ข่าว

บันได 5 ขั้น "แฟลชม็อบ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

Exclusive Talk : นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม

 

               ปรากฏการณ์ชุมนุมจาก “นักศึกษา” ออกมาเคลื่อนไหวในหลายสถาบันขณะนี้ กำลังถูกเฝ้ามองถึงปลายทางการชุมนุมจะถูกยกระดับไปที่จุดใด โดยทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านขบวนการนักศึกษา ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงเบื้องหน้าและเบื้องหลังการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะแรงกดดันจากกลุ่มพลังเยาวชนจะสะท้อนไปถึงความเป็นไปของรัฐบาลอย่างไร

 

อ่านข่าว ยุบอนค.ไม่ปกติ มหิดลแฟลชม็อบ #ศาลายางดกินของหวานหลายสี

อ่านข่าว ประหารชีวิต "ธนาธร" และ "อนาคตใหม่"

 

               "นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย ให้สัมภาษณ์ "คมชัดลึก” มองปรากฏการณ์กลุ่มนักศึกษาชุมนุม ขยายไปถึง 5 ประเด็นสำคัญ เพื่อวิเคราะห์ถึงหลักฉากการเคลื่อนไหวในนาทีนี้

 

               เริ่มต้น “นพ.วรงค์” ย้อนไปถึงการชุมนุมจาก “ฮ่องกงโมเดล” มาจากแผนปฏิบัติการณ์ที่มีนักการเมืองไทย ภายใต้การสนับสนุนของทุนต่างชาติร่วมมือกันปลุกระดม โดยหวังนำความบริสุทธิ์ของเยาวชนไปเป็นเครื่องมือเพื่อแย่งชิงอำนาจ และเปลี่ยนแปลงประเทศตามที่ต้องการ

 

               แต่ฮ่องกงโมเดลกลับจบลงด้วยความรุนแรง จากเลือดเนื้อที่บริสุทธิ์ของเยาวชน โดยมีทีมบริหารแผน หากมีความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน จะใช้สื่อกระพือว่าเป็นความรุนแรงจากทางรัฐบาล ที่สรุปแผนการได้ 5 ขั้น

 

               1.ปลุกระดมเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ด้วยข้ออ้างต่างๆ นานา ทั้งจริงเท็จปะปนกันไป ที่เห็นชัดๆ สร้างข้อมูลเท็จเผยแพร่ว่าตนเองคือนักประชาธิปไตย ต่อต้านกองทัพทั้งๆ ที่ทหารในพรรคตนเองก็มีปัญหา ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร ทำลายความเชื่อถือของศาล กล่าวหาการปฏิวัติเพราะทหาร โดยไม่สนใจรากเหง้าปัญหาจากนักการเมือง หากเยาวชนรู้ไม่เท่าทันก็หลงเชื่อ

 

               2.คดียุบพรรคเป็นแรงกระตุ้นสำคัญ เพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล และสร้างข้อมูลเท็จว่าถูกกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะข้อความผู้มีอำนาจชี้นำ รวมทั้งผู้กำกับภาพยนต์เรื่องนี้ทั้งๆ ที่ผิดไม่ยอมรับผิด

 

               3.เรียกร้องพลังบริสุทธิ์ของเยาวชนให้มาช่วยปกป้องความผิดตนเอง โดยในระยะแรกเริ่มจะใช้การแสดงออกในรูปแบบของแฟลชม็อบจนกระทั่งกระแสติดจึงประกาศการลงถนนอย่างชัดเจน

 

               4.ยั่วยุให้มีการปราบปรามจากฝั่งรัฐบาลเพื่อประจานความรุนแรงต่อนานาชาติ ซึ่งรัฐบาลน่าจะรู้ทัน แต่สิ่งที่น่ากังวลคือการกระทำแบบชายชุดดำที่ทำให้เสียชีวิต เลือดเนื้อของลูกหลาน และโยนเรื่องว่ารัฐบาลทำ นำไปสู่ความรุนแรงจริงๆ

 

               5.เมื่อเกิดความรุนแรงจริงๆ จะเรียกร้องต่างชาติให้เข้ามาแทรกแซง ซึ่งต่างชาติก็พร้อมที่จะร่วมมือ เพราะแผนปฏิบัติการที่เกิดขึ้น ได้เห็นการแซกแทรงทั้งบนดินในนามสถานทูต และใต้ดินผ่านองค์กรต่างชาติในรูปของประชาธิปไตย
 

               “นพ.วรงค์” วิเคราะห์ไปถึงแผน “ฮ่องกงโมเดล” จนขณะนี้อยู่ยังในขั้นที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงการปลุกระดมให้ลงถนน โดยเป้าหมายของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง พยายามเปลี่ยนจากแฟลชม็อบเพื่อไปสู่การลงถนนให้ได้ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสะสมพลังเพื่อเตรียมดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าลงถนนแล้วในจุดที่น่ากลัวและม็อบที่ฮ่องกง เป็นเรื่องความรุนแรงแต่ไม่ได้คิดว่าฝ่ายรัฐบาลจะไปทำอะไรขนาดนั้น

 

               เพราะพฤติกรรมในอดีตของบ้านเรา หรือการจัดตั้งไปทำร้ายกันเองแล้วไปกล่าวหารัฐบาล เพื่อเรียกอารมณ์จากผู้ชุมนุมให้ฮึกเหิมมากขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะเป็นประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาแล้ว โดยเหตุการณ์ความรุนแรงในฮ่องกงได้พิสูจน์มาแล้วด้วย จึงเชื่อว่าจะมีความพยายามยั่วยุให้เกิดการใช้กำลังทหาร

 

               “ส่วนเหตุการณ์จะย้อนกลับไปเหมือนในอดีตอีกหรือไม่ ผมมองเป็นการวัดใจกันตรงนี้ แต่คนไทยมีประสบการณ์เรื่องการชุมนุมมาเยอะมากๆ แล้วการชุมนุมในครั้งนี้เป็นความตื่นตัวของคนทุกกลุ่ม ยืนยันว่าความตื่นตัวไม่ใช่เฉพาะนักเรียน นักศึกษา เพราะพ่อแม่ปู่ย่าตายายก็ตื่นตัว แต่เป็นความตื่นตัวในมิติที่แตกต่างกันไป ลึกๆ ผมยังเชื่อว่าไม่น่านำไปสู่จุดที่เขาต้องการเพราะต่างฝ่ายและรัฐบาลมีประสบการณ์มาแล้ว”

 

               “นพ.วรงค์” ยืนยันต้องเปิดกว้างในสิ่งที่นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นถือเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่เราต้องให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักศึกษาไปเรื่อยๆ เพราะเมื่อคนเรามีความรู้ความเข้าใจ จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป โดยไม่ต้องไปปิดกั้น ไม่ต้องไปห้าม ไม่ต้องไปทำอะไร

 

               เพราะในวัยนี้ห้ามไม่ได้ต้องให้โอกาสเพื่อให้ข้อมูลอีกหนึ่งด้าน เนื่องจากอีกฝ่ายพยายามบิดเบือนมาโดยตลอด หรือนำเรื่องโกหกมาชี้แจงต่อสังคม เมื่อไม่มีใครให้ความรู้ตรงนี้สังคมก็จะคล้อยตาม แต่วันนี้อยากจะช่วยให้ความรู้กับประชาชนเพื่อทำความเข้าใจให้สถานการณ์จะคลี่คลาย

 

               “ในสถานการณ์ขณะนี้ต้องนำข้อเท็จจริง รัฐบาลต้องอธิบายความจริงให้ได้ก่อนว่าเขากล่าวหาอะไร แล้วรับฟังว่าเขาต้องการสิ่งใด เพราะถ้าเรื่องใดเป็นปัญหาใด ฝั่งรัฐบาลก็สามารถชี้แจงเป็นข้อๆ ได้ สมมุติรัฐบาลคอร์รัปชั่นอย่างรุนแรง ใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือเกิดปัญหาตรงไหน ก็นำปัญหาออกมาให้ได้ว่าปัญหาคืออะไร

 

               “นพ.วรงค์” ระบุถึงปัญหาของประเทศขณะนี้ยังมองไม่ออกว่าคืออะไร นอกจากการชิงอำนาจ รวมถึงผู้ที่ทำผิดแต่ไม่ยอมรับผิด เนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมาก็แทบไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ไม่เหมือนการชุมนุมในอดีตที่มาจากปัญหารัฐบาลมากมาย

 

               ดังนั้นถ้ารัฐบาลตั้งสติดีๆ เพื่อนำแต่ละปัญหามาพูดคุยกัน โดยรัฐบาลมีความจำเป็นอย่างมาก ต้องสร้างกลไกรับฟังปัญหาจากนักศึกษาเหล่านี้ เพื่อนำปัญหาไปสู่การอธิบายความจริงให้ประชาชนได้เข้าใจ เพราะที่ผ่านมายังถือว่ารัฐบาลอ่อนเรื่องนี้มาก

 

               “การชุมนุมมีหัวใจสำคัญต้องชุมนุมอย่างบริสุทธิ์ สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมหรือของประเทศจะแก้ได้ง่าย แต่ต้องระมัดระวังพวกนักการเมืองที่เข้าไปฉวยโอกาส เพราะจากประสบการณ์หลายอย่างมีการจาบจ้วงเบื้องสูง สะท้อนให้เห็นว่ามีการเข้าไปแทรกแซง ดังนั้นความบริสุทธิ์ใจของเด็กนักเรียน หรือความต้องการของน้องๆ นักเรียนนักศึกษาจะแก้ง่ายมากโดยการนำให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเข้าไปอธิบายในอีกด้านด้วย”

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ