อดีตส้มหวานเปิดศึกแตกหักเพื่อไทย

 

รัฐสภา 27 กุมภาพันธ์ 2563  นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ชี้แจงถึงสาเหตุต้องวอล์คเอาท์ ว่า ทำไมต้องปิดกั้นขนาดนี้เวลาเป็นเรื่องสำคัญ พรรคตนเป็นพรรคเดียวอภิปรายในกรอบเวลา เพื่อนฝ่ายค้านอภิปรายเกินเวลา การอภิปรายเป็นกลไกสำคัญในการตรวจสอบรัฐบาล เรายื่นอภิปรายไปกี่คน ยังเหลือรัฐมนตรีอีก 1. คน ที่ยังไม่ถูกอภิปรายเลย ขณะที่เวลาในการอภิปรายของพรรคถูกเลื่อนไปตีหนึ่ง ตีสอง จะไม่ให้มีที่ยืนกันเลยหรืออย่างไร ตนจึงอยากให้เพื่อนสมาชิกที่เตรียมตัวมาหลายเดือนมีโอกาสได้อภิปราย ได้ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายมาจากประชาชน

อ่านข่าว  โปร่งใสไม่มีฮั้วปิดซักฟอก

 

 

นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. กล่าวว่า ภายหลังศาลตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ เกิดกระแสความไม่พอใจมากมายโดยเฉพาะในรั้วมหาวิทยาลัย ที่รู้สึกว่าประเทศนี้มีความไม่เป็นธรรม มีการปฏิบัติสองมาตรฐาน ที่ผ่านมาพวกเราทำงานร่วมกับอดีตหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ทำหน้าที่อย่างเหนียวแน่นไม่ทิ้งอุดมการณ์

 

การอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้ง 4 วัน เรายื่นอภิปรายรัฐมนตรี 6. คน ตลอดการอภิปรายเข้าใจว่าพรรคฝ่ายค้านมีการตกลงเรื่องกรอบเวลากับวิปพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเลิกประชุมในเวลา 19.00 น. แต่มีการบีบเวลาของพวกเราโดยพรรคฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยไม่รักษากติกา ไม่รักษาวินัยทำให้พวกเราไม่มีโอกาสอภิปราย ทั้งที่ต้องเคารพเวลาของเพื่อนสมาชิก การรบกวนเวลาทำให้ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่เสียโอกาส

 

ตนไม่อยากคิดว่ามีเงื่อนงำ มีการเจรจากับฝ่ายค้านบางพรรค เพราะจากข้อเท็จจริงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ต้องถูกอภิปรายในลำดับที่ 2 แต่กลับมีการวิ่งเต้นเอาชื่อพล.อ.ประวิตรมาไว้ท้ายสุด นี่คือเรื่องจริงในสภาฯ ทำให้มีการอภิปรายนายกฯเพียงคนเดียว วันนี้ถ้าการอภิปรายลากยาวไปถึง 23.00 น. บ้านเมืองเสียหายหรือไม่ เพราะสภาฯไม่ถูกตรวจสอบมานานถึง 6.ปี

 

"ความรู้สึกวันนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะพวกเรา เราถูกปิดปาก ประชาชนก็เหมือนถูกปิดหู เหมือนตอนอภิปรายร.อ.ธรรมมนัส พรมเผ่า รมช.เกษตร เวลาก็ล่วงเลยไปตีหนึ่งตีสอง จึงต้องประท้วงว่าเราถูกปิดโอกาส ทำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลไม่มีน้ำใจ เสียดายที่เพื่อนสมาชิกของเรา 4. คนไม่มีโอกาสอภิปราย ใครที่บอกว่าพวกเราไร้เดียงสาอ่อนแอ ถ้าไม่มีพวกเราไม่มีใครพูดเรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหาร แก้รัฐธรรมนูญ พวกเราเสียสละจนหลายคนต้องถูกตัดสิทธิการเมือง.10 ปี" นายจิรวัฒน์กล่าว

 

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา กล่าวว่า ตนลงชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จากการบริหารนโยบายที่ผิดพลาดร้ายแรง มีพฤติการณ์ส่อทุจริต เอื้อให้เกิดการตักตวงผลประโยชน์ ประชาชนควรได้รับทราบถึงการบริหารงานผิดพลาด นำพาประเทศไปเป็นบ่อขยะของโลก มีการนำเข้าขยะเพิ่มขึ้น 7000 % เราอยู่กับปัญหาหมอกควันพิษมาแล้ว 4 เดือน

 

มลพิษที่เกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าขยะสูงขึ้นอย่างเป็นนัยยะสำคัญตั้งแต่ปี 58 สร้างความเสียหายกว่า 6,000 ล้านบาท มีความพยายามผ่านกฎหมายหลายฉบับให้โรงไฟฟ้าขยะไม่ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม และยกเว้นผังเมืองให้กับโรงไฟฟ้า โรงไฟฟ้าชีวมวล นายกฯขายฝันว่าจะมีการจัดการขยะที่ทันสมัย แต่กระทรวงมหาดไทยกลับรวบอำนาจการจัดการขยะมูลฝอยไว้เอง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งนโยบายและภาคปฏิบัติล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง มีการตั้งโรงไฟฟ้าขยะทั่วประเทศ  

 

ขณะที่สถานที่กำจัดขยะ 2789 แห่งทั่วประเทศ ยังกำจัดขยะไม่ถูกต้องถึง 80% เรื่องนี้จึงไม่ใช่การกำจัดขยะ แต่เป็นเรื่องที่มหาดไทยกระโดดเข้าไปในขุมทรัพย์ของพลังงานด้วยความมูมมาม ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ในกำกับมหาดไทยสามารถคัดเลือกเอกชนเข้าทำโรงไฟฟ้าขยะได้โดยไม่ต้องเปิดประมูลหรือปฏิบัติตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

 

ด้านนายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า ตนเตรียมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และต้องเก็บงำเป็นความลับ เพราะเกรงจะเป็นอันตรายกับตัวผู้อภิปรายเอง มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อภาคตะวันออกเกี่ยวพันกับตัวละครจำนวนมาก มูลนิธิแห่งนี้น่าจะมีวัตถุประสงค์บางอย่างทางการเมือง และดูแลน้องๆบูรพาพยัคฆ์ มูลนิธินี้ ที่ปรึกษามูลนิธิเป็นคีย์แมนสำคัญคือ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของบริษัทไทยเบฟฯ กับพล.อ.พัฒนะ พุทธานานนท์ อดีตรองผบ.ทบ. และบริจาคเงินทุกปี รวม 11 ปี

 

แม้มียอดบริจาคเพียง 21 ล้านบาท แต่นำไปสู่ที่ดินศูนย์สิริกิติ์ 53 ไร่ ซึ่งมีราคาอ้างอิงในปี 60 อยู่ที่ 300,000 บาทต่อตารางเมตร หรือคิดเป็น 25,440 ล้านบาท ดังนั้นราคาในการให้เช่า 50ปี ควรมีมากกว่า 15,000 ล้านบาท ไม่ใช่กว่า 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บ.ไทยเบฟฯยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสานพลังประชารัฐ นำไปสู่การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทประชารัฐรักสามัคคี ซึ่งมีนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นบุคคลสำคัญ และทำให้เกิดการทับซ้อนกันระหว่างกลุ่มทุนกับรัฐหรือไม่

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการบริจาคจากบริษัทเอซีอีและดับเบิ้ลเอ ที่บริจาคเงินและข้าวสาร 5.2 ล้านบาทให้มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ซึ่งเกิดขึ้นก่อน พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผบ.ตร. และหลังจากพล.ต.อ.วิระชัยโดนเด้ง หุ้นของบริษัทเอซีอี ตกทันที 26% เงินหายไปทันทีหมื่นล้านบาท นี่คือราคาของคอนเน็คชั่นหรือไม่  

 

ยังมีกรณีของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายพล.อ.ประวิตร ซึ่งเข้ามาเป็นผู้บริหารบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรืออีเอ 1 เดือนก่อนการปฏิวัติ จากนั้นเมื่อ คสช.เข้ามามีคำสั่งเกี่ยวกับพลังงาน หุ้นอีเอเติบโตอย่างต่อนื่องจากการเข้ามาของพล.ต.อ.พัชรวาทถึง 420% หรือพูดได้ว่าพล.ต.อ.พัชรวาทรวยขึ้นทันที 29 ล้านบาท ซึ่งตนไม่อยากพูดว่าเบื้องหลังโชคมหาศาลคืออาชญากรรมใช่หรือไม่