ข่าว

เจอใครเผาป่าภาคเหนือต้องจับ มท.1 จ่อใช้ยาแรง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กป้อม" ยัน เจอใครเผาป่าภาคเหนือต้องจับ โว ปชช.เข้าใจมากขึ้น หลังส่งจนท.แจงฝุ่นพิษPM2.5 ด้าน มท.1 จ่อใช้ยาแรง สั่งการจนท.ในพื้นที่แก้ปัญหาฝุ่นตามสถานการณ์

 

 

             28 ม.ค.2563-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อลดควันและฝุ่น  PM2.5  ว่า ขณะนี้กำลังรณรงค์กันอยู่และประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้น แต่เขายืนยันว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเผา แต่เราชี้แจงว่าต้องทำอย่างไรไม่ให้เกิดฝุ่น PM2.5 และยืนยันว่าอำนาจการตัดสินใจยังเป็นของผู้ว่าฯภายใต้การให้คำแนะนำกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) 

 


 

 

 

'สุริยะ' วางมาตราการป้อง pm 2.5  เร่ง สมอ.ทำมาตราฐาน จยย.ผ่านยูโร 4 พร้อมผลักดัน รถยนต์ ผ่านยูโร 5 และ ยูโร 6 รับติดปัญหาน้ำมัน

 

                ด้าน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึง การออกมาตรการป้องกันฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ในส่วนของกระทรวงอุสาหกรรม  ได้สั่งการให้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เร่งจัดทำมาตรฐานให้รถจักรยานยนตร์ผ่านมาตรฐานยูโร 4  ที่ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2562 ส่วนมาตรฐานรถยนต์ต้องผ่านยูโร 5 และยูโร6 ซึ่งทางกระทรวงฯจะเร่งผลักดันให้ผ่านมาตรฐานยูโร 5 ในปี 2564 และผ่านมาตรฐานยูโร 6ในปี 2565 แต่ยอมรับยังคงติดปัญหา คือ น้ำมันที่จะใช้กับยูโร 5 นั้นยังไม่พร้อม ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกับกระทรวงพลังงานเพื่อหาแนวทางร่วมกันต่อไป

 

        อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 29 ม.ค.ตนจะเดินทางไปตรวจโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เพราะพบปัญหาเรื่องฝุ่นละอองเป็นวงกว้าง พร้อมสั่งการให้อุตสากรรมจังหวัดตรวจสอบโรงงาน หากพบว่าไม่ได้มาตรฐานต้องสั่งปิดโรงงานเพื่อปรับปรุงทันที และกำชับให้โรงงานไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปตรวจสอบใหม่จนกว่าจะผ่านมาตรฐานโรงงานจึงจะสามารถเปิดทำการได้

  

 

มท.1 จ่อใช้ยาแรง สั่งการจนท.ในพื้นที่แก้ปัญหาฝุ่นตามสถานการณ์

 

                ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ว่า ปกติเรามีมาตรการสำคัญที่จะไปลดแหล่งกำเนิดฝุ่น ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการคมนาคมขนส่ง การเผาในที่โล่งแจ้ง และการก่อสร้างอุตสาหกรรม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็มีการบังคับใช้กฎหมาย แต่ตนมองว่ายังเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในเชิงรับ

 

 

              เช่น เรื่องการจราจรที่มีการตรวจควันดำ รถที่ไม่ผ่านการตรวจก็จะถูกพ่นสีไม่ให้ใช้ สมมติว่ารถผ่านการตรวจเข้าไปในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งของ กทม. เป็นจำนวนมากจนเกิดรถติด ต่อให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานก็ยังเกิดปัญหาพีเอ็ม 2.5 ได้อยู่ดี จึงคิดว่าในบางช่วงเวลาต้องจำกัดการใช้รถประเภทใดประเภทหนึ่งไม่ให้ผ่านเข้าไปในกทม. เพื่อลดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประชุมให้อำนาจผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหมด พิจารณาความเหมาะสมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะใช้มาตรการเข้มข้นในเรื่องใดบ้าง รวมถึงจะต้องมีการตรวจตราสถานที่ก่อสร้าง ไม่ให้มีฝุ่นฟุ้ง อีกทั้งโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องมีการป้องกัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปตรวจตรา

 

             ส่วนที่เป็นสาเหตุหลักในปัจจุบันคือการเผาในที่โล่งแจ้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จ.ลำปาง ซึ่งมีการจุดไฟเผาจริง แต่ก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกที่จังหวัดน่าน แพร่ และพะเยา จากการติดตามก็พยายามจับผู้ที่จุดไฟเผา แต่สิ่งที่ยากคือการดับไฟ เพราะบางพื้นที่เข้าถึงได้ยาก นอกจากนี้ยังได้รับรายงานว่า มีฝุ่นมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก็ต้องมีการประสานเพื่อนบ้าน เบื้องต้นในส่วนของการดูแลประชาชน ทางกระทรวงสาธารณสุขได้แจกหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนที่เจ็บป่วย ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็มีอำนาดูแลประชาชนทั่วไป ที่ไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเองได้ ซึ่งอาจจะต้องมีการจัดซื้อจัดหาเพื่อช่วยเหลือ พร้อมกับให้คำแนะนำการใช้ชีวิตเมื่อค่าฝุ่นละอองสูงขึ้น

 

 

               "จากนี้มาตราในพื้นที่จะต้องแรงขึ้น เพราะต้นกำเนิดมาจากคนในพื้นที่เป็นคนทำ แต่จะทำอย่างไรต้องขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ ที่ต้องรีบหามาตราการเอง ซึ่งแต่ละมาตราการต้องส่งผลกระทบต่อประชาชาชนให้น้อยที่สุด แทนที่จะปิดการจราจร ห้ามรถวิ่งผ่านเลย แม้ว่าจะทำได้ไม่ยาก แต่จะกระเทือนไปถึงระบบขนส่งโลจิสติกส์ทั้งหมด รวมถึงการดำรงชีวิตของประชาชน ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีการเบี่ยงเส้นทาง ส่วนพื้นที่ใดที่มีปัญหามาก ก็ต้องจำกัดการใช้รถ แต่จะจำกัดรถประเภทใดก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

 

 

อนุพงษ์ เชื่อ มาตราการรับมือภัยแล้ง พาประเทศผ่านช่วงวิกฤตได้ 

 

                ส่วนมาตราการรับมือรับมือภัยแล้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า  ขณะนี้ทุกคนในประเทศตระหนักแล้วว่าเรากำลังประสบปัญหากับภัยแล้งที่มีปริมาณน้ำน้อย ไม่พอเพียงทั้งการอุปโภคบริโภค และการเกษตร ซึ่งในเรื่องของการเกษตรก็มีเกษตรกรบางคนปลูกพืชไปแล้วบ้าง แต่ละพื้นที่ก็ต้องแก้ไขปัญหากันไป ยอมรับว่าบางส่วนก็แก้ไขได้ แต่บางส่วนก็แก้ไขไม่ได้ เพราะเราไม่สามารถจัดหาน้ำให้ได้เลย

 

            แม้กระทั่งพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาบางส่วน เช่น จ.สุพรรณบุรี ที่มีบางพื้นที่เกิดความเสียหาย จึงต้องมีการเข้าไปเยียวยาตามกฎหมายต่อไป ส่วนน้ำอุปโภคบริโภคในขณะนี้ ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ของกทม. การประปานครหลวง ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ และสามารถดูแลค่าความเค็มของน้ำได้ ซึ่งไม่มีปัญหาในการอุปโภคบริโภค แต่ยอมรับว่าการประปาส่วนภูมิภาคในพื้นที่มีปัญหา แต่เราก็มีมาตราการรองรับ และคิดว่าจะอยู่ได้ในช่วงวิกฤตคือเดือนเมษายน - กรกฎาคม สำหรับประปาท้องถิ่น หรือประปาหมู่บ้าน ก็มีการประเมินสถานการณ์ โดยบางพื้นที่มีปัญหาเราก็พยายามหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม และขุดบ่อบาดาลบ้าง ซึ่งกำลังทำแผนสรุปอยู่ว่าในช่วงต่อไปมีพื้นที่ใดบ้าง ที่จะต้องส่งน้ำไปช่วยเหลือ 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ