ข่าว

ค่าตัว "งูสีส้ม" แตะ 30 ล้าน เผยหลังอภิปรายฯอาจลดลง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ค่าตัว "งูสีส้ม" แตะ 30 ล้าน เผยหลังอภิปรายฯอาจลดลง "เบญจา" แจ้งความอ้างถูกข่มขู่ปมแฉคลิปเสียง เดือดฝ่ายค้านถล่มนายกฯไม่ยั้ง ซัดรมต.ขายสลาก"ธรรมนัส"โต้อาชีพสุจริต สภาป่วน! "เสรีพิศุทธ์" ปะทะ "ศุภชัย" ดึงดันจะเล่นปมถวายสัตย์

 

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์  2563 มีรายงานข่าวว่า บรรดา ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่จะย้ายพรรคได้รับแจ้งจากพรรคที่จะซื้อตัวว่า หากไปตอนนี้ก่อนที่จะโหวตลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ สนนราคาค่าตัวจะอยู่ที่ประมาณคนละ 25-30 ล้านบาท แต่หากไปหลังการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลงแล้ว ราคาค่าตัวจะลดลง

ก่อนหน้านี้ นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เงินสด 25-30 ล้านบาท รถป้ายแดง 1 คัน เงินเพิ่มรายเดือน 2 แสน และให้งบเข้าจังหวัด 100 ล้าน ค่าขายวิญญาณ ปรากฏว่ามีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังโพสต์ข้อความว่า บันไดขั้นต่อไปถัดจากการขายตัวให้เผด็จการคือ ขายชาติ

‘เบญจา’ผวาแจ้งความโดนข่มขู่

วันเดียวกัน น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางโพ หลังจากเปิดหลักฐานคลิปเสียงการขอซื้อตัว ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ โดยให้ค่าตัวคนละ 23 ล้านบาท โดย น.ส.เบญจา เปิดเผยว่า วันที่ 25 กุมภาพันธ์ เวลา 12.00 น. ระหว่างการประชุมสภา ได้มี ส.ส.คนหนึ่งเดินเข้ามาหา พร้อมระบุว่า “มีบุคคลหนึ่งไม่ทราบชื่อนามสกุล ฝากมาบอกว่าให้ระวังตัวให้ดี จากการที่ได้มีการเปิดเผยคลิปสนทนาดังกล่าว” นอกจากนี้ ยังมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเข้ามาพูดคุย พร้อมระบุว่า “รู้นะว่าเป็นใคร ระวังตัวไว้”

 

ค่าตัว "งูสีส้ม" แตะ 30 ล้าน เผยหลังอภิปรายฯอาจลดลง

นางเบญจา กล่าวต่อว่า วันนี้ได้มีบุคคลหนึ่งเข้ามาข่มขู่อีกครั้ง ทำให้เกิดความกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย จึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางโพ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น

แฉอีกคลิปคล้าย “ศรีนวล” โทรดูด

เมื่อเวลา 19.30 น. ที่อาคารรัฐสภา นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวเปิดคลิปเสียง เป็นเสียงคล้ายนางศรีนวล บุญลือ ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ ที่ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย โทรศัพท์มาเสนอซื้อ ส.ส.อนาคตใหม่ เข้าไปอยู่พรรคภูมิใจไทย โดยนายประเสริฐพงษ์กล่าวว่า เป็นการชวนเมื่อ 2 วันก่อน อยากให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวได้แล้ว ส่วนพรรคการเมืองอื่นไม่พบว่ามีการโทรมาดูด มีเพียงพรรคเดียว ส่วนข้อเสนอเป็นเงินอย่างไร ไม่ได้คุยรายละเอียดกัน นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนอนาคตใหม่หลายคนได้รับโทรศัพท์ชวนไปอยู่พรรคอื่นด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคลิปเสียงซึ่งคล้ายเสียงนางศรีนวล กล่าวกับนายประเสริฐพงษ์ ว่าเป็นห่วงจะไปอยู่พรรคไหน อยากจะช่วยให้ไปอยู่ด้วยกัน และขอให้ชวน ส.ส.คนอื่นมาด้วย จากนั้นนายประเสริฐพงษ์ถามว่าไปแล้วจะได้อะไรบ้าง ได้รับคำตอบว่า ถ้าตกลงก็จะมีการคุยกับผู้ใหญ่ แล้วค่อยคุยกันถึงข้อเสนอ ไม่สามารถบอกข้อเสนอก่อนได้ เพราะไม่มีการตั้งไว้ก่อน

ยันอดีตอนาคตใหม่ไม่มีแตกสาขา

ที่รัฐสภา นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกระแสข่าวแยกตัวออกไปเป็นแกนนำพรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่ง โดยมี ส.ส.บางส่วนตามไปด้วย และจะเคลื่อนไหวร่วมกับพรรคที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแกนนำ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือ ที่ว่าจะออกไปเป็นแกนนำตั้งพรรคใหม่ แต่เข้าใจได้เพราะเกิดเหตุการณ์ยุบพรรค ซึ่งทุกคนก็คาดการณ์ไปอย่างโน้นอย่างนี้ ส.ส.ที่ยังอยู่อาจจะมีคนที่รู้สึกหวั่นไหว เพราะไม่เคยโดนยุบพรรคมาก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อได้คุยกันแล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่าจะเดินหน้าร่วมกันต่อ นอกจากนี้การแยกตัวออกไปอีก อาจทำให้พรรคยิ่งเล็กลง จาก ส.ส.ส่วนที่หายไป ตอนนี้เราเหลือ ส.ส.เพียงประมาณ 50 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อย หากเราแยกไปอีก ยิ่งทำให้แรงขับเคลื่อนน้อยลงไปกันใหญ่ นอกจากนี้ยังมีผลต่อเรื่องเก้าอี้กรรมาธิการชุดต่างๆ และโควตาในบางเรื่องอีกด้วย

“เท่าที่บอกได้คือ ตอนนี้แนวทางของเรายังคงเป็นแบบเดิม หากจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ขอเป็นแกนนำเกาะกลุ่มเดิมที่คุยกันไว้แต่แรกดีกว่า” นพ.เอกภพ กล่าว

 

ค่าตัว "งูสีส้ม" แตะ 30 ล้าน เผยหลังอภิปรายฯอาจลดลง

นิสิต‘มศว’เปิดไฟแฟลชมือถือ

เมื่อเวลา 17.30 น. ที่บริเวณเสาธงหน้ามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (มศว) กลุ่มนักศึกษาหัวก้าวหน้าเรียกร้องประชาธิปไตยใน มศว นำโดย น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ศิษย์เก่า มศว หนึ่งในแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง, นายศมน ศักดิวงศ์ นิสิตวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม ชั้นปีที่ 4 มศว และนายธีรภัทร เขตดอน นิสิตคณะสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 จัดกิจกรรมชุมนุมแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ เปิดไฟแฟลชโทรศัพท์มือถือ เรียกร้องความยุติธรรมให้แก่พรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรค และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปี กรณีที่พรรคกู้เงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นเงินทั้งสิ้น 191 ล้านบาท เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยนายศมนกล่าวว่า กิจกรรมชุมนุมครั้งนี้ เพื่อต้องการร่วมเรียกร้องสังคมประชาธิปไตยให้แก่ประเทศไทย ไม่ได้จัดเพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง

 

ค่าตัว "งูสีส้ม" แตะ 30 ล้าน เผยหลังอภิปรายฯอาจลดลง

บิ๊กตู่ย้ำตอบปมไอโอไม่มีนโยบาย

ด้านความคืบหน้าศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.18 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในวันที่สาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงรัฐสภาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยมีนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มารอต้อนรับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันนี้จะชี้แจง กรณี ส.ส.ฝ่ายค้านเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสารของกองทัพ (ไอโอ) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ขอฟังเขาอภิปรายก่อนว่าจะชี้แจงเรื่องอะไรต่อไป ส่วนเรื่องไอโอ ยังไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะการทำงานโดยปกติแล้วไม่มีนโยบายให้ทำงานแบบนี้อยู่แล้ว และวันนี้ก็เห็นว่าในโซเชียลมีเดีย มีการกระทำแบบนี้มากมาย ส่วนตัวก็โดนซะเยอะเลยในนั้น เห็นหรือไม่ ใครทำไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวก็ตรวจสอบอีกทีแล้วกัน แต่ยืนยันว่าไม่มีนโยบายดังกล่าว”

 

 

ค่าตัว "งูสีส้ม" แตะ 30 ล้าน เผยหลังอภิปรายฯอาจลดลง

นายกฯยัน “ไบโอเมทริกซ์” โปร่งใส

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ได้ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมสภา ขณะการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน โดยนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความไม่ชอบมาพากลของ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์ (ลายนิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า) โดยเฉพาะการจัดซื้อยี่ห้อ โลจิเทค ซึ่งราคาตามท้องตลาดประมาณ 68,000 บาทต่อหนึ่งชุด แต่กลับมีการจัดซื้อในราคาประมาณ 280,000 บาท หนึ่งในผู้บริหาร คือ น.ส.วัชรี พรรณเชษฐ์ ซึ่งเป็นนักเรียนหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) รุ่นที่ 15 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ริเริ่มโครงการ อีกทั้งยังมีการอ้างชื่อมาดามหลังทำเนียบรัฐบาล คืออาจารย์น้อง ภรรยาของนายกฯ เพื่อไม่ต้องรับผิดตามสัญญา โครงการนี้รัฐเสียหายแน่นอน โดยจากนี้จะไปดำเนินการร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดกับนายกฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

 

ค่าตัว "งูสีส้ม" แตะ 30 ล้าน เผยหลังอภิปรายฯอาจลดลง

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงว่า โครงการนี้เป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) โดยเป็นเงินงบประมาณที่ได้มาจากเงินค่าธรรมเนียมตรวจคนเข้าเมือง ที่ผ่านมา สตม.ใช้ระบบคัดกรองผ่านระบบลายนิ้วมือเป็นหลัก แต่ต้องมีการเปลี่ยนมาเป็นลายนิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า ซึ่งเป็นระบบทั่วโลกหลายประเทศได้ใช้

“ขอความเป็นธรรมว่าในเรื่องของการเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนั้นก็มีหลายคนเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันแล้วจะต้องไปร่วมกระทำความผิด ถ้ามาเหมากันแบบนี้ผมคิดว่าหลายคนที่หนีไปก็มีเพื่อนร่วมรุ่น หมายความว่าจะต้องผิดทุจริตกันหมดอย่างนั้นหรือ ผมคิดว่าอยู่ที่ตัวบุคคล ภรรยาผมเป็นอาจารย์มาก่อนและเตือนผมเสมอในเรื่องการทุจริตมาตลอด” นายกฯ กล่าวชี้แจง

ย้อนเกล็ดฝ่ายค้านกล่าวหาเอี่ยว 1เอ็มดีบี

ช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ตอบข้อกล่าวหาของนายวิสาร ที่ว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่อง 1เอ็มดีบี โดยกล่าวว่า ไม่อยากไปก้าวล่วงเพราะเป็นเรื่องของควาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยืนยันว่ามีสองคนที่เกี่ยวข้อง โดยหนึ่งคนรับโทษในเรือนจำไปแล้ว อีกคนหนึ่งที่มีการอ้างว่ามีหมายแดงและเข้าออกประเทศไทยนั้น ได้ตรวจสอบอย่างเป็นทางการว่าหมายแดงได้ออกมาหลังจากนั้นไปแล้ว โดยก่อนหน้านั้นได้มีการเข้าออกประเทศเหมือนกับบุคคลทั่วไปเพราะยังไม่มีหมายแดง และวันนี้สิงคโปร์ ต้นทางที่ออกหมายแดงก็ได้ยกเลิกหมายแดงไปแล้ว และข้อสำคัญคือ คนที่เข้าออกประเทศไทยคนนี้เขามีสิทธิของเขาพอสมควรเหมือนกันจากบัตรอีลิทการ์ด ซึ่งไม่รู้ว่าใครทำให้เขา

“บางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาโจมตีกัน เพราะเสียหายต่อความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รู้สึกว่าท่านชอบเหลือเกินในการที่จะทำให้ต่างประเทศลดความเชื่อมั่นผมและประเทศไทย แต่ไม่เป็นไรครับผมทนได้ ขอบคุณครับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เดือดวีรบุรุษนาแกปะทะสหายแสง

ต่อมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ โดยตลอดการอภิปราย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้พยายามอภิปรายแต่ในเรื่องปมถวายสัตย์ ทำให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ และส.ส.พรรคฝ่ายค้านลุกขึ้นประท้วงกันเป็นระยะเป็นเวลากว่า 40 นาที ทำให้การประชุมไม่เดินหน้า โดยนายศุภชัยวินิจฉัยให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์หยุดเกริ่นเรื่องปมถวายสัตย์ และเข้าสู่ประเด็นอภิปรายอื่น แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ดึงดันที่จะอภิปรายเรื่องปมถวายสัตย์ต่อ ทำให้นายศุภชัยสั่งให้หยุดพูด และให้เลือกเอาจะอภิปรายเรื่องอื่นหรือจะให้เชิญออกจากห้องประชุม โดยนายศุภชัยกล่าวว่า ไม่ได้ขู่ แต่เอาจริง ทำให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์สวนทันทีว่า “หากจะเอาจริงก็ให้ไปเจอกันนอกสภา”

นายศุภชัยตอกกลับทันทีเช่นกันว่า “ไม่ต้องห่วง ผมไม่เคยกลัว หากมีคนบอกว่าท่านคือวีรบุรุษนาแก ผมก็สหายแสง อย่ามาขู่กัน” ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียดขึ้นมาทันที โดยมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุนให้ไล่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกนอกห้องประชุม ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้านพากันประท้วงนายศุภชัย ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์พยายามชี้แจงว่า “อย่าเข้าใจว่าผมข่มขู่ ที่ว่าไปเจอกันนอกสภา หมายถึงไปพูดคุยกินกาแฟทำความเข้าใจที่ห้องประธานได้” จากนั้นนายศุภชัยจึงยอมให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อภิปรายต่อ ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ก็กล่าวต่อเพียงสั้นๆ ว่า “ที่ผ่านมานายกฯ หลอกตัวเองตลอด แต่ใครหลอกตัวเองก็ไม่สมควรจะมาทำหน้าที่นายกฯ” ก่อนที่จะนั่งลงจบการอภิปรายในทันที ทำให้บรรยากาศคลี่คลายลง

จัดหนักฝุ่นพิษ-ไวรัส-กราดยิง

ต่อมา น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า เห็นว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทำอะไรก็เจ๊งคามือ ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามเข้าไปเป็นประธานในคณะกรรมการต่างๆ แต่กลับไปทำลายสิ่งดีต่างๆ ที่เคยทำมา จนชาวบ้านตั้งฉายาเหมือนกับตัวละครในภาพยนตร์ ‘อเวนเจอร์’ ว่าเป็น ‘ตู่ธานอส’ เพราะตัวละครดังกล่าว มีบทบาทในการทำลายจักรวาลและความสงบสุขของโลก เหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์กำลังทำกับประเทศ ขณะนี้ประเทศเต็มไปด้วยปัญหา อย่างเช่น ในขณะนี้ยาเสพติดระบาดหนัก ราคายาบ้าเม็ดละ 20 บาท ปัญหาสังคมที่มีคุณแม่วัยใสเพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งที่อภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น มี 3 ประเด็นหลัก คือ เรื่องฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 การระบาดของไวรัสโควิด–19 และเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.นครราชสีมา

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องของฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 ขอกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดขึ้น เพราะมีการอนุมัติให้มีการสร้างรถไฟฟ้าพร้อมกัน 10 สายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ก่อนการเลือกตั้งไม่กี่เดือน รวมทั้งที่ผ่านมา ก็มีข้อสงสัยว่า ได้มีการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ครบถ้วนหรือไม่ ส่วนปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนานั้นรัฐบาลบริหารงานผิดพลาด โดยเฉพาะการไม่ควบคุมการท่องเที่ยว เพียงเพราะกลัวภาคธุรกิจจะเดือดร้อน แน่นอนว่าการควบคุมธุรกิจท่องเที่ยวย่อมส่งผลกระทบแต่มาตรการเช่นนั้นทำให้คนไทยต้องเสี่ยงกับการติดไวรัสเช่นนี้ทำให้เกิดความสงสัยว่าต้องการเข้าไปอุ้มธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีหรือไม่ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งไม่อยากเห็นประเทศไทยอยู่ในจุดที่ระบบสาธาณสุขของไทยรับไม่ไหว

เปิดไฟฉาย‘มือถือ’วิบวับไล่ลุงตู่

ส่วนประเด็นเรื่องการกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา เห็นว่าประชาชนเริ่มไม่ไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้ดูแลความสงบ เพราะขนาดอาวุธในค่ายทหารยังรักษาไว้ไม่ได้ แล้วจะรักษาความสงบของประเทศได้อย่างไร รวมทั้งที่ผ่านมา ทหารเข้าไปแทรกแซงการบริหารงานของกระทรวงอื่นๆ จนทำให้งานที่ตัวเองรับผิดชอบเกิดข้อบกพร่อง ดังนั้นไม่อาจไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ได้ เพราะบริหารงานผิดพลาดร้ายแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการอภิปรายนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ ได้ขอให้ ส.ส.ฝ่ายค้านหยิบโทรศัพท์เพื่อเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ โดย น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นรุ่นน้องนักเรียนเตรียมทหาร ขอทวงศักดิ์ศรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ โดยขอให้นายกฯ ยืนขึ้นเปล่งเสียงว่าข้าพเจ้าขอยุบสภาแล้วไปเลือกตั้งกันใหม่ เพื่อจะได้ดูว่าประชาชนจะเลือกกลับเข้ามาบริหารประเทศหรือไม่ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์นั่งยิ้มพร้อมส่ายหัวเบาๆ

ฉะ‘ประยุทธ์’อุปสรรคพัฒนาประเทศ

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ถ้าเราไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ เราจะพัฒนาไปขนาดไหน เช่น ประเทศญี่ปุ่นที่มีการกระจายอำนาจมาก่อนไทยแค่ 5 ปี ผ่านมา 26 ปี จากระบอบราชการรวมศูนย์ แต่ทุกวันนี้ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศว่ามีการกระจายอำนาจ การบริหารจัดการท้องถิ่น และการจัดเก็บภาษีได้ดีที่สุดในโลก และการแบ่งโครงสร้างอำนาจรัฐที่ดี ทำให้ 60% ของงบประมาณอยู่กับท้องถิ่น ทำให้มีการจัดสวัสดิการ การรักษาความสะอาด การพัฒนาที่ดิน ฯลฯ ส่วนรัฐบาลก็มีเวลาไปดูแลเรื่องหนี้สาธารณะ และการเงินการคลัง

“ขณะเดียวกันอินโดนีเซีย เริ่มต้นการกระจายอำนาจหลังไทย 2 ปี ทุกวันนี้กำลังจะแซงหน้าเราไปแล้ว จะเห็นว่า 10 จังหวัดที่จนที่สุดมีอัตราการเพิ่มขึ้นของความกินดีอยู่ดี 5.7% และลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ และสูงกว่าคนในจังหวัดที่รวยกว่า ขณะเดียวกันประชาชนในจังหวัดที่รวยที่สุดของไทย มีอัตราการกินดีอยู่ดีเพียงแค่ 2.5% จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำที่สุดในโลกในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งที่เราต้องการวันนี้คือรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ มีความรู้ ความสามารถในการบริหารประเทศ แต่ผมไม่เห็นคุณสมบัติเหล่านั้นในตัวของนายกรัฐมนตรี และอุปสรรคที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาประเทศ คือ พล.อ.ประยุทธ์” นายณัฐพงษ์ กล่าว

 

ค่าตัว "งูสีส้ม" แตะ 30 ล้าน เผยหลังอภิปรายฯอาจลดลง

“สงคราม”ด่าแหลก-“ชวน”เบรก

จากนั้นนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า รอแล้วรออีกเมื่อไร พล.อ.ประยุทธ์จะกลับบ้านสักที แล้วให้นักบริหารมืออาชีพเข้ามาบริหารประเทศ เพราะยุทธศาสตร์โลกเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภคที่ก้าวไกลไปมาก อย่างกรณีที่ไปยกที่ดิน 99 ปีให้ต่างชาติเข้ามาเช่า มาปู้ยี่ปู้ยำ ยิ่งกว่าขายชาติอีก แค่ทำเพื่อให้จีดีพีโตเท่านั้น ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภา เตือนให้นายสงคราม ระมัดระวังคำว่า “ขายชาติ” ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนายสงครามอภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ พอได้แล้ว คุณฆ่าคนเป็นหมื่น คุณไปได้แล้ว ไปตายได้แล้ว ทำให้นายชวนที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมขอให้นายสงคราม ถอนคำพูดคำว่า “ไปตายได้แล้ว” จากนั้นนายสงครามได้ยกเตาอั้งโล่ขึ้นมาบนโต๊ะเพื่อประกอบการอภิปราย โดยได้พูดช่วงหนึ่งเชิงเปรียบเทียบในโครงการประชารัฐ เปรียบเสมือนเตาอั้งโล่ นอกจากนี้ ในช่วงท้ายของการอภิปราย นายสงครามยังได้ขอให้สมาชิกลุกขึ้นยืนไว้อาลัยให้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ 1 นาที แต่ประธานสภาไม่อนุญาตให้ทำ เพราะจะเป็นการเสียเวลาคนอื่น

ถล่ม‘บิ๊กตู่’ตั้งคนถูกถอดยศหนีราชการ

ด้ายนายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ไม่อาจจะไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ให้บริหารประเทศต่อไป เพราะนอกจากจะมีการแทรกแซงสื่อสารมวลชน วิทยุชุมชน จนปิดตัวไปหลายแห่งแล้ว เห็นว่า กรณีที่แต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม และขัดต่อการเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ ทั้งกรณีที่ถูกถอดยศเพราะหนีราชการ และมีพฤติกรรมแจ้งรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีรายได้ที่ได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เดือนละ 3 ล้านบาท ทั้งที่ข้อเท็จจริงที่ตนค้นคว้าพบว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่มีโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการกองสลาก ปี 2558 เพื่อแก้ปัญหาสลากขายเกินราคา โดยขายสลากให้ผู้ค้าโดยตรงผ่านธนาคารกรุงไทย ทำให้บริษัทที่มี ร.อ.ธรรมนัส เป็นหุ้นส่วน ซึ่งรับโควตาสลาก ถูกริบโควตา ดังนั้น ร.อ.ธรรมนัสไม่ควรมีรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงเชื่อว่า ร.อ.ธรรมนัสแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ส่วนรายได้ที่ ร.อ.ธรรมนัส แจ้งต่อ ป.ป.ช.เดือนละ 3 ล้านบาทนั้น เชื่อว่าข้อเท็จจริงมีรายได้สูงกว่านั้น โดยจากการตรวจสอบพบว่าราคาต้นทุนของสลากต่อใบอยู่ที่ 75 บาท ส่วนผู้ค้าจะได้กำไรใบละ 5 บาท ขณะที่นายทุนที่ค้าสลาก เชื่อว่าจะมีกำไรใบละ 25 บาท

“ผมถามว่าหากอยากได้จะทำอย่างไร เขาตอบว่าให้ไปถามบิ๊กป้อม ยุคนี้พิมพ์จำนวนสลากต่องวดละ 100 ล้านฉบับ จากเดิมพิมพ์ 60 ล้านฉบับ และการเพิ่มพิมพ์สลากที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาเล่าว่าจัดสรรให้ ร.อ.ธรรมนัส ดูแลจำนวน 80 ล้านฉบับ ผมเชื่อว่าหากนำไปขายจะทำให้กำไรกว่า 300 ล้านบาท และนำเงินที่ได้เพื่อดูแลคนตรงนี้ ส่วนเรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริงต้องชี้แจงมา” นายนิคม กล่าว

 

“ธรรมนัส”โต้เดือดยอมรับถูกถอดยศร.ท.

ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงกรณียศทหารของตนว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2541 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ถอดยศ ร.ท.พชร พรหมเผ่า สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด ตั้งแต่ 9 กันยายน 2541 เหตุผลประพฤติตัวไม่สมควรกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 โดยมีนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีขณะนั้นรับสนองพระบรมราชโองการ แต่ตนก็มีหนังสือของกระทรวงกลาโหมอีกฉบับ ว่าด้วยการเลื่อนยศนายทหารสัญญาบัตร

 

โดยอาศัยอำนาจมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.ยศทหาร พ.ศ.2475 ให้เลื่อนยศนายทหารสัญญาบัตรในสังกัดบก.ทหารสูงสุดซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนตามระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งยศและการเลื่อนยศของข้าราชการทหาร ปี 2541 เป็นว่าที่ร้อยเอก อันดับ 1 ร.ท.พชร พรหมเผ่า หมายเลขประจำตัว 1272500311 ลงชื่อโดยพล.อ.วัฒนชัย วุฒิศิริ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหม ทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2541 แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสับสนคือ เนื่องจากประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับลงวันที่ 24 ตุลาคม 2541 เรื่องการถอดยศร้อยโท แต่อีกคำสั่งหนึ่งลงวันที่ 1 มิถุนายน 2541 ซึ่งถึงเดือนตุลาคมก็เป็นระยะเวลาหลายเดือน ดังนั้นจึงเกิดความสับสน

ยืดอกยอมรับมีแผงซื้อ-ขายสลาก 10 แผง

 

ค่าตัว "งูสีส้ม" แตะ 30 ล้าน เผยหลังอภิปรายฯอาจลดลง

ส่วนประเด็นเรื่องการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่ปฏิเสธว่าก่อนที่จะเข้าสู่การดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะส.ส. ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562 เป็น 1 ใน 5 เสือกองสลาก มันผิดหรือที่จะมีอาชีพเป็นผู้ค้าสลากรายใหญ่ ขออย่ามองเห็นผู้ค้าสลากรายใหญ่เป็นโจรหรือเป็นผู้เอารัดเอาเปรียบทางสังคม 5 เสือกองสลากเขาก็มีคุณธรรม ไม่ใช่จะเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค แต่เมื่อนโยบายรัฐบาลชุดที่แล้วไม่ให้มี 5 เสือหรือผู้จำหน่ายสลากรายใหญ่ ตนได้รับสัมปทานในฐานะเป็นคู่สัญญากับกองสลากครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2558 ประธานบอร์ดมีนโยบายว่าสลากการกุศลหรือสลากกินแบ่งรัฐบาลจะต้องถูกจำหน่ายโดยผ่านธนาคารกรุงไทย หรือผ่านองค์กรกุศลในจำนวนที่เป็นไปตามข้อบังคับ หรือระเบียบของสำนักงานสลากฯ วันที่ 4 สิงหาคม 2558 คือครั้งสุดท้ายที่ตนอยู่ในฐานะที่เป็นคู่สัญญากับกองสลาก

“ทุกวันนี้ผมไม่มีสัมปทานหรือมีคู่สัญญากับสำนักงานสลากฯ แม้แต่เล่มเดียว แต่ที่ได้สำแดงทรัพย์สินรายได้ว่ามาจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเดือนละ 3 ล้านบาท คงเข้าใจผิดว่าผมยังเป็นคู่สัญญากับสำนักงานสลากฯ ขอเรียนว่ารายได้จากการทำธุรกิจในส่วนของสลากกินแบ่งเดือนละ 3 ล้านคือที่ผมเช่าแผงค้าสลากที่ข้างสำนักงานสลากฯ ซึ่งเป็นการเช่าช่วงจากเจ้าของตลาด ผมมีแผงค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลเกือบ 10 แผง เพราะจำเป็นต้องหล่อเลี้ยงลูกค้าที่ทำธุรกิจเรื่องสลากกันมาเกือบ 10 ปี เพราะสมัยที่เป็นเจ้าของสัมปทาน ลูกค้าเหล่านั้นมารับสลากจากผมไปขายในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ จึงจำเป็นต้องประคองชีวิตของพ่อค้าผู้มีอาชีพเหล่านั้นให้มีอาชีพต่อไป ถึงแม้ว่ารายที่เคยได้รับจะลดน้อยลง แต่เขาก็สามารถที่จะทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวให้อยู่รอด ดังนั้นผมจึงเปิดแผงค้าเกือบประมาณ 10 แผงเพื่อไว้รับซื้อ และจำหน่ายสลากเหมือนเดิม” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

“การทำอาชีพนี้ผมถือว่าเป็นอาชีพสุจริต แม้เราจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือ ส.ส.ก็ตาม การเป็นรัฐมนตรีถือว่าสาหัสพออยู่แล้ว แต่สถานะการเป็น ส.ส. โดยเฉพาะผู้แทนตลาดล่าง เงินเดือนแต่ละเดือนจากการได้รับจากรัฐบาลประมาณ 120,000 บาท ถามว่างานแต่ละงานในฐานะเป็น ส.ส. มันเลี้ยงพวกเราได้หรือไม่ ใครไม่เป็นผู้แทนจากเขตไม่รู้หรอก ยกตัวอย่าง ส.ส.บ้านผมดูแลพื้นที่พะเยามีกี่อำเภอ อบต.หมู่บ้าน ออกจากบ้านก็เสียเงินแล้ว สิ้นเดือนยิ่งกว่าสิ้นใจเงินไม่พอ ผมเชื่อว่าส.ส.ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาลต่างก็ตระหนักดีว่าเราต้องทำมาหากินเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นอยู่ไม่ได้" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

 

ค่าตัว "งูสีส้ม" แตะ 30 ล้าน เผยหลังอภิปรายฯอาจลดลง

จ่อซักฟอก“นายกฯ”ยาวถึงเที่ยงคืนวันนี้

ต่อมา ที่รัฐสภา น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวภาพรวมครึ่งทางของการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรีร่วมรัฐบาล น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านถือว่าการอภิปรายมีหลายสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีข้อบังคับเป็นปัญหา และอุปสรรค ทำให้ต้องปรับกระบวนยุทธ์ โดยการอภิปรายทั้ง 3 วัน นายกฯ ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีคนอื่นๆ ชี้แจงแทน แม้ฝ่ายค้านจะประท้วง แต่ผู้ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรชี้แจงว่าสามารถทำได้ ไม่ผิดข้อบังคับ จนทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถูกเปลี่ยนไปเป็นการแถลงนโยบายรัฐบาล การลุกขึ้นชี้แจงแทนของรัฐมนตรีต่างๆ ทำให้รัฐสภากลายเป็นเวทีให้แถลงนโยบาย และผลงานกันอย่างสนุกสนาน ในส่วนของเนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มุ่งเน้นใน 3 ประเด็น ได้แก่ ความบกพร่องผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง และทุจริต ซึ่งเดิมตั้งเป้าว่าจะอภิปรายนายกฯ เพียง 2 วันครึ่ง แต่ขณะนี้แนวโน้มที่จะทะลุไปเป็นวันที่ 2 และวันที่ 3 จากเดิมที่จะอภิปรายจบในค่ำวันนี้ ก็จะขยายไปถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 27 กุมภาพันธ์

 

ค่าตัว "งูสีส้ม" แตะ 30 ล้าน เผยหลังอภิปรายฯอาจลดลง

เชื่อหลังอภิปราย“บิ๊กตู่–วิษณุ–ดอน”เจอคดี

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ฝ่ายค้านประเมินภาพรวมพบว่าในหลายข้อกล่าวหา รัฐบาลตอบไม่ตรง และไม่ตอบ จึงไม่แปลกใจที่ผลสะท้อนทำให้หุ้นตก หลังจากนี้วิกฤติเศรษฐกิจจะคู่ขนานไปกับวิกฤติกระบวนการยุติธรรม และการอภิปรายในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น จะขยายไปถึงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ จึงขอให้จับตาการอภิปราย นอกจากนี้ ขอให้จับตาการอภิปราย โดยนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย เรื่องรถถังเบรกแตก คาดว่า หลังการจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีคดีแถมให้แก่นายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ แค่ครึ่งทางของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีหนึ่งคนก็เตรียมจะลาออกอยู่แล้ว สำหรับนายกฯ แค่เรื่องไอโอประเด็นเดียว จะเอาตัวรอดหรือไม่

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ