สมศักดิ์เร่งเพิ่มพื้นที่เรือนนอนสั่งสอดส่องตบตีแย่งผ้าอนามัย

 

              อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี 31 มกราคม 2563  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการแก้ปัญหานักโทษล้นคุก ว่า กระทรวงยุติธรรมได้เสนอกรอบแนวทางในการลดจำนวนผู้ต้องขังที่อยู่ในสภาพคนล้นเรือนจำ

อ่านข่าว - ลูกหนังเดือด สมศักดิ์ หัก เนวิน

 

 

 

              โดยมีทั้งการแก้ไขกฎหมาย , การใช้สถานที่อื่นเป็นที่กักขังแทนเรือนจำ , การฝึกอาชีพ และการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งการแก้ไขกฎหมายต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้น ในระยะเร่งด่วนกระทรวงได้ขออนุมัติใช้งบกลาง 178 ล้านบาท ทำโครงเหล็กยกพื้นเรือนนอน เพื่อเพิ่มความจุรองรับจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำที่มีความแออัดเกินความจุไปกว่า 1 เท่าตัว ทำให้นักโทษมีพื้นที่นอนเพียงคนละ 0.5 ตารางเมตร เช่น เรือนจำจังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่เรือนนอน 3,200 ตารางเมตร รองรับผู้ต้องขัง 6,300 คน , เรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ มีผู้ต้องขัง 7,600 คน แต่สามารถรองรับได้ 4,000 กว่าคน ซึ่งมีนักโทษเกินความจุกว่า 1 เท่าตัว หากมีการต่อเติมโครงสร้างจะสามารถลดความแออัดภายในเรือนนอนลงได้

 

 

 

              “เรือนจำที่ระบุว่ามีผู้ต้องขังเกินความจุจนเหลือพื้นที่นอน 0.5 ตารางเมตรต่อคน ขอให้ไปสำรวจซ้ำอีกครั้งว่าเป็นตัวเลขจริงหรือหลอก เพราะเนื้อที่ 0.5 ตารางเมตรคับแคบจนตั้งโลงศพไม่ได้ หากเป็นตัวเลขจริงขอให้สำรวจเพิ่มว่านักโทษนอนหรือนั่งหลับ เจ็บป่วยการการคุมขังอย่างไรบ้าง เพราะจากข้อมูลพบว่าบางเรือนจำนำเงินนอกงบประมาณมาใช้ก่อสร้างขยายพื้นที่เรือนนอนไปบ้างแล้ว จึงขอให้รายงานข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน อย่าให้ผู้ใหญ่สับสนจนเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ” นายสมศักดิ์ กล่าว

              นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงยุติธรรมเตรียมจะขอพิจารณางบกลาง เช่าใช้กำไลอีเอ็มเป็นงบผูกพัน 2 ปี ซึ่งตนไม่ต้องการให้กำไลอีเอ็มเป็นภาระของทางราชการ

 

 

 

              ดังนั้น อาจจะเดินตามแนวทางในต่างประเทศที่กำหนดให้ผู้ถูกสั่งติดกำไลอีเอ็มต้องเสียค่าเช่าเป็นรายวันให้กับทางราชการ ทั้งนี้ ตนจะพยายามผลักดันให้มีการลดจำนวนผู้ต้องขังให้ได้มากที่สุด โดยคาดว่าจากทุกมาตรการในการลดความแออัด อาจทำให้เรือนจำทั่วประเทศคุมขังนักโทษไม่เกิน 3.3 แสนคน ทั้งนี้ ในส่วนของจำนวนไม่สามารถกำหนดตายตัวว่าจะลดลงกี่หมื่นคน เพราะประชาชนอาจไม่พอใจว่าศาลสั่งจำคุกแล้ว แต่เรือนจำปล่อยตัวก่อนกำหนด ดังนั้น ทุกมาตรการต้องดำเนินการอย่ารัดกุม

              “สำหรับปัญหาโภชนาการอาหารของผู้ต้องขัง ผมได้ขอความร่วมมือสถาบันการศึกษาเข้าไปสุ่มตรวจสอบมาตรฐานโภชนาการด้านอาหาร แม้เรือนจำจะมีค่าอาหารนักโทษ 45 บาทต่อคนต่อวัน ต่ำกว่าหน่วยงานอื่นๆ หัวละ 20 บาท แต่การตรวจรับทั้งปริมาณและคุณภาพต้องเป็นไปตามทีโออาร์ กรณีนักโทษเสียชีวิตในเรือนจำ หาก ผบ.เรือนจำ ถูกย้ายไม่ต้องโกรธอธิบดี เพราะเป็นข้อสั่งการของผม ผมขอให้ย้ายเพราะ ผบ.เรือนจำ ไม่ได้ดูแลนักโทษ หรือไม่สำเหนียกกับปัญหาที่เกิดขึ้น นักโทษเจ็บป่วย หากได้รับการดูแลรักษาก็จะไม่เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงขอกำชับใน ผบ.เรือนจำ ดูแลสอดส่องเรือนจำอย่างรอบคอบ แม้กระทั่งเรื่องการแจกจ่ายผ้าอนามัยให้ผู้ต้องขังหญิงก็ได้รับรายงานว่ามีการตบตีแย่งชิงกัน” รมว.ยุติธรรม กล่าว

 

 

 

 

 

 

              นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีนักโทษเสียชีวิตในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งสันนิษฐานว่าไทรอยด์เป็นพิษระบาด และภาวะโพแทสเซียมต่ำ ว่า สาเหตุอาจมีหลายปัจจัย กรณีนำผงปรุงรสมาคลุกข้าวกินทำให้มีรสเค็มจัด เรือนจำได้สั่งห้ามนำมาจำหน่ายในร้านค้าสวัสดิการอย่างเด็ดขาด และยังมีปัญหานักโทษนำยารักษาโรคไปใช้ผิดประเภท เช่น นำยารักษาโรคหัวใจไปกินเกินขนาดจนทำให้หัวใจหยุดเต้น เพราะเกิดจากค่านิยมที่คิดว่ายาเป็นของดีแย่งกันกินเกินขนาด