ชวนรีบเข้าสภาหลังเสรีพิศุทธ์ป่วน ย้ำอภิปรายปมถวายสัตย์ไม่ได้

 

 

 

             26 ก.พ.2563-เวลา 12.00 น.ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงบรรยากาศความวุ่นวายในการประชุมสภาฯหลังจากที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลุกขึ้นอภิปรายเรื่องปมถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนว่า ตนติดตามการประชุมมาโดยตลอด ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมก่อน

 

 

อ่านข่าว - เสรีพิศุทธ์ เปิดหัวป่วนสภาฯกว่าชั่วโมงปมถวายสัตย์ ด้าน ศุภชัยรองปธ.สภาฯ ลั่น ผมไม่กลัววีรบุรุษนาแก
 

 

     

 

          จากนั้นก็นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุมต่อ แต่เมื่อตนเห็นบรรยากาศความวุ่นวายจึงรีบเดินทางมาเพื่อมาทำหน้าที่ประธานการประชุมก่อนนายสุชาติ ซึ่งกรณีการอภิปรายเรื่องการถวายสัตย์ฯ เราได้ระมัดระวังมาตั้งแต่ต้น และตัวแทนของวิปทั้งสองฝ่ายก็เห็นตรงกันว่าจะไม่นำเรื่องนี้ขึ้นมา หลังจากที่มีการอภิปรายฯไปแล้ว โดยขณะนั้นมีการทักท้วงว่าศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้ว ประธานสภาฯไม่มีสิทธิ์บรรจุเป็นระเบียบวาระ ซึ่งตนบอกว่าศาลรัฐธรรมนูญเพียงแค่มีความเห็น แต่ไม่ได้มีคำวินิจฉัย จึงสามารถพูดได้และให้เวลาการอภิปรายฯทั้งวัน แต่ครั้งนี้ตามข้อบังคับไม่ให้มีการเอ่ยถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นเรื่องสำคัญและวิปทั้งสองฝ่ายก็เห็นด้วย และเชื่อว่าทางวิปฝ่ายค้านคงแจ้งให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์รับทราบแล้ว

 

 

 

 

 

 

             "ถึงแม้ว่าไมได้เป็นข้อตกลง แต่หากประธานที่ประชุมเห็นว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ก็มีสิทธิ์ไม่ให้พูดก็ได้ และมองว่าเรื่องนี้จบไปแล้ว เพราะนายศุภชัยได้ตัดสินแล้ว อีกทั้งการเปิดประชุมสภาฯเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ผมก็ได้ชี้แจงข้อบังคับที่เกี่ยวกับการอภิปรายฯทั้งหมด รวมถึงเรื่องการอภิปรายเรื่องการถวายสัตย์ฯ เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารคือรัฐบาล และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์สามารถอภิปรายฯเรื่องอื่นได้ แต่เรื่องการถวายสัตย์ฯจบลงแล้ว" นายชวน กล่าว

 

 

 

 

 

              นายชวน กล่าวอีกว่า เวลาการที่ใช้ในการอภิปรายของฝ่ายค้านเหลือเพียง 21 ชั่วโมง แต่ไม่รวมตอนสรุปอีก 2 ชั่วโมง หากรวมแล้วก็เหลือ 23 ชั่วโมง ในขณะที่รัฐบาลเหลือเวลา 10 ชั่วโมง แต่มีข้อเสนอแนะหากรัฐบาลจะชี้แจงก็ขอให้ฝ่ายค้านอภิปราย 2-3 ท่าน เนื่องจากเป็นการพูดในประเด็นเดิมๆ ฝ่ายรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีจะได้ชี้แจงครั้งเดียวจบ กรณีประเด็นเดียวแต่มีผู้อภิปรายหลายคน และถือว่าได้รับความร่วมมือพอสมควร ซึ่งการอภิปรายในแต่ละครั้งก็ไม่ราบเรียบ และจะโทษประธานที่ประชุมว่าไม่เป็นกลาง เมื่อฝ่ายรัฐมนตรีสามารถแก้ต่างได้ อีกฝ่ายก็ไม่พอใจและลุกขึ้นมาประท้วง ซึ่งทุกอย่างต้องดูข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ด้วย ตนเคยแนะนำแล้วว่าในประเด็นนี้นายกฯและรัฐมนตรีไม่ต้องตอบทุกครั้ง จะทำให้ประหยัดเวลาไปได้มาก