ข่าว

ไม่ได้ห้ามชุมนุม"บิ๊กตู่"ขอนศ.อย่าหมิ่นสถาบัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นายกฯ ไม่ว่านักศึกษา นักเรียน ชุมนุม แต่อย่าหมิ่นสถาบัน วอนฟังข้อมูลรัฐบาลบ้าง ด้านรองโฆษกพปชร.ขออย่าหลงเชื่อข่าวสารที่ยั่วยุให้แตกแยก ด้านแกนนำนศ.ยันไม่มีพรรคการเมืองหนุน"ศรีสุวรรณ"ร้องกกต.เอาผิดส.ส.ขายตัว ส่วนส้มหวานซบ "พรรคสามัญชน"

 

 

วันที่ 27 กุมภาพันธ์  2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า เข้าใจถึงความหวังดีของทุกคนและสิ่งที่เราพยายามทำเต็มที่คือ การทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ ดังนั้นการดำเนินการต่างๆ จะเป็นไปตามกฎหมาย บางครั้งเรายังไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายด้วยซ้ำไป ตนเป็นกังวลกับเด็กเหล่านี้อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจถูกชักชวน อาจถูกปลุกมาโดยฟังความข้างเดียว จึงขอให้นักศึกษาทุกคนที่ชุมนุมเวลานี้ช่วยฟังข้อมูลของรัฐบาลที่ได้แถลงออกไปและเลือกฟังดูว่าจะเชื่อทางไหนอย่างไร ตนไม่ต้องการให้ไปทางใดทางหนึ่งทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ว่ามีบางฝ่ายต้องการให้ไปทางใดทางหนึ่ง

“สิ่งที่เป็นกังวลคือ กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าวันนี้ วันหน้า ผมไม่ได้ขู่ หลายๆ อย่างถูกดำเนินการเป็นคดีความทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2553 2557 ยังเป็นคดีทั้งหมด ไม่ว่าจะสีไหนก็ตาม ที่ผ่านมาปี 2514 ปี 2516 มันก็อีกกรณีหนึ่ง ซึ่งวันนี้เราไม่ได้ทำแบบนั้นที่จะทำให้เกิดเงื่อนไข วันนี้มีเรื่องเดียวที่เกิดเหตุการณ์ในปี 2557 ก่อนหน้านั้นพวกท่านก็ทราบดีว่าปี 2553 ก็รู้อยู่ว่าคนที่ออกมาจำนวนมาก คือ ใคร ทำเพื่ออะไร ปลุกระดมกันอย่างไร สิ่งที่ผมห่วงคือ ห่วงอนาคตของคนเหล่านี้มากกว่า ผมไม่ได้โกรธเด็กๆ หลานๆ ลูกๆ เลยเพราะเขาเป็นผู้ที่มีแรงกระตุ้นพอสมควร เด็กรุ่นใหม่เราต้องทำให้เขาเกิดประโยชน์สูงสุด” พล.อประยุทธ์กล่าว

จวกพวกที่ใช้นศ.เป็นเครื่องมือ

คำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นการกล่าวตอบข้อหารือในสภาของนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ที่ว่า ขณะนี้มีการชุมนุมของนักศึกษาของหลายมหาวิทยาลัย จึงไม่อยากให้เหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น เราเคยเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 วันมหาวิปโยค จึงไม่อยากให้เกิดแบบนั้นอีก ดีใจที่นายกรัฐมนตรี รมว.มหาดไทย รองนายกรัฐมนตรี อยู่ในสภาทั้งหมด จึงขอเรียนว่าขณะนี้มีตำรวจเข้าไปโดยไม่ควรเข้าไป สิ่งนี้จะเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ จึงขอเตือนนายกฯ อย่าประมาท อย่าให้เกิดการกระทบกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับนักศึกษาและประชาชน ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ และไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ได้เท่านั้น สภาแห่งนี้ก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ทั้งนี้ ขอให้นายกฯ สัญญาว่าจะไม่เกิดการเข่นฆ่าประชาชน

 

ไม่ได้ห้ามชุมนุม"บิ๊กตู่"ขอนศ.อย่าหมิ่นสถาบัน

“ผมไม่ได้เคยสั่งการว่าจะต้องไปปะทะ ไม่เคยสั่งการอย่างนั้นเลย เว้นแต่เป็นการป้องกันตัวเอง โดยจะต้องใช้มาตรการที่เบาที่สุด ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย ถ้าเขาไม่ทำเขาก็มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ต้องช่วยกันคิดทั้งสองทาง ผมไม่โทษนักศึกษาแต่ผมอาจจะต้องกล่าวถึงคนที่ไปนำสิ่งเหล่านี้ออกมา ผมคิดว่าอันตรายที่สุดเลยนะ แล้วอนาคตเขาจะหมดไปในวันหน้าด้วยคดีอาญา ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกจริงๆ ปี 14 ปี 16 ก็เป็นตัวอย่างแล้วมา 2553 ก็เป็นตัวอย่างใหญ่โต หลายคนก็เข้าไปเกี่ยวข้องอีก ปี 2557 เช่นกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบ

 

 

เตือนหมิ่นสถาบันจะไม่ยอมทน

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ต้องเตือนว่าขณะนี้ได้มีการนำเรื่องหมิ่นสถาบันไปขับเคลื่อนด้วย ยอมหรือไม่ ถ้าท่านยอมก็โอเค ถ้าท่านเห็นว่าถูกต้องก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน จำเป็นต้องว่าไปตามกฎหมาย อย่าไปทำอย่างนั้น ขอโดยเด็ดขาด คิดว่าสภาแห่งนี้เป็นสภาที่เคารพสถาบัน ตนเชื่อมั่นอย่างนั้น อย่าทำโดยเด็ดขาด ถ้าไปสู่ตรงนั้นจะเกิดเรื่องขึ้นอย่างที่ท่านว่าเมื่อสักครู่

ด้าน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า  การชุมนุมแสดงพลังของบรรดานักเรียนและนักศึกษาตามสถานศึกษาต่างๆ เป็นสิทธิเสรีภาพที่สามารถแสดงออกได้ตามระบอบประชาธิปไตยภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งก็ต้องชื่นชมน้องๆ ที่มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างสันติวิธี อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือนักศึกษาและพี่น้องประชาชน ระมัดระวังในการเสพข่าวผ่านทางโซเชียลมีเดียในช่วงเวลานี้ เนื่องจากการติดตามข่าวสารพบว่ามีผู้ไม่หวังดีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารเพื่อยั่วยุปลุกปั่น ใส่ร้ายป้ายสี ให้เกิดความรู้สึกเกลียดชังต่อกัน และอาจมุ่งหวังการปะทะ เพื่อยกระดับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรง ฉะนั้นอย่าหลงเชื่อข่าวดังกล่าว

“พรรคพลังประชารัฐขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแส หากมีข้อมูลหรือข้อความที่มีเนื้อหาปลุกปั่นยั่วยุ และใส่ร้ายป้ายสี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หรือรัฐ โปรดแจ้งมายังศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐทั่วประเทศ เพื่อติดตามดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” น.ส.ทิพานัน กล่าว

โพสต์แนะนศ.-นร.อย่าดึงฟ้าต่ำ

ส่วน รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า "หนุ่มน้อยผมยาวที่ มศว เมื่อวาน เขาพูดหมิ่นเหม่ ม.112 มาก ที่สำคัญนักศึกษาหลายร้อยคนที่ร่วมชุมนุมปรบมือเห็นด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจาก สศจ. ที่ลี้ภัยอยู่ที่ฝรั่งเศส (เจ้าตัวสารภาพเองผ่านไมค์) และคิดแบบเดียวกับสิ่งที่ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ คิดในใจ สิ่งที่หนุ่มน้อยผมยาวคนนี้พูด แทบไม่ต่างจากธนาธรในหนังสือ “Portrait ธนาธร” ที่รวมบทสัมภาษณ์ธนาธร ปี 2561 เลย

ตรงนี้แหละที่ทำให้การเคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลของคนรุ่นใหม่หลังจากนี้ มีส่วนผสมของ 14 ตุลาโมเดล, 6 ตุลาโมเดล และฮ่องกงโมเดล ผสมผสานกัน จุดจบของการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ผมมองในแง่ร้ายนะ เพราะแนวทางความคิดที่พวกเขายกชูขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจรัฐ มันสะท้อนความเชื่อของพวกเขามากกว่าความจริงที่คนจำนวนมากที่เป็นผู้ใหญ่และสูงวัยแล้ว"

นางทยา ทีปสุวรรณ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Taya Teepsuwan ว่า “อย่าดึงฟ้าต่ำ” น้องบางคนที่แสดงออกอย่างเกินขอบเขต จะด้วยมาจากความคิดของตนเอง หรือได้รับข้อมูลจากเพียงด้านเดียว หรือมีคนสั่งให้ทำก็ตามที ขอให้น้องๆ กลับไปคิดเถอะว่า เราเกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย เราควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่บรรพบุรุษของเราได้ปกปักรักษาแผ่นดินนี้มาหลายชั่วคน และทุกวันนี้เราอยู่ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การแสดงออกที่เกินขอบเขตเช่นนี้ มันสมควรหรือไม่ ?

การเมือง คือ การเมือง เราเห็นต่างได้ รัฐบาล คือ รัฐบาล เราไม่พอใจได้ เราวิจารณ์ได้ แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ คือ เสาหลักที่ยึดโยงจิตใจคนไทยมานานแสนนาน...อย่าฟังแต่การปลุกระดม อย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพียงเพื่อจะสร้างความแตกแยก จนดึงฟ้าต่ำเช่นนี้เลยค่ะ

 

ไม่ได้ห้ามชุมนุม"บิ๊กตู่"ขอนศ.อย่าหมิ่นสถาบัน

นศ.รามฯไล่นายกฯ-ขู่ลงถนน

สำหรับการเคลื่อนไหวที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง นักศึกษาจำนวนมากรวมตัวกันจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ที่บริเวณลานพ่อขุน มีการปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักเคลื่อนไหว นักกิจกรรมทางการเมืองขึ้นร่วมปราศรัยด้วย อาทิ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน โดยเริ่มดำเนินกิจกรรมตั้งแต่เวลา 17.00 น.และสิ้นสุดลงเวลา 18.00 น. ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ

นอกจากนี้ แกนนำมีการอ่านแถลงการณ์ ใจความบางช่วงบางตอน ระบุว่า แม้วันนี้ประเทศจะมีการเลือกตั้งเสมือนว่าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่ผลพวงของการรัฐประหาร สืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญ ได้รัฐบาลที่ไม่ตรงเจตจำนงของประชาชน ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน ทำให้การบริหารประเทศไม่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างอารยประเทศ จึงขอเรียกร้องดังนี้ 1.ให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) มีการรับฟังความคิดเห็นอย่างอิสระและให้มีการทำประชามติก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2.ให้นายกรัฐมนตรีลาออก เปิดทางให้รัฐสภาเลือกนายกรัฐมนตรีที่นำพาประเทศข้ามพ้นวิกฤติ และ 3.ให้ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระที่ได้รับการแต่งตั้งในสมัยรัฐประหารลาออก และให้มีการสรรหาบุคคลใหม่เข้าไปแทน

ด้าน น.ส.ทิพอัปสร แก้วมณี นักศึกษาปี 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ยืนยันว่า กิจกรรมที่เกิดขึ้นไม่ได้มีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดอยู่เบื้องหลัง พวกเราทำเพื่ออนาคตของพวกเราไม่ได้ทำเพื่ออนาคตใหม่ ข้อเรียกร้องสำคัญของทางกลุ่มคือต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออกหรือยุบสภา หากยังเพิกเฉยก็จะต้องมีการพูดคุยกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อยกระดับการจัดกิจกรรม ถ้าหากสถานการณ์บานปลายไปจนถึงขั้นชุมนุมก็พร้อมที่จะลงถนน

 

 

ศรีฯจ่อร้องกกต.ฟันส.ส.ขายตัว

ทางด้านความเคลื่อนไหวทางการเมืองภายหลังจากมีการนำคลิปเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาเปิดเผยต่อสาธารณะกันอย่างครึกโครม ถึงการเสนอการซื้อ-ขาย ส.ส.ที่เพิ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคไปเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยมีการตั้งค่าตัวถึงคนละ 23 ล้านบาท หรือมากกว่านั้น

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า พฤติการณ์การซื้อขายส.ส.ถือเป็นการทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยชัดแจ้ง อีกทั้งเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้าไปทั้งโลก ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวส่งผลเสียไปทั้งระบบรัฐสภา ที่อ้างว่ามีการปฏิรูปแล้วนั้น ให้เห็นเด่นชัดว่าเป็นการถอยหลังลงเหวไปไกลมากพอสมควร ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าขยะแขยงต่อสาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง เปรียบเสมือนโสเภณีทางการเมืองที่น่ารังเกียจ อีกทั้งเป็นการท้าทายและฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างไม่เกรงกลัวความผิด ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญมิอาจปล่อยให้ผ่านไปได้

“ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 30 บัญญัติว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด สมัครเข้าเป็นสมาชิก ทั้งนี้ เว้นแต่สิทธิหรือประโยชน์ซึ่งบุคคลจะพึงได้รับในฐานะที่เป็นสมาชิก และมาตรา 31 ก็บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด จากพรรคการเมืองหรือจากผู้ใดเพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิก หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 109 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปีด้วย” นายศรีสุวรรณ กล่าว

เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวอีกว่า จากสาเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00 น. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และเอาผิดพรรคการเมืองและหรือผู้ที่กระทำการดังกล่าว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

ส้มหวานไหลเข้าเข่งสามัญชน

  ส่วนความคืบหน้ากรณีที่ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ต้องหาสังกัดพรรคใหม่ภายใน 60 วัน ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค 10 ปี นั้น มีรายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้มี ส.ส.บางส่วน รวมทั้งเจ้าหน้าที่อดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้ทยอยกรอกใบสมัครพรรคใหม่แล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อพรรคที่จะเข้าสังกัด โดยรายงานระบุว่ามีตัวเลือกอยู่ประมาณ 3-4 พรรค คือ พรรคสามัญชน พรรคก้าวไกล พรรคพลังใหม่ และพรรคพลังอนาคต โดยจะมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นผู้นำไป

 

ไม่ได้ห้ามชุมนุม"บิ๊กตู่"ขอนศ.อย่าหมิ่นสถาบัน

ข่าวแจ้งด้วยว่า พรรคสามัญชน เป็นพรรคที่มีแนวทางและจุดยืนทางการเมืองใกล้เคียงกับอดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่มากที่สุด คือต่อต้านรัฐประหาร สร้างประชาธิปไตย เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ทำงานกับชาวบ้านในพื้นที่ จึงมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่ ส.ส.จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ จะย้ายเข้าสังกัดพรรคนี้

สำหรับพรรคสามัญชน แจ้งจัดตั้งพรรคต่อ กกต. เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2561 โดยมีนายกิตติชัย งามชัยพิสิฐ อดีตแกนนำกลุ่มพอกันที เป็นแกนนำและหนึ่งในคณะผู้ก่อการจัดตั้งพรรค ต่อมามีการเลือก นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ เป็นหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคอีก 14 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากองค์กรพัฒนาเอกชน หรือเอ็นจีโอ ซึ่งหลายคนมีความใกล้ชิดกับอดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ โดย พรรคสามัญชน ลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 โดยได้คะแนนประมาณ 5,000 กว่าคะแนน

ปชป.อ้าแขนรับแต่ไม่มีกล้วยล่อ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า  พรรคไม่ได้ปิดกั้น หาก ส.ส.จำนวนดังกล่าวจะมาสมัครเป็นสมาชิก พรรคยินดีพิจารณา แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากใคร ทั้งนี้การหาสังกัดพรรคใหม่อยากให้ยึดอุดมการณ์มากกว่าเรื่องอามิสสินจ้าง เราอยากทำการเมืองให้สุจริต หากมีเรื่องเงินทองเข้าไปเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ ก็น่าเป็นกังวลว่าการเมืองจะถอยกลับไปเหมือนหลายสิบปีก่อน ถ้ามีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นขอสนับสนุนให้ดำเนินคดีให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริยธรรม เรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อาจถึงขั้นติดคุกได้หากจูงใจให้สมัครสมาชิก

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ