563  นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “ลดาวัลลิ์ / Ladawan Wongsriwong” ระบุว่า “นับจาก 13 กันยายน ปี 2535-2563 เป็นเวลา เกือบ 28 ปี แต่ได้ทำหน้าที่ทางการเมืองตามกฎหมายเพียง 11 ปี ถูกตัดสิทธิ์ เว้นวรรคทางการเมือง นานเกือบ 17 ปี แต่ก็เป็น 11 ปีที่ดิฉันได้สร้างผลงานไว้มากมาย และมาจนถึงวันนี้จึงได้ตัดสินใจด้วยตัวเองลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรค รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานรับเรื่องราวร้องทุกข์

 

 

 

              เพราะเห็นว่าการอยู่ในพรรคเพื่อไทยต่อไปก็คงไม่สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติกับประชาชนได้ตามที่ควรจะเป็น ดิฉันเชื่อมั่นว่าเส้นทางข้างหน้ายังมีโอกาสจะริเริ่มสร้างสรรค์ได้ทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนตามแนวทางที่ตนเองมีความถนัด มีประสบการณ์และเป็นตัวของตัวเอง ดิฉันฝันมานานอยากมีพรรคการเมืองของตัวเอง อยากรวมคนที่มีอุดมการณ์ทำงานการเมืองเพื่อประชาชนจริงๆ มาอยู่ด้วยกัน ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักและให้ประชาชนมาร่วมขับเคลื่อนการเมืองร่วมกับพรรคอย่างแท้จริง ตอนนี้ยังไม่ขอสังกัดพรรคใด และขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ให้กำลังใจ ให้คำแนะนำที่ดี และให้การสนับสนุนด้วยดีตลอดมา”

              “ดิฉันฝันมานานอยากมีพรรคการเมืองของตัวเอง อยากรวมคนที่มีอุดมการณ์ทำงานการเมืองเพื่อประชาชนจริงๆ มาอยู่ด้วยกัน ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักและให้ประชาชนมาร่วมขับเคลื่อนการเมืองร่วมกับพรรคอย่างแท้จริง ตอนนี้ยังไม่ขอสังกัดพรรคใด และขอขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ให้กำลังใจ ให้คำแนะนำที่ดี และให้การสนับสนุนด้วยดีตลอดมา” นางลดาวัลลิ์ กล่าว

 

 

 

พปชร.อ้าแขนรับ - ‘ลดาวัลลิ์’ ปัดร่วม

              ด้าน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นางลดาวัลลิ์ยื่นหนังสือลาออกจากกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยว่า อาจเพราะนางลดาวัลลิ์คงอึดอัดใจที่ทางพรรคเพื่อไทยไม่ให้ทำงานหรือไม่ ซึ่งช่วงหลังก็ไม่ได้เห็นนางลดาวัลลิ์มีบทบาทภายในพรรค ขณะนี้ได้ก็มีการพูดคุยกันและได้ชักชวนให้มาทำงานกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หากนางลดาวัลลิ์สนใจก็พร้อมอ้าแขนรับ เข้ามาร่วมงานกัน

              เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ต่อมานางลดาวัลลิ์ ระบุว่า “ขอบคุณน้องแรมโบ้ที่ชวนเข้าพรรคพลังประชารัฐ แต่คงเป็นไปไม่ได้ค่ะ ขอพักให้เวลาครอบครัวและตัวเองสักระยะหนึ่ง ค่อยคิดเรื่องเส้นทางการเมืองค่ะ”

 

 

 

“มีปัญหาปรึกษานายกฯ” เริ่มแล้ว

              เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต้อนรับภาคประชาชน 3 กลุ่ม ได้แก่ ตัวแทนเกษตรกร ตัวแทนประชาชน และตัวแทนผู้ประกอบการอิสระ เพื่อนำเสียงสะท้อนที่ได้รับไปประมวลออกมาเป็นมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนตรงกับความต้องการที่แท้จริงแต่ละกลุ่ม ตามแคมเปญซีรีส์ “มีปัญหา ปรึกษานายกฯ” โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พร้อม นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำตัวแทนกลุ่มภาคประชาชนเข้าพบ และมี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เข้าร่วมพูดคุย

              นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้มีตัวแทนภาคประชาชนเกือบ 30 คน เข้าพูดคุยกับนายกฯ เป็นการมาพูดคุยถึงความทุกข์ร้อน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายและนโยบายของนายกฯ อยู่แล้ว ที่ต้องการรับฟัง โดยเฉพาะความเดือดร้อนจากสภาวะเศรษฐกิจ การทำมาหากิน การประกอบอาชีพ และสิ่งที่อยากได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยครั้งต่อไปจะต้องดูตารางงานนายกฯ ด้วย

 

 

 

‘สุเทพ’ เตือนแฟลชม็อบต้องระวัง

              ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และแกนนำ กปปส. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแฟลชม็อบต้านรัฐบาลที่จัดโดยนักเรียน นิสิต นักศึกษา ว่า การจะแสดงความคิดเห็นเรื่องการเคลื่อนไหวของนักศึกษาต้องทำด้วยความระมัดระวัง อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดกันได้ แต่ยังยืนยันในหลักการการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นของกลุ่มไหนเป็นสิทธิที่ดำเนินการได้ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ให้การรับรองเอาไว้ แต่ในฐานะคนที่มีประสบการณ์ในการชุมนุมต่อสู้มาแล้ว และถูกดำเนินคดียาวนานเป็นเวลานับปี ต้องฝากไปถึงน้องๆ ว่าใครก็ตามที่เป็นผู้นำ จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ให้ผู้ชุมนุมกระทำการใดที่เป็นการทำผิดกฎหมาย แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ไปเคลื่อนไหวอะไรก็มีการบันทึกไว้เป็นคลิป วันข้างหน้าจะกลายเป็นปัญหาถูกดำเนินคดี เหมือนพวกตนตอนนี้ คนอื่นกลับบ้านกันหลายปีแล้ว พวกตนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลทุกวัน ไม่ได้ไปทำมาหากินที่ไหน แถมรู้สึกเหนื่อยอีกด้วย

 

 

 

              “ก็ฝากให้เป็นแง่คิด น้องๆ นักศึกษาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และผมคิดว่าการแสดงความคิดความเห็นของเขาก็เป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนก็ควรจะได้ติดตามรับฟัง ว่าเขาคิดอะไร เขามีความเห็นอย่างไร ส่วนถ้ามีใครไปปลุกปั่นยุยงนักศึกษาก็ต้องเรียกว่าเป็นบาปของเขา คนไปทำน่ะ ไม่ใช่นักศึกษา คนที่ไปพยายามที่จะปลุกปั่นใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือ ให้รู้ว่ากำลังทำบาปอย่างมหันต์” นายสุเทพ กล่าว

 

“ดร.นิว” ชำแหละ “ผู้นำ ปชต.จอมปลอม”

              วันเดียวกัน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ระบุว่า #ผู้นำประชาธิปไตยจอมปลอม ชู 3 นิ้ว อ้าง 3 สิ่ง มอมเมาผู้ที่รู้ไม่เท่าทัน 1.อ้างรัฐธรรมนูญ แต่ไม่อ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญ แถมทำผิดและบิดเบือน 2.อ้างประชาธิปไตย แต่ไม่เคยเคารพกฎหมายตามหลักประชาธิปไตย และไม่เคารพกติกาของสังคม 3.อ้างสิทธิเสรีภาพ แต่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นและสังคมอยู่เป็นนิจ

 

 

 

              “พอตัวเองได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ เงียบ พอตัวเองเสียประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ โทษรัฐธรรมนูญ ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ พอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเป็นคุณเงียบ พอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเป็นโทษโทษศาลรัฐธรรมนูญ เผด็จการอยู่เบื้องหลัง มีผู้กำกับภาพยนตร์ พอไม่พอใจคนอื่นต้องลาออก พอตัวเองทำผิดจำไม่ได้ ถูกกลั่นแกล้ง พอตัวเองวิจารณ์ด่าคนอื่นยังไงก็ได้เป็นสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตย พอตัวเองทำผิดกฎหมายประเทศนี้มันห่วย ไม่เป็นประชาธิปไตย จำกัดสิทธิเสรีภาพ เผด็จการ พอตัวเองมีความสุข เงียบ พอตัวเองเป็นทุกข์เดือดร้อน เป็นเรื่องของทุกคน จงออกมาสู้เพื่อประชาธิปไตย พอลูกตัวเอง ต้องเติบโตอย่างมีคุณภาพมากกว่าคนอื่นเป็นล้านคน พอลูกชาวบ้าน ต้องออกมาขับไล่เผด็จการ จงระเบิดความคับแค้นออกมา พอทำพรรค หลบอยู่หลังเงินกู้ พอทำผิด หลบอยู่หลังความลืม พอทำม็อบ หลบอยู่หลังหุ่นเชิด #ผนลจลชคง #ผู้นำเลวจะหลอกใช้คนโง่ ผู้นำประชาธิปไตยจอมปลอม คือ คนที่ชอบพร่ำสอนความเชื่อที่เขารู้แก่ใจว่ามันผิดให้แก่คนที่เขารู้ดีว่าเป็นคนโง่ The demagogue is one who preaches doctrines he knows to be untrue to men he knows to be idiots.” ดร.นิว ระบุ

 

 

 

กมธ.แก้รธน.เลื่อนเวทีฟังความคิด

              ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นประธานการประชุม ได้ประชุมเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ทั้งนี้ ในช่วงแรกของการประชุม ปรากฏว่าที่ประชุมได้หยิบยกกรณีการชุมนุมของนักศึกษาตามมหาวิทยาลัย จึงเห็นว่าควรที่จะให้นักศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนญ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษา

              นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการชุมนุมของนักศึกษา จึงต้องการที่จะให้มีคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้ ซึ่งเราก็มีคณะอนุกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นที่มีนายวัฒนา เมืองสุข เป็นประธานอยู่แล้ว และที่ผ่านมาคณะอนุกรรมาธิการชุดนี้ได้เตรียมการจะระดมความคิดเห็นด้วยการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นตามสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัย 5 แห่งทั่วประเทศ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทำให้มหาวิทยาลัยมีหนังสือตอบกลับมาว่าขอให้เลื่อนการจัดเวทีดังกล่าวออก เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาด ดังนั้น ในที่ประชุมวันนี้จะต้องหารือรูปแบบที่จะให้นักศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

 

 

 

ชงที่มานายกฯต้องมาจาก ส.ส.

              ขณะเดียวกัน คณะอนุกรรมาธิการศึกษาวิเคราะห์บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย นำโดยนายนิกร จำนง ได้นำเสนอความคืบหน้าในการทำงานว่า คณะอนุกรรมาธิการได้พิจารณาในส่วนของคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับที่มาของนายกฯ ซึ่งที่ประชุมอนุกรรมาธิการส่วนใหญ่มีความเห็นให้กลับเป็นไปแบบเดิมคือ ให้มาจากการเลือกตั้งและต้องเป็น ส.ส.เพราะระบบปัจจุบันเป็นบทเฉพาะกาลซ่อนตัว จึงควรกลับไปใช้แบบเดิม

              ทั้งนี้ นายพีระพันธุ์มีข้อเสนอว่า รัฐธรรมนูญควรต้องให้อ่านได้ง่าย อ่านแล้วลื่น ไม่ใช่อ่านไปข้างหน้าแล้วต้องย้อนกลับมาอ่านด้านหลังอีก และรัฐธรรมนูญควรให้เกิดการทำงานได้ ที่สำคัญ การพิจารณาใดเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญจะต้องดูเจตนารมณ์เป็นหลักด้วย เช่น กรณีการถือหุ้น ถ้าจะเป็นความผิดก็ควรต้องถึงขนาดที่ตำแหน่งนั้นเข้าไปมีผลหรือมีลักษณะเอื้อประโยชน์ เป็นต้น

 

 

 

“วิษณุ” เฉยๆ ข่าวเลื่อยขาปรับ ครม.

              เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าได้เซ็นชื่อและยื่นใบลาออกจากครม.แล้วว่า “เรื่องนี้ของเก่า และเชยไปแล้ว ไม่เคยเซ็น” ส่วนที่ถามว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีใช่หรือไม่นั้น ไม่เคยเซ็น และไม่ทราบเรื่อง

              เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวด้วยว่านายวิษณุต้องการวางมือทางการเมืองเพื่อไปพักผ่อน มองว่าเป็นการปล่อยข่าวจากกลุ่มการเมืองเพื่อต้องการเข้ามานั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีแทนหรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ไม่เป็นไร รู้สึกเฉยๆ

 

“นายกฯ” สั่งเร่งกฎหมายสำคัญเข้าสภา

              นอกจากนี้ นายวิษณุ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ขอให้เร่งนำกฎหมายสำคัญของรัฐบาลเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ได้รายงานและนายกฯ สนับสนุนว่า เนื่องจาก 1 ปีที่ผ่านมา 2 สมัยประชุมสภา มีกฎหมายเข้าน้อย ส.ส.ก็บ่น เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะร่างกฎหมายมีค้างอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ 40 กว่าฉบับ และกฎหมายเหล่านั้นจะต้องรับฟังความเห็นตามมาตรา 77 กำหนดหลักเกณฑ์ว่าด้วยก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ง่ายเหมือนสมัยก่อนที่กฤษฎีกาตรวจเสร็จเข้าสภาได้เลย แต่เดี๋ยวนี้มีมาตรา 77 ซึ่งเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและต้องทำอะไรอีกมาก เลยทำให้ช้า แต่ตอนนี้ได้ทำเสร็จแล้วหลายฉบับ เพียงแต่เข้าสู่การพิจารณาประชุมสภาสมัยที่แล้วไม่ทัน ดังนั้น 2 เดือนครึ่งที่ปิดสมัยประชุมสภา ให้แต่ละกระทรวงไปรับฟังความเห็น เมื่อเปิดสภามาเดือนพฤษภาคม ก็จะมีกฎหมายเข้าสภามากขึ้น

 

 

 

“ธนกร” ซัดเพื่อไทยปมยันหว่านเงิน ปชช.

              ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า รัฐบาลคิดผิด ผลาญเงินแจกเงินคนตกงานสู้ไวรัสโควิด-19 ว่า วันนี้ประเทศประสบปัญหาวิกฤตไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและอีกหลายๆ ด้าน รัฐบาลจึงเตรียมออกชุดมาตรการที่ 1 ในการดูแลผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการขึ้นมาเพื่อเสนอ ครม. ไม่ได้แจกเงินเพียงอย่างเดียว นายเผ่าภูมิใช้สมองข้างไหนคิด การส่งเงินถึงมือประชาชนเพื่อให้ประชาชนนำไปซื้อสินค้าทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย เม็ดเงินจะหมุนไปหลายภาคส่วน หลายๆ รอบ เกิดการผลิต เกิดการจ้างงาน โดยรัฐบาลจะช่วยทุกกลุ่ม มีมาตรการออกมาไม่ว่าจะเป็นการออกซอฟต์โลนให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ธนาคารพาณิชย์เพื่อนำไปปล่อยต่อให้แก่ผู้ประกอบการ รวมไปถึงมาตรการทางภาษีจูงใจไม่ให้ผู้ประกอบการเลิกจ้างพนักงาน

              นายธนกร กล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่ได้ผลาญเงิน ไม่ได้ชุ่ยเหมือนรัฐบาลในอดีตที่นายเผ่าภูมิอาจจะคุ้นเคย รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการช่วยพี่น้องประชาชนทั่วประเทศในภาวะวิกฤติ และเป็นระยะสั้นๆ ที่สำคัญ รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำประเทศฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ จึงอยากจะขอความร่วมมือทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้าน ให้เพลาๆ เกมการเมืองลงหน่อย ไม่พูดบ้างก็ได้ เพราะสถานการณ์โควิด-19 กำลังระบาดทั่วโลก วันนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ไม่ใช่ออกมาซ้ำเติม

 

 

 

ลุยซักฟอกนอกสภา12มี.ค.

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน คณะทำงานฝ่ายค้านเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นคณะทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค เห็นร่วมกันให้จัดเวทีอภิปรายนอกสภา ในวันที่ 12 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ โดยหัวข้อที่จะหยิบยกมาพูดคุยแลกเปลี่ยนในเวทีดังกล่าวคือ Information Operation (IO) หรือปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐ ที่กระทำและส่งผลกระทบต่อประชาชน

              ทั้งนี้ เบื้องต้นวิทยากรที่ยืนยันแล้วประกอบด้วย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งจะนำข้อมูลบางส่วนที่ยังไม่ได้อภิปรายในสภามาเปิดเผยต่อสาธารณชน รวมถึง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และรองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย ที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับปฏิบัติการไอโอของกองทัพ ซึ่งทำ 2 ภารกิจหลัก คือ ยุยง และปิดปากประชาชน และนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ที่จะพูดเนื้อหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน นอกจากนี้ กำลังประสานงานกับแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านบางคนและนักวิชาการที่มีความรู้ในด้านดังกล่าว เพื่อให้เข้ามาแลกเปลี่ยนให้ความเห็นกันอีกด้วย

 

 

 

“อนุสรณ์”อัดบิ๊กตู่ไม่ฟังครูอาจารย์

              ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ 2020” โดยสถาบันสร้างไทย พรรคเพื่อไทย แล้วถูกวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะไม่เหมาะสมจากรัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐ ว่า แท้จริงแล้วข้อมูลที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยบอกว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัดนั้น อาจมีส่วนถูก โดยเฉพาะคนที่อยู่รายล้อมรอบตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง ที่รีบร้อนออกมาตำหนินายวีรพงษ์ โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ

              “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายวีรพงษ์วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หลายรัฐบาลก่อนหน้านี้ ภาพรวมประเทศในขณะนี้ ถือว่าตกอยู่มหาวิกฤติ คือ วิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติการเมือง และวิกฤติกฎหมาย หรือแม้แต่การที่คนในรัฐบาลบอกว่าการส่งออกไม่มีความสำคัญ สามารถสร้างความต้องการภายในรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ เป็นคำพูดที่โง่เขลา เป็นคำพูดที่ไม่รู้เรื่อง คงจะหลอกทหารได้ แต่หลอกคนที่อยู่ในขบวนการเศรษฐกิจ อยู่ในขบวนการทางด้านการเงินและการผลิตไม่ได้ จริงเท็จอย่างไร ก็ว่ากันไปตามบทวิเคราะห์ทางวิชาการ ประชาชนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ฟังความเห็นของนักวิชาการ ครูบาอาจารย์มากกว่านี้ ประเทศเราคงไม่มาถึงจุดวิกฤติขนาดนี้ ฉลาดแล้วยโส ว่าหนักแล้ว แต่โง่แล้วโมโหผู้รู้ที่มาแนะนำ สังคมไทยรับไม่ได้ ถ้ารับคำวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ก็ให้ลาออกไป” นายอนุสรณ์ กล่าว

 

 

 

เรียก‘นิพิฏฐ์’ให้ข้อมูลเสียบบัตร18มี.ค.นี้

              ที่รัฐสภา นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในวันที่ 18 มีนาคม เวลา 09.30 น. กมธ.จะเชิญ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาให้ข้อมูลต่อ กมธ.กรณีการร้องเรียน นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง และ นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย มีพฤติการณ์เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2563 จากนั้นในสัปดาห์ถัดไปจะเชิญนายฉลอง และนางนาที ในฐานะผู้ถูกร้องเรียนมาให้ข้อมูลต่อ กมธ. และสัปดาห์ถัดไปจะเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักการประชุม เจ้าหน้าที่ชวเลข และฝ่ายโสตทัศนูปกรณ์ มาให้ข้อมูลต่อ กมธ. เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน โดย กมธ.จะสรุปผลการสอบข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด เพื่อส่งเรื่องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการต่อไป

 

 

 

“กมธ.”เรียกแจงปมบ้านพักทหาร

              ที่รัฐสภา พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า วันนี้ทาง กมธ.ได้เชิญตัวแทนจากกองทัพ อาทิ รองแม่ทัพภาค 2 และเจ้าหน้าที่จากทางจังหวัด รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง โดยประเด็นแรกคือเรื่องบ้านพักราชการทหาร ตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการพักอาศัยในบ้านพักทหารปี 2548 จากนั้น พล.ต.ทรงกลด กล่าวว่า จะมีการเชิญอีกหลายครั้ง จนกว่า กมธ.พอใจ เพื่อให้มีการปรับปรุงแก้ไขพัฒนากองทัพต่อไป ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นกองทัพไม่ได้นิ่งดูดาย เพราะเขาก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก คนคนเดียวทำให้กองทัพสะเทือนได้ทั้งกองทัพ ซึ่งทางกองทัพเองก็รับว่าจะนำไปแก้ไขทั้งหมด ทั้งเรื่องกฎหมาย ระเบียบ รวมไปถึงสิทธิของผู้มีสิทธิพักในบ้านพักทหาร ซึ่งขณะนี้ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ก็ให้ออกจากบ้านพักทุกคนแล้ว นอกจากนี้ เรื่องผลประโยชน์ในหน่วยทหารก็จะมีการแก้ไขด้วย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี

 

 

 

“วรวิทย์”นั่งปธ.ศาลรัฐธรรมนูญ

              เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมเพื่อเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ แทนที่ นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ คนปัจจุบัน ที่จะหมดวาระลงพร้อมกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 4 คน ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะเป็นการประชุมร่วมกันครั้งแรกระหว่างตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดเดิมกับว่าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่อีก 4 คน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 206 คือ ให้ผู้ได้รับความเห็นชอบเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเลือกกันเอง ให้คนหนึ่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ แล้วแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภาทราบ เพื่อนำชื่อขึ้นกราบบังคมทูลทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 204

              ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเลือก นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็น ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยเสียงข้างมาก โดยมีผู้เสนอชื่อ 3 คน คือ นายวรวิทย์ , นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ

 

 

 

บิ๊กตู่ “เน้นเนื้องานกว่า” โควตา ส.ส.

              ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำหรับการปรับ ครม. หลัง พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาระบุว่า “เมื่อถึงเวลาจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง” ทำให้กระแสการปรับครม.หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงกระแสข่าวรัฐมนตรีบางคนยื่นใบลาออกจนผู้ที่ตกเป็นข่าวต่างออกมาปฏิเสธ ทำให้กระแสเบาลงไป แต่ก็ยังเป็นที่จับตาของสื่อมวลชนอยู่

              ล่าสุด แกนนำในรัฐบาลบางคนออกมาระบุว่า “นายกฯ จะยังไม่ตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรีในเร็ววันนี้ เพราะต้องการใช้เวลาทั้งหมดในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อีกทั้ง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เพิ่งประกาศใช้ และการตัดสินใจของนายกฯ จะดูจากเนื้องานมากกว่าเรื่องโควตา ส.ส. และไม่ไปแตะสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเพราะไม่ต้องการให้เกิดแรงกระเพื่อม”

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ