ข่าว

อนค. เฮลั่นหลุด อิลลูมินาติ 2 บิ๊กพรรคลั่นขอสู้ต่อ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อนาคตใหม่ รอด ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ยุบพรรค ชี้ไม่ล้มล้างการปกครอง ธนาธร - ปิยบุตร ขอบคุณทุกกำลังใจ

 

              เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 21 มกราคม 2563 ที่ ศาลรัฐธรรมนูญ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีที่ นายณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , นายปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ เป็นการใช้สิทธิ์หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่

 

 

 

อนค. รอด ศาลรัฐธรรมนูญไม่ยุบพรรค

              ทั้งนี้ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 4 ไม่ได้เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการล้มล้างการปกครอง เนื่องจากในการขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรค จะต้องยื่นข้อบังคับพรรค ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบ ก่อนรับจัดตั้งพรรคและประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้นเมื่อ กกต. รับรองจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองและมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงถือได้ว่าข้อบังคับพรรคดังกล่าวไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง จึงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 ใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง ดังนั้นคำร้องดังกล่าวจึงเป็นเพียงข้อห่วงใยของผู้ร้องในฐานะ อย่างไรก็ตาม การใช้ข้อความในข้อบังคับของพรรคการเมืองควรมีความชัดเจนไม่คลุมเครือ ซึ่ง กกต. มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาเพิกถอนข้อบังคับนั้นได้ จึงสมควรที่ผู้เกี่ยวข้องจะได้แก้ไขให้ถูกต้องต่อไป

 

 

 

              ส่วนประเด็นเรื่องแนวคิดหรือการแสดงความเห็นของผู้ถูกร้องนั้น เห็นว่าการพิจารณาว่าบุคคลใดจะใช้สิทธิล้มล้างการปกครองจะต้องปรากฏข้อเท็จจริงทำให้เห็นได้ว่าการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลจากเหตุ แต่ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 4 กระทำการล้มล้างการปกครอง ขณะเดียวกันในส่วนการกระทำจะเป็นความผิดตามกฎหมายอื่นใดหรือไม่ ต้องว่ากันตามกระบวนการและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสี่ตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างไม่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

 

 

 

กองเชียร์เฮลั่นชู 3 นิ้วรอดคดียุบพรรค

              เมื่อเวลา 12.15 น. ที่ชั้น 5 อาคารไทยซัมมิท ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยว่าไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยมวลชนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ที่เข้ามารอลุ้นคำวินิจฉัยในที่ทำการพรรค ต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ พร้อมชู 3 นิ้ว และตะโกนว่า “พรรคอนาคตใหม่สู้ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”

 

ธนาธร - ปิยบุตร ขอบคุณทุกำลังใจ

              ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่ยุบพรรคว่า เราเห็นว่ากรณีนี้ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่แรก ยืนยันว่าพรรคไม่ได้มีความคิดล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิ่งที่พวกเราคิดและทำนั้น คือการรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้มั่นคงและยั่งยืน เพราะระบอบประชาธิปไตยไม่มีที่ยืนให้การรัฐประหาร การรัฐประหารต่างหากที่เป็นการล้มล้างการปกครอง ดังนั้น จึงไม่ใช่ประชาชนและพรรคการเมืองที่คิดล้มล้างการปกครอง แต่เป็นกองทัพที่ก่อการรัฐประหารต่างหากที่ล้มล้างการปกครอง

 

 

 

ยันไม่ฟ้องกลับใครขอให้จบ

              ส่วนทางพรรคอนาคตใหม่จะมีดำเนินการแก้ไขข้อบังคับพรรคหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ในประเด็นนี้ทางพรรคยังไม่ได้มีการหารือกัน เพราะจากที่ได้รับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า เป็นหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมือง คือเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะต้องดำเนินการแจ้งมายังพรรคอนาคตใหม่ หากเห็นว่าข้อบังคับพรรคมีความคลุมเครือหรือไม่ชัดเจน ดังนั้น ทางพรรคจะรอการพิจารณาของนายทะเบียนพรรคการเมืองก่อน

              ด้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ขอขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ให้ก้าวมาถึงจุดนี้ พรรคจะเดินหน้าทำงานต่อไป ดังนั้น ขอสัญญากับประชาชนว่า ขาหนึ่งการทำงานในสภา ตนและ ส.ส. ของพรรคจะมุ่งมั่นทำงานในสภาอย่างมีคุณภาพ ตรวจสอบรัฐบาลอย่างแข็งขัน ในระยะกลาง 2 - 3 เดือน จะรณรงค์ในร่างกฎหมายหลายฉบับที่เราเสนอต่อสภาไป เช่น การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เป็นต้น เราจะจริงจังและมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประชาชน

 

 

 

เฉลิมด่าพวกปล่อยข่าว “จัญอัป”

              ที่ พรรคเพื่อไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการกิจการพิเศษ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา มีข่าวสับสน ซึ่งคนปล่อยข่าวเป็นพวก “จัญอัป” เอาข่าวมาปล่อยว่า ไปกินข้าว ไปพูดคุย ตกลงรับเงินจากบางคนเพื่อไม่ให้อภิปรายรัฐมนตรีบางรายชื่อ ซึ่งขอสาปแช่งคนที่เอาข่าวไปพูด และคนออกข่าวให้พบกับความวิบัติ และถ้าตนทำเช่นนั้นก็ขอให้เกิดความวิบัติเช่นกัน

              “คณะกรรมการชุดที่ผมเป็นประธานนี้ ตั้งขึ้นมาเพื่อดูตัวบุคคลที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็จะเสนอไปยังหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าพรรคก็จะเอาไปพูดคุยกับ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงจะได้ข้อยุติ ผมไม่ได้บอกให้เสนอหรือไม่เสนอใคร ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่มีซูเอี๋ย ไม่มีดีล มีแต่การเอาข้อเท็จจริงมาบอกประชาชน และสื่อมวลชน มาบอกรัฐบาลชุดนี้ว่าไม่เหมาะที่จะบริหารประเทศชาติอีกต่อไปนี้ และจนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปรายใครบ้าง แต่ส่วนตัวขอวางไว้ 5 คน แล้วถ้าใครสนใจที่จะอภิปราย 5 คนที่ผมเสนอ ทางหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็จะให้มาฝึกฝน และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผม เพราะทั้ง 5 ชื่อที่คณะกรรมการกิจการพิเศษฯ เสนอ เรามีข้อมูลพร้อม”

 

 

 

              ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่จะอภิปราย แอบบอกให้ก็ได้ว่า เป็นเรื่องคดีช่วยบริษัทต่างชาติไม่ได้ ก็มาแก้กฎหมาย สุดท้ายเก็บภาษีไม่ได้ เป็นต้น แล้วรัฐบาลแบบนี้จะให้อยู่ได้อย่างไร จะตอบอย่างไร ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ทั้งนี้ไม่มีสิทธิเข้าไปประชุมกับผู้บริหารพรรคเพื่อไทย รวมถึงไม่มีสิทธิเข้าไปประชุมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน แล้วใครจะโง่มาดีลด้วย ต้องด่ารัฐบาลชุดนี้เขากลัวเงาตน เลยต้องขย่ม

 

พท. เผยซักฟอกเป้า 7 คนขึ้นไป

              ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า 7 พรรคฝ่ายค้านเรามีมติยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 29 มกราคม โดยระหว่างนี้ หัวหน้าแต่ละพรรคจะเป็นผู้สรุปรายชื่อผู้ที่จะถูกอภิปรายร่วมกัน ก่อนที่จะยื่นญัตติอภิปราย ซึ่งตัวเลขผู้ที่จะถูกอภิปรายเบื้องต้นคือ 7 บวกๆ เราจะคุยกันเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่ 29 มกราคม

 

 

 

              เมื่อถามถึงการเตรียมการเลือกตั้งซ่อม จ.กำแพงเพชร นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กำลังเตรียมอยู่ แต่อาจจะไม่ใช่คนเดิมลงสมัคร

 

“สุทิน” เผย 5 รมต. จะถูกซักฟอกเพิ่ม

              นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 7 พรรคยังเป็นเอกภาพ ไม่มีใครหวั่นไหวกับข่าวคราวที่ออกมา ไม่ว่าจะเรื่องฮั้ว หรือเรื่องซูเอี๋ยกัน ส่วนตัวบุคคลที่จะถูกอภิปรายวันนี้เพิ่มจาก 5 คน มาเป็น 7 คน แต่ยังไม่ได้สรุป ดังนั้น ไปถึงวันที่ 29 มกราคม อาจจะเพิ่มขึ้นมาอีก โดยรายชื่อที่เพิ่มขึ้นมาจาก 5 คนที่เคยวางไว้ ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งนี้ พรรคร่วมพรรคอื่นเสนอรายชื่อมาไม่ต่างกัน

 

 

 

“บิ๊กตู่” ถกครม. - แบล็กฮอว์กอารักขาเข้ม

              วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ ห้องประชุมอาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (นราธิวาส , ปัตตานี และยะลา) เวลา 10.30 น. นายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 1/2563 โดยก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ทักทายกับบรรดานักศึกษาวิชาทหารหญิงชั้นปีที่ 4 และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ร่วมถ่ายรูป และเยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ อย่างอารมณ์ดี อาทิ ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูด ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกระจูดโคกพะยอม พร้อมชื่นชมว่ามีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงรูปแบบให้ทันยุคทันสมัยมากขึ้น นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้ทดลองนวดคลายเส้นเพื่อแก้เมื่อย โดยกล่าวกระเซ้าว่า “ช่วงนี้รู้สึกเมื่อย”

 

 

 

ลั่นรับทุกเรื่องพิจารณายกระดับชีวิต ปชช.

              ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดนและการประชุม ครม. สัญจร ว่า การประชุมครั้งนี้มีการพิจารณาเรื่องการพัฒนา และเรื่องความมั่นคง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปโดยความเรียบร้อย และขอบคุณทั้งภาคเอกชน ภาคธุรกิจ หอการค้าจังหวัดนราธิวาส สภาอุตสาหกรรมและภาคการเกษตรต่างๆ ที่เข้าร่วมหารือการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดนเพื่อนำไปสู่แผนการขับเคลื่อนต่อไปในอนาคต

              พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนภาคใต้ ทั้งเรื่องด่านการค้าชายแดน การบริหารจัดการเส้นทางคมนาคม และศูนย์วัฒนธรรม ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ในวันนี้ ซึ่งบางอย่างจะต้องมีการศึกษาใหม่ บางอย่างนำเข้าสู่แผนการปฏิบัติเพื่อดำเนินการในปีงบประมาณ 2564 ทั้งหมดยืนยันว่ารัฐบาลและ ครม. ที่มาประชุมครั้งนี้ รับทุกเรื่องไปพิจารณานำสู่การขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติต่อไปในทุกประเด็น ที่เหมือนกับทุกครั้งที่ไปต่างจังหวัดก็จะรับเรื่องพิเศษๆ เหล่านั้น ซึ่งบางเรื่องต้องใช้งบกลาง ถ้าทำได้ก็จะเพิ่มเติมให้ และคาดว่าสิ่งเหล่านี้จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเป็นแนวทางที่จะลดความรุนแรงลงไปได้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย

 

 

 

ไฟเขียว 1.8 หมื่นล้านเขตเศรษฐกิจพิเศษ

              น.ส.รัชดา​ ธนาดิเรก​ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ แถลงผลการประชุม ครม. สัญจร​ จ.นราธิวาส​ ว่า​ ที่ประชุม ครม. เห็นชอบการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ คือเขตเศรษฐกิจพิเศษ​ ซึ่งตามที่รัฐบาลต้องการขยายผลเมืองต้นแบบ ตามนโยบาย สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน​ รัฐบาลเห็นชอบ อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นเมืองต้นแบบที่​ 4 เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เนื่องจากในพื้นที่​ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ยังไม่มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับแรงงานในพื้นที่ที่มีอยู่มาก และเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านกายภาพ เป็นพื้นที่ชายฝั่ง จึงมีความเหมาะสมที่จะดำเนินการท่าเรือน้ำลึก เพื่อให้นิคมอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นสามารถใช้ประโยชน์จากการนำเข้าและส่งออกสินค้าได้อย่างสะดวก​

 

 

 

              "ครม. จึงอนุมัติในหลักการของแผนเร่งด่วนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อ.จะนะ ซึ่งประกอบด้วย ด้านผังเมือง พื้นที่ใน 3 ตำบล ได้แก่ นาทับ ตลิ่งชัน และสะกอม ทั้งนี้ภาพรวมโครงการ มีเนื้อที่ 16,753 ไร่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 18,680 ล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานประมาณ 1​ แสนอัตรา มีกิจกรรม 6 ประเภท 1. พื้นที่เขตอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมเบา จำนวน 4,253 ไร่ 2. พื้นที่อุตสาหกรรมหนัก จำนวน 4,000 ไร่ 3. พื้นที่เขตอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า จำนวน 4,000 ไร่ จำนวน​ 4 โรง กำลังผลิตรวม 3,700 เมกะวัตต์ 4. พื้นที่เขตอุตสาหกรรมต่อเนื่องกับกิจกรรมหลังท่าเรือ จำนวน 2,000 ไร่ 5. พื้นที่เขตอุตสาหกรรมศูนย์รวมและกระจายสินค้า จำนวน 2,000 ไร่ และ 6. พื้นที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จและแหล่งที่พักอาศัย จำนวน 500 ไร่"

 

 

 

จบภารกิจร่วมงานวันกองทัพบกต่อ

              ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางจากสนามบินเบตง หลังจากประชุม ครม. สัญจรเสร็จสิ้น โดยเดินทางมาถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ในเวลา 16.40 น. โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ แต่กล่าวสั้นๆ กับสื่อมวลชนว่า ไปพักผ่อนๆ ก่อนที่จะเดินทางกลับทันที ส่วนภารกิจช่วงเย็น เวลา 18.30 น. นายกรัฐมนตรีและภริยาเข้าร่วมในงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันกองทัพบก ประจำปี 2563 ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก

 

นายกฯ ชี้ จนท. สอบปมรุกป่าตาม ก.ม.

              ด้านความคืบหน้ากรณีนายภัทรพล ซุ่นฮั้ว เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีนางกนกวรรณ ​วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช​ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 ครอบครอง​ บุกรุกแผ้วถางป่า​ เปลี่ยนสภาพป่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา หลังจากเข้ารังวัดพร้อมกรมที่ดิน พบการบุกรุกพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพิ่มอีก 12 ไร่ 1 งาน 92 ตารางวา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องการบุกรุกป่าต้องอยู่ในกระบวนการกฎหมายทั้งหมด โดยให้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ สอบสวน และดำเนินคดีไป ระหว่างนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน โดยใช้แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ มาตราส่วน 1:4000 เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีปัญหาของประชาชนทั่วไป เรื่องปัญหาบุกรุกป่าต้องแก้ปัญหาในภาพรวมทั้งหมด อันไหนเป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ส่วนเรื่องใดที่เกี่ยวข้องคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ก็แก้กันไป ทุกอย่างต้องทำให้เกิดความโปร่งใส เท่าเทียม

 

 

 

วราวุธรอแจงข้อกังขาออกโฉนด

              ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า กรณีที่ดินในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่ 1 คือ มีการเข้าไปบุกรุกนอกโฉนด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามกฎหมายด้วยการไปแจ้งความดำเนินคดีแล้ว และส่วนที่ 2 คือบริเวณที่มีข้อกังขาว่ามีการออกโฉนด หรือเอกสารสิทธิทับซ้อนกับพื้นที่อุทยาน ก็ต้องมีการไปตรวจสอบว่าโฉนดแปลงนั้นถือกำเนิดมาได้อย่างไร มาจากใบ สค.หรือไม่ หรือมีมาตั้งแต่ก่อนประกาศว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในปี 2505 แล้วตกทอดมาเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นโฉนดในปัจจุบัน หรือมีการทับซ้อนกันจริง ซึ่งกรมอุทยานฯ กำลังตรวจสอบ แต่ต้นกำเนิดของใบสิทธิการครอบครอง ก็ต้องมีการไปตรวจสอบไล่เลียงว่าเกิดมาอย่างไร หากพบว่าเอกสารแสดงสิทธิครอบครองที่ดินออกมาก่อนการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก็เป็นสิทธิที่เขาสามารถอยู่ได้ แต่ถ้ามีการประกาศเป็นเขตพื้นที่อุทยานไปแล้ว แต่มาครอบครองภายหลัง ก็ถือว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่อุทยาน ต้องรอให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งกรมที่ดิน กรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ พูดคุยให้ได้ข้อสรุปว่าเอกสารดังกล่าวออกมาเมื่อไร ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน แต่ก็เร่งดำเนินการ

 

 

 

“กนกวรรณ” ยันไม่ได้กระทำผิด

              ขณะที่นางกนกวรรณ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวทราบจากสื่อที่โทรมาสัมภาษณ์ ยืนยันว่าเคารพกฎหมายและไม่ได้ทำผิดอะไร เป็นเรื่องที่หน่วยงานต้องคุยกันเอง ระหว่างกรมที่ดินที่ออกเอกสารสิทธิ์ ตนในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง จะขอทำอะไร ก็ต้องยื่นในสิ่งที่ถูกต้องกับทางราชการ ดังนั้นก็ว่าไปตามขั้นตอน

 

“ธรรมนัส” ยันไม่ขัดแย้ง “ปารีณา”

              ที่ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปรากฏแชทลับจากไลน์กลุ่ม ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ มีข้อความในลักษณะที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ แสดงอารมณ์ไม่พอใจว่า ได้เห็นข่าวตามที่สื่อนำเสนอ แต่ขอยืนยันว่าไม่เคยทะเลาะกับ น.ส.ปารีณา และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้เจอหรือพูดคุยกัน

 

 

 

              “เรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการไปตั้งแต่ได้มีการระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ที่ต้องยึดหลักตามกฎหมาย และหลักการสำคัญคือ จะไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงหรือกระทำใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมายได้ ส่วนตัวไม่ได้โกรธ น.ส.ปารีณา เพราะถือว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องมีหลัก ไม่ใช่มีประเด็นแล้วนำไปตอบโต้ ขณะที่คนในพรรคพลังประชารัฐมีความเข้าใจเรื่องนี้ โดยไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ ในพรรคเกิดขึ้น เรื่องนี้ไม่มีอะไร สไตล์ใครสไตล์มัน” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ