ข่าว

"ธนาธร" ท่องคาถา อนค.ไม่ถูกยุบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ธนาธร" โอดเปิดเผยให้พรรคกู้เงินกลับเป็นหอกทิ่มแทง เชื่อ ส.ส.อนค. ไม่แตกขั้ว ด้าน 2 นักวิชาการมั่นใจบิ๊ก อนค. ไม่หยุดเคลื่อนไหวหากถูกยุบพรรค "แรมโบ้" เย้ยยุทธการอรุณรุ่ง

 

              ยังคงเดินสายเรียกคะแนนเห็นใจจากมวลชนหลังจาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ออกมาแถลงปิดคดียุบพรรคอนาคตใหม่ปมกู้เงินหัวหน้าพรรคก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยชี้ขาดในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ล่าสุด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับจุดยืนและท่าทีของแกนนำพรรคหากศาลมีคำวินิจฉัยไปในทางลบ

อ่านข่าว-อนค.ดิ้นพล่าน ลั่นฟ้องกกต.หากพรรคถูกยุบ

 

 

 

ธนาธรพ้อพูดจริงเหมือนหอกทิ่ม

              เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุมคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา ชั้น 4 อาคารคณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีการจัดบรรยายเสวนาวิชาการ “ประชาชนอยู่ตรงไหน เมื่อตุลาการเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” จัดโดย กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) โดยมีนายธนาธร เข้าร่วมรับฟังเสวนา โดยระบุว่า 3 อำนาจหลักทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ล้วนมาจากอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้นเราควรกลับมายึดโยงกับหลักการเบื้องต้นของประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชน

              นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ถึงผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีเงินกู้ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ พรรคอนาคตใหม่จะมีแนวทางอย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า ยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจว่าทำไมต้องให้เงินกู้แก่พรรค เพราะต้องการทำอย่างเปิดเผย ต้องการสร้างพรรคที่โปร่งใสและเข้มแข็ง คนที่ร้องกับ กกต. เขาไม่ได้ไปค้นเจอ แต่เขาไปร้อง เพราะเขาได้ยินพูดในเรื่องเงินกู้ในที่สาธารณะ ดังนั้นไม่ได้ทำแบบมุบมิบ และพูดว่า ให้กู้และต้องชำระคืน แต่การที่พูดทุกอย่างกลับกลายเป็นหอกมาทิ่มแทง ยิ่งสำแดงยิ่งพัง ต่อไปต้องเก็บไว้ใต้ก้นให้หมด นี่คือเส้นทางที่เราอยากพาประเทศไปข้างหน้าแบบนี้หรือ

 

 

 

มั่นใจหากยุบพรรคส.ส.ไม่มีหนี

              เมื่อถามว่า หากคำวินิจฉัยเป็นลบ จะมี ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ย้ายขั้วทางการเมืองหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า เราเชื่อมั่นใน ส.ส.ของเรา ขณะนี้เหลือ ส.ส. 75 คน และมีกรรมการบริหารพรรคอีก 11 คน ดังนั้นหากโดนยุบหรือตัดสิทธิกรรมการบริหาร ส.ส.พรรคจะเหลือ 64 คน ซึ่งมั่นใจอย่างหนักแน่นว่า ส.ส.ของเราจะร่วมเดินทาง เพราะอนาคตใหม่คือผู้คนและการเดินทาง ไม่ใช่พรรคการเมือง และเราจะไปอยู่ที่พรรคใหม่สู่พรรคที่มีอุดมการณ์ร่วมกันอย่างเข้มแข็งและหนักแน่น

              ส่วนที่ถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ นอกสภาควบคู่ไปในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายธนาธร กล่าวว่า 16 คนของพรรคอนาคตใหม่ ที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล มีหลายคนเป็นกรรมการบริหารของพรรค หากตัดสิทธิ์พวกเขาก็จะไม่ได้อภิปรายในสภา หมายความว่า เราจะเอาเรื่องเหล่านั้นมาอภิปรายนอกสภาแทน อาจมีบางเรื่องส่งต่อได้ แต่เรื่องบางเรื่องก็เป็นความลับ จะมาส่งต่อกันใกล้ๆ ให้พูดแทนแล้วต้องเรียนรู้ใหม่ก็คงจะลำบาก

 

 

 

เชื่อ“ธนาธร-แกนนำ”ไม่สิ้นฤทธิ์

              วันเดียวกัน รายการ “เรื่องลับมาก (NO CENSOR)” ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 สัมภาษณ์ความคิดเห็น “ดร.เสรี วงษ์มณฑา” และ นายจักษ์ พันธ์ชูเพชร หรือ อ.จักษ์ ที่ปรึกษา รมว.แรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย เกี่ยวกับประเด็นร้อนทางการเมือง วันศุกร์ชี้ชะตาพรรคอนาคตใหม่ โดยนายจักษ์ กล่าวว่า เป็นศุกร์แห่งความสุข จะได้รู้ซะที การตัดสินในวันศุกร์จะเป็นต้นแบบในการตัดสินคดีแบบนี้ต่อไป แต่เชื่อว่าเขาไม่ลาออก คิดว่าเขามองไปอีกช็อตหนึ่งว่าเขาถูกรังแก นี่คือเป้าหมายการต่อสู้ เพราะพรรคอนาคตใหม่ใช้ในการต่อสู้ ถูกรังแก เอาเปรียบมาตลอด เป็นแนวคิดพวกซ้ายเก่าๆ ที่เขาใช้กัน

              ส่วนที่ถามจะมีการลงถนนหรือไม่หากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ คิดว่า ไม่ง่าย การลงถนนคือเส้นทางมันตีบตันจนไปไม่ได้แล้วจึงลงถนน แต่ ณ วันนี้เส้นทางในสภาก็ยังมีอยู่ ยังเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เส้นทางศาลก็ยังต่อสู้ได้ แล้วจะดึงมาตรงนี้ จึงคิดว่าไม่ง่าย แต่เขาก็สร้างกระแสให้ได้ เขาจะเดินสาย แต่คิดว่าไม่ง่าย ส่วนนายธนาธรและพวกจะสิ้นฤทธิ์ไหมหลังจากนี้ไป ขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาลว่าจะออกมาเป็นเช่นไร ตัดสิทธิ์หรือไม่ว่าใครถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก็ต้องไปอีกเส้นทางหนึ่งแล้ว คนบางคนเหมาะสมเป็นนักวิชาการมากกว่านักการเมือง คนบางคนเหมาะสมเป็นนักเคลื่อนไหวมากกว่านักการเมือง

 

 

 

ดร.เสรีเห็นพ้องบิ๊กอนค.ไม่เลิกรา

              ขณะที่ ดร.เสรี กล่าวว่า หากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ กรรมการบริหารพรรคที่เหลืออยู่จะเป็นอย่างไรนั้น กรรมการบริหารพรรคก็ต้องเว้นวรรคอย่างแน่นอน ถ้าเป็น ส.ส. ก็หลุดจาก ส.ส. ตอนนี้ก็มีคนบอกลาออกไปก่อนสิจะได้ขยับคนอื่นขึ้นมา จะได้ไม่เสียจำนวน แต่ถ้าไม่ลาออกแล้วถูกยุบจริงๆ ลำบากนะ ส่วนการล่ารายชื่อ โดยเฉพาะคนดัง จะกดดันศาลตุลาการหรือเปล่านั้น แน่นอน เขาต้องการใช้เรื่องตัวเลขไปกดดันศาล เหมือนปี 2544 เคยทำมาแล้ว และมีตุลาการบางคน ซึ่งถูกสาปแช่งมาก ไปตัดสินเลยว่า เขาเลือกกันมาเยอะแยะ จะไปให้เขาผิดไม่ได้ รอบนี้เลยมีคนอ้างแบบเดียวกันว่า มีคน 6 ล้านคนเลือกมา คุณแค่ 9 คนจะตัดสินได้อย่างไร ทำอย่างนี้ไม่ถูก อย่างไรก็ตามหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ เชื่อว่า นายธนาธร และบรรดาแกนนำจะไม่สิ้นฤทธิ์ เขาต้องเดินสายต่อไปตามที่เขาตั้งใจ

 

 

 

เพื่อไทยติวเข้ม-เคาะยุทธพงศ์หัวหอก

              ด้านความคืบหน้าศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันเดียวกัน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ว่า จำนวนผู้อภิปรายในส่วนของพรรคเพื่อไทยจะมีประมาณ 14 คน หรือถ้ามีเพิ่มขึ้นก็จะไม่เกิน 1-2 คน ขณะที่พรรคอนาคตใหม่จะมี 16 คน ส่วนพรรคร่วมอื่นๆ จะมีประมาณพรรคละ 1-3 คน รวมทั้งหมดจะมีผู้อภิปราย 35-40 คน โดยหัวหอกคนสำคัญในการอภิปรายครั้งนี้ได้แก่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม จะเป็นผู้อภิปรายหลัก ซึ่งได้รับการเตรียมข้อมูลทุกอย่างจากคณะกรรมการกิจการพิเศษ

              ส่วนผู้อภิปรายหลักอีก 10 กว่าคนที่เหลือ มีคณะทำงานของนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านเป็นหัวหน้าทีม และมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์เป็นที่ปรึกษาคอยเตรียมข้อมูลให้ ได้แก่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน, นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม., นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่, นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์, น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.เลย, นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. และผู้อภิปรายที่เหลือทั้งหมด โดยจะอภิปรายด้วย เชื่อว่าผู้อภิปรายของพรรคจะทำให้ประชาชนรับทราบข้อมูลข้อผิดพลาดในการบริหารงานของรัฐบาลได้อย่างแน่นอน และหลังจากการอภิปรายจบ เชื่อว่าจะมีการยื่นดำเนินคดีทางอาญารัฐมนตรีไม่น้อยกว่า 5 คนต่อ ป.ป.ช.อย่างแน่นอน

              “กิจกรรมสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่จะมีขึ้นวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน จะเชิญคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคอาทิ นายโภคิน พลกุล, นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา มาร่วมประชุมกับผู้อภิปรายของพรรคทุกคน รวมถึง ส.ส. ที่จะทำหน้าที่ควบคุมบรรยากาศการประชุม เพื่อซักซ้อมให้การอภิปรายครั้งนี้มีความสมบูรณ์มากที่สุด” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

 

 

 

พปชร.เอาด้วยติวเข้มโค้งสุดท้าย

              วันเดียวกัน ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก สาขาศรีนครินทร์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวถึงการรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ว่า ภายหลังการประชุมคณะทำงานสนับสนุนรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือวอร์รูม ครั้งที่ 2 ในช่วงบ่ายรู้สึกมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทีมวอร์รูมมีการหารือในรายละเอียดประเมินประเด็นการอภิปรายอย่างรอบด้าน ซึ่งสามารถหาข้อมูลข้อเท็จจริงเตรียมพร้อมชี้แจงต่อประชาชนไว้อย่างครบถ้วน เพื่อเตรียมประสานงานกับวิปรัฐบาลที่มีการจัดขุนพลรับมือกับการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านที่หากมีการอภิปรายออกนอกประเด็นหรือใช้ข้อมูลที่ไม่มีข้อเท็จจริงมาทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ซึ่งหวังว่าบรรยากาศการซักฟอกในสภาจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ให้ประโยชน์สูงสุดเกิดแก่ประชาชน

 

 

 

เย้ยอรุณรุ่งงัด“เกลือจิ้มเกลือ”

              ที่ จ.นครราชสีมา นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะทำงานเตรียมข้อมูลสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในฝ่ายของรัฐบาล กล่าวว่า ถ้าอภิปรายอยู่ในกรอบกติกาอย่างสร้างสรรค์ ไม่เล่นวิธีการสกปรกใส่ร้ายป้ายสี สร้างหลักฐานอันเป็นเท็จต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้ง 5 คน ทั้งที่รัฐบาลในอดีตเองก็เคยทำความเลวร้ายทิ้งไว้ให้กับบ้านเมืองมากมาย จนกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ต้องออกมาประคับประคองแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมากมายจากพฤติกรรมของผู้นำบางคนที่มีแสวงหาผลประโยชน์ มีการทุจริตคอร์รัปชั่น กอบโกยโกงกินมากมาย จึงเตือนมาด้วยความหวังดีว่าถ้าฝ่ายค้านอภิปรายด้วยวิธีการสกปรก เราก็ต้องใช้ยุทธวิธี “เกลือจิ้มเกลือ” เหมือนกัน มีทั้งตอบโต้ในสภาและนอกสภา ในการอภิปรายของฝ่ายค้านแต่ละคนจะมีการเก็บข้อมูลการอภิปรายอย่างละเอียดทุกคำพูด เพื่อให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการฟ้องร้องคดีให้เด็ดขาด จะได้เป็นบรรทัดฐาน 

              “คณะทำงานเคยรู้ไส้รู้พุงพวกท่านเคยอยู่ร่วมชายคาบ้านเดียวกัน เห็นทุกสิ่งรู้ทุกอย่างในบ้านหลังเก่า จึงรับไม่ได้กับพฤติกรรมของหัวหน้าครอบครัวและคนในบ้านบางคนที่กินมูมมามจนพวกผมต้องหนีออกจากบ้านที่สกปรกสุดๆ ก็แค่นั้นเองหรือว่าคนที่ยังอยู่ในบ้านหลังเก่าหลังเดิมชินชากับพฤติกรรมมูมมามแบบนี้ไปเสียแล้ว”

 

 

 

              นายสุภรณ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ถ้าเรามีผู้นำบ้านเมืองมีนายกรัฐมนตรีที่ใจซื่อมือสะอาดไม่เคยคิดโกงกินบ้านเมืองห่วงใยประชาชน เชื่อมั่นว่าประชาชนคนไทยต้องการนายกรัฐมนตรีที่ใจซื่อมือสะอาด ไม่เคยคิดโกงกิน อุทิศตนทำงานเพื่อบ้านเมืองดังเช่น พล.อ.ประยุทธ์ อย่างแน่นอน ดังนั้นประชาชนคนไทยมีบทเรียนสอนใจอันเจ็บปวดมาแล้ว ไม่มีวันลืมอดีตที่ผ่านมาได้ง่ายๆ หรอก

 

รู้ทันพวกจ้องขี่คอหวังปรับครม.

              ด้าน นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กองหลอน อุบายตั้งองครักษ์สู้นอกสภา คือ สร้างความชอบธรรมให้กับการต่อต้านรัฐบาลนอกสภา อุบายตั้งองครักษ์พิทักษ์ลุงตู่ในสภา ก็แค่อุบายตื้นๆ แบบตั๋งโต๊ะคุมพระเจ้าเหี้ยนเต้ ข่มก๊กก๊วนต่างๆ หวังผลปรับ ครม.แค่นั้น ยังไม่รู้เลยว่ากองงานแท้ของลุงตู่อยู่ที่ไหน ดูเหมือนว่าลุงตู่จะรู้เท่าทัน ไม่ยอมให้ใครมาคุ้มครอง แบบแผงลอยต้องอาศัยนักเลงมาคุมแผง จากนี้ไป คงจะได้เห็น New ตู่ ที่ออกลีลา รัฐบาลแบบป๋าเปรมมากขึ้น เพราะเป็นนายกฯ โดยไม่ต้องมีพรรค โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ก็ย่อมได้รับสนับสนุนจากทุกพรรค

              “ไม่ต้องให้ใครมาขี่คอ และวันหนึ่งก็ไม่ต้องออกปากแบบจอมพลประภาส "ย.ม... กูไม่ยอมให้ใครมาขี่คออีกแล้วโว้ย" ว่าแล้วก็ขว้างแก้ววิสกี้และสั่งยึดอำนาจ! ด่วน ชัดเจนจากทั้งลุงตู่และลุงป้อมว่าพร้อมจะตอบข้ออภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเอง ไม่ต้องพึ่งองครักษ์จากพรรคการเมืองต่างๆ”

 

 

 

บิ๊กตู่ขอรอฟังศึกซักฟอกจะเชื่อใคร

              เวลา 15.30 น.ที่ บริเวณสวนรักษ์ธรรมชาติ (วงเวียนหลักสี่) ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า “ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ขอให้รอฟังว่าท่านจะเชื่อเขาหรือเชื่อผม ผมทำด้วยใจ เจ็บตัวบ้างอะไรบ้างผมทนได้ ขอให้ทุกคนได้เข้าใจผมและทีมงานทุกคน ถ้าพูดกันไปไม่มีหลักฐานไม่มีเหตุผลก็อย่าไปเชื่อกันมาก ตอนนี้เฟคนิวส์มันก็เยอะ”

              ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายนายกฯ ได้กล่าวบทกวีนิพนธ์ของ นภาลัย ฤกษ์ชนะ (สุวรรณธาดา) ท่อนที่ว่า “อันศึกนอกศึกในนั้นไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” นอกจากนี้ก่อนเดินทางกลับ พล.อ.ประยุทธ์อารมณ์ดีเมื่อเห็นความก้าวหน้าโครงการและเมื่อเจอกลุ่มผู้สื่อข่าวได้ฮัมเพลง "ซาโยนาระกู๊ดบาย” พร้อมโบกมือส่งยิ้มให้ผู้สื่อข่าว

 

 

 

เล็งหากระตุ้นท่องเที่ยวแทนหยุดยาว

              ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีไม่พิจารณาวันหยุดยาว 9 วันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรเพิ่มเติมในภาพรวมของประเทศหรือไม่ว่า กำลังคิดอยู่ ซึ่งกระแสตอนนี้มีทั้งปัญหาภายนอก เรื่องการท่องเที่ยวจากจีนที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่หลายประเทศต้องระมัดระวังประชาชนของเขาด้วย เราไม่ได้มีนักท่องเที่ยวจากจีนอย่างเดียว ยังมีประเทศอื่นด้วย รวมประมาณ 40 ล้านคน โดยจีนอยู่ในนั้น 10 ล้านคน เมื่อประเทศอื่นห้ามประชาชนออกนอกประเทศ ไทยก็ได้รับผลกระทบด้วย ดังนั้นต้องยอมรับสถานการณ์ตรงนี้ จะต้องมีมาตรการให้คนไทยเที่ยวในประเทศ ในเมืองหลัก เมืองรอง ข้อสำคัญมีเงินจะเที่ยวหรือไม่ นั่นคือประเด็นที่กำลังพิจารณาทั้งหมด

 

‘กมธ.อนค.’เงิบบิ๊กแป๊ะซัดหน้าหงาย

              ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เป็นประธานกรรมาธิการ มีการพิจารณาเรื่องสืบหาข้อเท็จจริงการใช้อำนาจแทรกแซงการจัดงานวิ่งไล่ลุง โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ โดยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้มีการตั้งแง่ ผบ.ตร.ว่ามีการปฏิบัติต่อม็อบที่ไม่เหมือนกัน ระหว่างม็อบสวนยาง กับอีกกลุ่มม็อบที่ดูเหมือนจะอยู่ตรงข้ามกับทหาร

 

 

 

              ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชี้แจงว่า แนวนโยบายหลักที่ให้ไปเมื่อมีการวิ่งไล่ลุง คือ ให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชน และขอยืนยันว่าทหารไม่ได้มาแทรกแซงแต่อย่างใด ไม่ต้องสงสัยว่าตำรวจอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สิ่งที่ตำรวจไม่อยากเห็นเลยคือการลงถนน ตำรวจเป็นคนกลางเอียงไม่ได้ ถ้าเอียงโดนร้องอาญา 157 จากวิ่งพวกคุณก็มาอีกเวอร์ชั่น ก็เฝ้าดูอยู่ ขออย่างนี้แล้วกัน อย่าทำอะไรให้สุ่มเสี่ยงกฎหมาย เพราะมันอันตราย

 

“วิษณุ”ไม่รู้ส.ว.หักตีตก“ปรีชา”

              วันเดียวกัน เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีวุฒิสภา (ส.ว.) มีมติไม่เห็นชอบ พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นเลขาธิการ ปปง. คนใหม่ ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบและเสนอไปว่า เมื่อ ส.ว.ตีตกไปรัฐบาลจะต้องหาคนใหม่ ระหว่างนี้จะต้องพิจารณาต่อไปว่าจะแต่งตั้งใครมารักษาการเลขาธิการ ปปง. ถือเป็นเรื่องธรรมดาเคยปรากฏลักษณะนี้มาแล้วในอดีต ส่วนการเสนอรายชื่อใหม่นั้น หากได้เร็วก็ดี แต่มันเร็วไม่ได้ จึงให้มีการรักษาการไปก่อน ซึ่งไม่เป็นปัญหา

 

 

 

              ผู้สื่อข่าวถามว่า จะถูกมองว่า ส.ว.หักกับ ครม.หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในชั้นพิจารณาของ ส.ว.มีการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดไม่เหมือนกับ ครม. โดยจะสอบประวัติไปถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวกับเจ้าตัวด้วย ส่วนหลักฐานเป็นอย่างไรนั้รนไม่ทราบ ส่วนก่อนหน้านี้ในชั้น ครม.ได้สอบประวัติ พล.ต.ต.ปรีชา ก่อนหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการ ปปง. แม้จะขึ้นกับรัฐบาล แต่การทำงานของเขาเกือบจะอิสระ มีกรรมการของตัวเอง และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คณะกรรมการ ปปง.เสนอมา

 

อนค.ค้าน “บิ๊กตู่” สร้างหนังปลุกใจ

              วันเดียวกัน นายธัญญ์วาริ​น สุขะพิ​สิษฐ์​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะอดีตนายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย แถลงถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์เสนอเเนวคิดและมีคำสั่งให้กระทรวงกลาโหมเเละกระทรวงวัฒนธรรม จัดสร้างภาพยนตร์สารคดีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการสงครามของประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้เชิงประวัติศาสตร์ และส่งเสริมให้เกิดความรักชาติ ว่า พรรคอนาคตใหม่ขอคัดค้านการเสนอให้สร้างภาพยนตร์เพื่อเชิดชูสถาบันทหาร เเละยกย่องกองทัพ เพราะเห็นว่าการสร้างศรัทธาให้ประชาชนรักชาติ ไม่จำเป็นต้องเสนอด้วยการสร้างภาพยนตร์ที่ชูภาพลักษณ์เเละประชาสัมพันธ์องค์กรทหาร กรณีดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความต้องการคงอำนาจของเผด็จการ ในรูปแบบการประชาสัมพันธ์

 

 

 

              “แทนที่จะสร้างภาพยนตร์เพื่อชูภาพลักษณ์องค์กร สถาบันทหารนั้น ควรสร้างภาพยนตร์ที่เเสดงให้เห็นจุดบอด ความบกพร่องของกองทัพ ในปัจจุบัน เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้แก่ประชาชนหรือส่งเสริมภาพยนตร์ประเภทอื่นที่จะส่งผลต่อการสร้างรายให้แก่ประเทศยังดีเสียกว่า จึงขอให้รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย เพราะที่ผ่านมาขาดการเยียวยา เเละการสนับสนุนจากภาครัฐในการทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยได้ทัดเทียมเท่าสากล ส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศ” นายธัญญ์วาริ​น กล่าว

 

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ