ข่าว

เต็ง ปศร. "ทวีเกียรติ-วรวิทย์-อุดม" เลือกวันนี้ (5 มี.ค.)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิด 3 แคนดิเดต "ทวีเกียรติ - วรวิทย์ - อุดม" ชิงประธานศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ (5 มี.ค.) ขณะที่แฟลชม็อบระยองโร่แจ้งความอ้างถูกคนติดตาม ส่วนนักศึกษาราชภัฏเทพสตรีลพบุรีไม่รวมพลตามนัด เหตุอธิการบดีห้ามชุมนุมอ้างโควิด-19

 

              เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563  ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการเลือกประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ปศร.) ว่า วันที่ 5 มีนาคม นี้ จะมีการประชุมร่วมกันของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบัน 4 คน และชุดใหม่อีก 4 คน ที่อาคารสุขประพฤติ เพื่อคัดเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญ โดยขณะนี้มี 3 ตัวเต็งที่เป็นแคนดิเดตในตำแหน่งดังกล่าวคือ นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม อดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด และ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกา

 

 

 

              สำหรับขั้นตอนการเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการทั้ง 8 คน จะประชุมและเลือกกันเอง ผู้ที่เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญจะต้องได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่ง โดยการเลือกประธานครั้งนี้หากเสียงเท่ากันคือ 4 ต่อ 4 เสียง ที่ประชุมต้องตกลงกันเพื่อหาข้อยุติให้ได้บุคคลที่เหมาะสม มาเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนต่อไป เมื่อได้ชื่อประธานศาลรัฐธรรมนูญแล้วจะส่งชื่อประธานศาลรัฐธรรมนูญและว่าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมดแก่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เพื่อนำรายชื่อทั้งหมดขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป โดยการดำรงตำแหน่งประธานและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปี นับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าตุลาการยังขาดอีก 1 คน เนื่องจากต้องมีกระบวนการสรรหาใหม่แทน นายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ ที่ไม่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา จึงต้องมีการสรรหาใหม่โดยการเสนอชื่อจากที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด ภายใน 60 วัน

 

 

 

              อย่างไรก็ดี ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 บัญญัติให้การทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหาก มีตุลาการแค่ 7 คน ก็สามารถทำหน้าที่วินิจฉัยคดีต่างๆ ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องครบ 9 คนแต่อย่างใด เป็นที่น่าสังเกตว่า การที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมี 8 เสียง ทำให้การลงมติต่างๆ ที่อาจต้องใช้เสียงข้างมากหากตุลาการมีความเห็นที่ต่างกันในการลงมติ แล้วเสียงเสมอกันคือ 4 ต่อ 4 อาจทำให้เกิดข้อถกเถียงในการลงมติ เพื่อทำให้เสียงออกมาเป็นเลขคี่จนเป็นมติเสียงข้างมากต่อไป สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่นั้น ในแวดวงตุลาการจะให้ความสำคัญเรื่องอาวุโส ประสบการณ์ และอื่นๆ อีกหลายประการเป็นองค์ประกอบ

 

 

 

ม็อบราชภัฏเทพสตรีไม่มาตามนัด

              ส่วนความคืบหน้ากรณีนิสิตนักศึกษาจัดกิจกรรมชุมนุมไล่รัฐบาลเผด็จการ ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. ที่หน้าหอประชุมที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรีลพบุรี พบว่า หอประชุมปิดสนิทไม่มีการชุมนุมตามที่กลุ่มนักศึกษาในมหาวิทยาลัยราชฏัชเทพสตรีนัดรวมตัวเพื่อทำการประท้วงทวงคืนประชาธิปไตย แต่กลับไม่มีวี่แววของนักศึกษากลุ่มนี้แต่อย่างใด

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มไลน์ของนักศึกษาได้โพสต์ข้อความ ขอเลื่อนการจัดกิจกรรมในวันที่ 4 มีนาคม เนื่องจากมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามจะไม่มีการยกเลิกกิจกรรม ขณะเดียวกันยังอีกสาเหตุหนึ่งจากการออกหนังสือของ ผศ.จินตนา เวชมี อธิการบดี ลงวันที่ 1 มีนาคม 2563 ให้หยุดการชุมนุม แฟลชม็อบนักศึกษาทวงคืนประชาธิปไตยเอาไว้ชั่วคราว เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงไม่มีนักศึกษาคนใดออกมาชุมนุมในครั้งนี้

 

 

 

เด็ก ม.วลัยลักษณ์แห่ซ้อมใหญ่

              วันเดียวกัน สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษา ม.วลัยลักษณ์ เปิดเผยว่า ในช่วงเย็นวันนี้มีการนัดหมายซ้อมชุมนุมใหญ่ บริเวณลานไทร ภายในมหาวิทยาลัย โดยจะมีการปราศรัยแสดงจุดยืน เขียนความรู้สึก รวมถึงกิจกรรมด้านศิลปะ นอกจากนี้มีการเตรียมเจลล้างมือและหน้ากากอนามัยจำนวนหนึ่งสำหรับแจกผู้เข้าชุมนุมเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงเอกสาร “ฮาวทูม็อบ ม็อบอย่างไรไม่ให้เหลือลุง” จากกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยอีกด้วย

              เวลา 12.00 น. นายภานุพงศ์ จาดนอก อายุ 23 ปี แกนนำเด็กและเยาวชนจังหวัดระยอง ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ภูมิสิทธิ์ ยันตรพันธ์ สารวัตรเวร สภ.เมืองระยอง ว่าถูกกลุ่มผู้ชายหัวเกรียนบุกถามหาถึงบ้านพัก พร้อมทั้งถ่ายรูปคนในครอบครัวไป นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ติดตามข่มขวัญหลังจากที่มีการชุมนุมหน้าตลาดเทศบันเทิงพลาซ่า ต.ท่าประดู่ จ.ระยอง เมื่อเวลา 17.00-19.30 น. วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา

 

 

 

แฟลชม็อบระยองผวาถูกตาม

              นายภานุพงศ์ กล่าวว่า สำหรับการต่อสู้เรียกร้องก็ยังดำเนินต่อไป เพราะในแนวทางประชาธิปไตยทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงออกเพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้อง ตนเองและนักเรียนนักศึกษา จ.ระยอง จะขอต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตยต่อไป ถึงแม้จะตกอยู่ในอันตรายก็ตาม

              เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความไว้ พร้อมทั้งประสานไปยัง สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง ที่ดูแลพื้นที่บ้านพักของนายภานุพงศ์ ให้ช่วยตรวจสอบดูแล และตรวจสอบหลักฐานหาเบาะแสต่อไป

 

“ชวน”แนะรัฐใช้ช่องทาง “ม.165”

              วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงแนวทางการเสนอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อรับฟังความเห็นนักศึกษาว่า เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ สมมุติว่าสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เข้าชื่อ 250 คน แล้วเอา ส.ส.มาลงชื่ออีกเพียง 1 คน ก็สามารถเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้แล้ว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 123 แต่เป็นอำนาจของฝ่ายบริหารด้วย ที่จะเสนอให้ประกาศพระราชกฤษฎีกาเพื่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ได้ กรณีอยากรับฟังความเห็นของสมาชิกรัฐสภา ทุกฝ่ายจึงควรหารือกัน ส่วนประธานรัฐสภาไม่มีสิทธิ์ที่จะเสนอเอง เว้นแต่มีการเสนอเข้ามา แล้วประธานรัฐสภาจะเสนอเรื่องไป แต่ได้มอบหมายให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเตรียมการเผื่อไว้แล้ว

 

 

 

              ส่วนเหตุการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาที่เกิดขึ้นถึงขั้นต้องใช้กลไกรัฐสภาแล้วหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า อันนี้แล้วแต่ ปกติถ้าเป็นสมัยประชุมก็ไม่ค่อยมีปัญหา สามารถเสนอญัตติได้ในระเบียบวาระ แต่เมื่อปิดสมัยประชุม กระบวนการทั้งหลายจะทำได้เมื่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ซึ่งมีกฎหมายบังคับไว้ชัดเจน แต่ฝ่ายที่สามารถดำเนินการได้สะดวกที่สุดคือฝ่ายบริหาร ส่วนกระบวนการพูดคุยกันระหว่างคู่ขัดแย้งนั้นเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง แต่รัฐสภามีหน้าที่อำนวยความสะดวก ตามความต้องการของแต่ละฝ่ายได้ หาก ส.ส.หรือ ส.ว.ต้องการจะเสนอ ก็สามารถหารือกับฝ่ายรัฐบาลได้ ซึ่งจะเป็นเรื่องดีหากร่วมมือแก้ปัญหาการโดยส่วนรวม

 

‘เอนก’ชี้โกรธใครก็ลบหลู่ธงชาติไม่ได้

              ขณะที่ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานสถาบันบูรพาภิวัตน์ ภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสภา และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคร่วมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” ระบุว่า ... ธงชาติ และเพลงชาติ เป็นของคนไทยทุกคน ศักดิ์สิทธิ์ และมีความหมายต่อจิตใจ ธงชาตินั้นมีสามสี แดง น้ำเงิน ขาว สีแดงนั้นหมายถึงชาติ สีน้ำเงินนั้นหมายถึงพระมหากษัตริย์ สีขาวนั้นหมายถึงศาสนา เพลงชาติ น้องๆ โปรดทราบ แต่งขึ้นหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 สะท้อนถึงไทยที่เป็นประชาชาติ คือ ประชาชนไทยทั้งมวลที่อยู่ใต้การปกครองแบบรัฐธรรมนูญนิยม อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

              "จะโกรธ จะเกลียดใคร จะต่อต้านใคร ก็ลบหลู่ชาติไม่ได้ จะลบหลู่สามสีของธงชาติไม่ได้ ต้องการแสดงอารมณ์แสดงจุดยืนทางการเมืองอะไรอย่างไร ก็ลบหลู่ชาติ และสถาบันหลักของชาติไม่ได้" ดร.เอนก ระบุ

 

 

 

‘วัฒนา’ยัน‘ชักธงดำ’เอาผิดไม่ได้

              ขณะที่ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นกรณีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชักธงดำ มีเนื้อหาดังนี้ การที่นิสิตจุฬาฯ ท่านหนึ่งพยายามจะชักธงดำขึ้นเสาของจุฬาฯ เพื่อแสดงสัญลักษณ์การไว้อาลัยต่อกระบวนการยุติธรรม จึงเป็นเสรีภาพในการแสดงออกด้วยการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 34 เมื่อการกระทำดังกล่าวไม่ผิดกฎหมายทุกฝ่ายจึงควรให้ความเคารพ ส่วนจะเป็นความเหมาะสมหรือไม่เป็นเรื่องของดุลพินิจของแต่ละคน

              “ทุกฝ่ายควรยอมรับว่าเหตุที่ทำให้นิสิตนักศึกษาต้องมารวมตัวกันเพื่อแสดงออกไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบือนนั้น มีอยู่จริง การเรียกร้องของนิสิตและนักศึกษาถือเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตยและประโยชน์ต่อบ้านเมือง หากไม่ต้องการเห็นการชุมนุมเรียกร้องฝ่ายที่มีอำนาจก็ควรคืนอำนาจให้แก่ประชาชน ทำบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตยและไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แค่นี้บ้านเมืองก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ ปัญหาคือทำไมต้องให้เด็กออกมาเรียกร้อง” นายวัฒนา ระบุ

 

 

 

อดีตอนค.ได้ชื่อพรรคใหม่ 3 ชื่อ

              ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการเปิดตัวพรรคใหม่ของ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ว่า สำหรับชื่อพรรคใหม่นั้น จากการหารือภายหลังการประชุมของ ส.ส. และอดีต ส.ส. เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม ที่ จ.นครนายก ได้ข้อสรุปเบื้องต้นถึงชื่อพรรคใหม่ จำนวน 3 ชื่อ ได้แก่ พรรคก้าวไกล, พรรคไทยเท่าเทียม และพรรคอนาคตไทย ทั้งนี้ในวันที่ 6 มีนาคม จะมีการโหวตชื่อพรรคใหม่ โดย ส.ส. และอดีต ส.ส.ที่ยังเกาะกลุ่มกันอยู่ โดยแนวโน้มของสมาชิกส่วนใหญ่เห็นชอบชื่อ “พรรคก้าวไกล” นอกจากนี้ แนวทางการทำงานของพรรคใหม่ จะลดโทนการปะทะกับฝ่ายตรงข้ามให้น้อยลง และจะเน้นการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งการตั้งกระทู้ถามฝ่ายบริหาร และการผลักดันการออกกฎหมายต่างๆ

 

 

 

              นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า ขอใช้พื้นที่นี้แจ้งให้ประชาชนและสื่อมวลชนได้รับทราบอย่างเป็นทางการเพื่อความเข้าใจตรงกันตามนี้ วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ 55 คน จะประชุมกันเพื่อกำหนดทิศทางและแผนการดำเนินงานในอนาคต และประกาศชื่อพรรคใหม่ที่เราจะเดินไปร่วมกัน หลังประกาศชื่อพรรคที่เราจะไปร่วมแล้ว สัปดาห์หน้าพวกเราก็จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคดังกล่าวพร้อมเพรียงกัน แล้วเข้าร่วมการประชุมวิสามัญของพรรคต่อไป

              “จากนั้นเราจะร่วมงานกับพรรคใหม่ เตรียมระบบการรับสมัครสมาชิกทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อเปิดให้พี่น้องประชาชนสมัครสมาชิกพร้อมกันทั่วประเทศภายในเดือนมีนาคมนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนร่วมติดตามและให้กำลังใจพรรคใหม่ของเราด้วยครับ ไม่ว่าจะอย่างไรเราจะต้อง #สานต่อภารกิจอนาคตใหม่ และ #ไม่ทรยศประชาชน”

 

 

 

‘เฉลิมชัย’ให้ฟังแม่ทัพพูดไม่ปรับครม.

              ความคืบหน้ากระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น วันเดียวกัน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. ว่า ยังไม่ทราบ เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้นายกฯ ยังไม่มีการพูดคุยใดๆ ทั้งสิ้น และยังไม่มีอะไรเลย เพราะนายกฯ บอกแล้วว่ายังไม่มีการปรับ เพราะฉะนั้นฟังนายกฯ แล้วก็จบ ไม่ต้องไปถามใคร ไม่ต้องไปถามคนอื่น “แม่ทัพพูดต้องฟัง พลทหารพูดไม่ต้องไปฟัง ถ้ามีการปรับท่านนายกฯ ก็บอกแล้ว เมื่อท่านบอกแล้วว่ายังไม่มี ก็ไม่มี ดังนั้น มาถามก็ไม่มีคำตอบ ไม่ได้เล่นตัว ยังไม่มีการคุยกันจริงๆ”

              ผู้สื่อถามว่า นายกฯ ได้ส่งสัญญาณอะไรมาบ้างหรือไม่ นายเฉลิมชัย ทำมือเป็นสัญลักษณ์มินิฮาร์ท ให้ผู้สื่อข่าวแทนคำตอบ

 

 

 

เทพไทจี้ปรับรมต.ไร้ผลงานออก

              นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การปรับ ครม.ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะยังมีรัฐมนตรีบางคนที่ไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เป็นรัฐมนตรีที่โลกลืม ก็ควรจะมีการปรับ ครม.ในส่วนนี้ด้วย เพื่อให้ภาพลักษณ์โดยรวมของรัฐบาลดูดีขึ้น เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้เร็วที่สุด ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ตระหนักถึงความศรัทธาจากประชาชน หรือไม่สามารถเรียกความศรัทธากลับคืนมาได้ รัฐบาลก็จะพบกับวิกฤติศรัทธาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่สามารถเดินหน้าบริหารประเทศต่อไปได้อย่างแน่นอน

 

กมธ.เตรียมสอบปม “เสียบบัตรแทน”

              นายเทพไท ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงผลการประชุมของคณะกรรมาธิการว่า กมธ.กิจการสภา ได้รับหนังสือจากประธานสภาผู้แทนฯ เพื่อให้สอบสวนกรณีที่มี ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ในช่วงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ซึ่งที่ประชุมมีมติที่จะรับหนังสือดังกล่าว พร้อมกับพิจารณาสอบสวน โดยเชิญเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย โดยจะมีการเชิญกันคนละวัน เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าและให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน คือ ในวันแรกจะเชิญ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้อง วันต่อมา จะเชิญ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย และ นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้ถูกร้อง และวันสุดท้ายจะเชิญเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นฝ่ายให้ข้อมูลทั้งหมด

 

 

 

              “ส่วนกรณี ส.ส.รายอื่น ที่ปรากฏเป็นข่าวว่า มีข้อสงสัยว่าจะมีการเสียบบัตรแทนกัน เช่น น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท และกรณีที่ น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ข้อมูลว่า นายภูมิสิทธิ์ คงมี ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย มีพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกันด้วยนั้น ทาง กมธ.ยังไม่ได้รับหนังสือที่จะสามารถตั้งคณะกรรมการสอบได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องรอเอกสารที่ผู้ร้องจะยื่นเข้ามาเพิ่มเติม และจะดำเนินการสอบสวนไปในคราวเดียวกัน” นายเทพไท กล่าว

 

คาดตั้งอนุกก.ฯไต่สวนคดี ส.ส.เสียบบัตร

              ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกันในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพราะมีผู้ที่เกี่ยวข้อง 8 คน ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.อยากได้ข้อมูลที่เป็นรายละเอียดของทั้ง 8 คน เพราะตอนนี้เห็นว่ายังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อต้องการลงรายละเอียดให้ชัดเจนว่าทั้ง 8 คนนี้ เสียบบัตรของใคร และออกเสียงแทนใคร ซึ่งจะต้องรอให้ข้อมูลชัดเจนก่อน ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้ได้ภายในเดือนเมษายนนี้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 และถือเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ซึ่ง ป.ป.ช.เคยมีประสบการณ์ในการสอบสวนเรื่องในลักษณะนี้มาแล้ว ดังนั้นการสอบสวนในกรณีนี้ก็คงไม่ยาก นอกจากนั้นก็คิดว่าคดีนี้จะเป็น 1 ใน 15 คดีใหญ่ที่ ป.ป.ช.จะสามารถทำให้เสร็จภายในปีนี้ได้

 

 

 

ป.ป.ช.เชือดอดีตบิ๊กบินไทยทุจริต

              นายวรวิทย์ แถลงต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด เรืออากาศโทณรุจ โกมลารชุน ขณะดำรงตำแหน่ง ผอ.ฝ่ายทดสอบและพัฒนาการบิน และ เรืออากาศโทอภินันทน์ สุมนะเศรณี ขณะดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ เรืออากาศเอกประสาท ขุนอินทร์ กรณีการจัดซื้ออุปกรณ์ห้องนักบินเอื้อประโยชน์เอกชนโดยมิชอบ ทำรัฐสูญเสีย 147 ล้านบาท โดยคดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนโดยมี พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน

              “คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติชี้มูลความผิด เรืออากาศโทอภินันทน์ และเรืออากาศโทณรุจ มีมูลความผิดทางอาญา ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และ 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ส่วนเรืออากาศเอกประสาท มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุน” นายวรวิทย์ ระบุ

 

 

 

ปชป.ผวา‘โควิด-19’เลื่อนประชุมใหญ่

              วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิรัช ร่มเย็น นายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าพรรค ได้ออกหนังสือขอเลื่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ออกไปก่อน โดยชี้แจงว่า “เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคนี้ จึงขอให้มีการเลื่อนการประชุมออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย”

 

พท.ลั่นซักฟอกนอกสภาตอบรับอื้อ

              นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมจะเดินสายอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกสภาทั่วประเทศว่า รัฐบาลเข้าใจผิด คิดว่าปิดปากผู้อภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภา ปัญหาก็จบ ไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่รัฐมนตรีผู้ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วยังถูกอภิปรายไม่ครบ แต่รัฐบาลชิงรวบรัดตัดสิทธิ์ไม่ให้มีการอภิปรายต่อให้จบ ความกลัวทำให้เสื่อม รัฐบาลคิดว่าหยุดกระบวนการตรวจสอบผ่านกลไกของรัฐสภาแล้ว ฝ่ายค้านต้องสยบยอม ภาคประชาสังคมไปไกลเกินกว่ารัฐบาลประเมิน ทันทีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านแถลงว่าเตรียมจะเดินสายอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกสภาทั่วประเทศ มีหลายภาคส่วนแสดงเจตจำนงขอเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก คาดว่าเวทีแรกจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกสภาในประเด็นการทำสงครามข่าวสาร ไอโอ

 

 

 

“ธนกร”ซัด“ดร.โกร่ง”ซ้ำเติมประเทศ

              ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีต รมว.คลัง ระบุว่า รัฐบาลโง่เขลา ทำให้เศรษฐกิจของประเทศพังว่า ด้วยความเคารพผู้อาวุโส แต่รู้สึกผิดหวังกับนายวีรพงษ์เป็นอย่างมาก ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง และเคยเป็นถึงรัฐมนตรีคลัง น่าจะเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศดีว่า เราได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลก และต่อด้วยไวรัสโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลไม่ได้โง่อย่างที่ท่านดูแคลน ทั้งนี้ รัฐบาลออกชุดมาตรการต่างๆ มากระตุ้นเพื่อพยุงเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มีทีมเศรษฐกิจที่มีความรู้ความสามารถ และทำทุกอย่างเพื่อพี่น้องประชาชน

              “ผมยังนึกไม่ออกว่า ที่ผ่านมานั้นนายวีรพงษ์เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หรือเคยทำอะไรให้แก่บ้านเมืองบ้าง นอกจากออกมาด่ารัฐบาลไปวันๆ ทั้งนี้ นายวีรพงษ์มีโทสาคติเกินไป แทนที่จะแนะนำด้วยความหวังดี กลับอาศัยวิกฤติของประเทศมาโจมตีรัฐบาล ซึ่งเป็นการซ้ำเติมประเทศ ผมเข้าใจดีว่า ท่านเคยเป็นทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแบบนี้ แต่ก็อยากให้นึกถึงความเป็นครูบาอาจารย์ด้วย ไม่ใช่ทิ้งได้ทุกอย่างแม้กระทั่งศักดิ์ศรี เพียงเพื่อต้องการเอาใจใครบางคน” โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว

 

 

 

โต้ ‘ดร.โกร่ง’พูด“เผด็จการถ่วงความเจริญ”

              วันเดียวกัน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่า “โลกยังมองว่าไทยมีระบบการปกครองที่ล้าหลังเผด็จการแบบทหาร ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเจรจาการค้าและการลงทุนกับต่างประเทศ” นั้นว่า ในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา แม้รัฐบาลไม่ได้มาจากวิถีประชาธิปไตย เนื่องจากประเทศประสบภาวะความขัดแย้งในปี 2557 จนเดินหน้าประเทศต่อไปไม่ได้ รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงต้องเข้ามาบริหารประเทศ ขับเคลื่อนให้เดินต่อไปข้างหน้าได้ และความเชื่อมั่นในเวทีระหว่างประเทศก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ โดยรัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

              ซึ่งใน 6 ปีที่ผ่านมาสถิติการเดินทางของนายกฯ ได้เดินทางเยือนต่างประเทศแล้วทั้งสิ้น 26 ครั้ง รวมทั้งได้เข้าร่วมประชุมเวทีระหว่างประเทศ 45 ครั้ง ในทุกภูมิภาคทั่วโลก ตลอดจนได้ต้อนรับผู้นำ และบุคคลสำคัญจากต่างประเทศกว่า 26 ครั้ง อีกทั้งประเทศไทยยังได้เป็นเจ้าภาพการประชุมระหว่างประเทศในระดับผู้นำ 5 ครั้ง โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 และ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ซึ่งมีผู้นำทั่วโลกเข้าร่วม แสดงให้เห็นถึงการยอมรับ สัมพันธภาพที่ดีกับมิตรประเทศ โดยรัฐบาลเชื่อมั่นว่ามิตรภาพที่ดีที่ได้รับจากผู้นำทั่วโลก จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ดีทุกด้านกับต่างประเทศ

 

 

 

“ธนาธร”เลี้ยงพรรคฝ่ายค้านคึกคัก

              เมื่อเวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ร้านไวน์แอนด์ไดน์ ทองหล่อซอย 13 ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จองพื้นที่ชั้น 2 ของร้าน จำนวน 28 ที่นั่ง เพื่อเลี้ยงขอบคุณพรรคร่วมฝ่ายค้าน หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยแบ่งเป็น 2 โต๊ะ ซึ่งแต่ละที่นั่งมีการระบุชื่อของผู้ที่มาร่วมรับประทานอาหารอย่างชัดเจน โดยโต๊ะ 18 ที่นั่งมีรายชื่อเรียงกัน ประกอบด้วย น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตพรรคอนาคตใหม่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ พรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช ตุลาธน นายสุทิน คลังแสง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง นายชำนาญ จันทร์เรือง น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา นายสุพจน์ อาวาส นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายยงยุทธ ติยะไพรัช น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช และตัวแทนจากพรรคเสรีรวมไทย

 

 

 

              ขณะที่อีกโต๊ะประกอบด้วยแกนนำหลัก คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส นายนิคม บุญวิเศษ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ นายปิยบุตร แสงกนกกุล นายภูมิธรรม เวชยชัย และ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา

              มีรายงานว่า สมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านทยอยเดินทางมาที่ร้าน ตั้งแต่เวลา 17.30 น. โดยมีนายธนาธร และนายพิธา คอยต้อนรับ โดยนายธนาธรระบุว่า วันนี้เป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยง หลังจากพรรคถูกยุบ ถือว่าเป็นการขอบคุณที่ได้ทำงานร่วมกันมา และสรุปบทเรียนการทำงานที่ผ่านมา

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ