ข่าว

ฝ่ายค้านหัก'เฉลิม' เพิ่มซักฟอก 2 รมต.ศก.จับลุงป้อม ขึ้นเขียง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฝ่ายค้านหัก'เฉลิม' เพิ่มซักฟอก 2 รมต.ศก.จับลุงป้อม ขึ้นเขียง ด้าน 2 ป. ไม่หวั่นรอแจง

         ศึกซักฟอกของฝ่ายค้านเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกขณะ หลังจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ล็อกเป้า 5 รัฐมนตรี ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ โดยยืนยันว่าจะไม่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อยู่ในลิสต์รายชื่อของเพื่อไทย แต่ล่าสุดจากการประชุมวิปฝ่ายค้าน ได้ข้อสรุปว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ต้องมีชื่อ พล.อ.ประวิตรรวมอยู่ด้วย 

     ฝ่ายค้านเพิ่ม 2 รมต.เศรษฐกิจ

     เมื่อวันที่ 14 มกราคม นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า เตรียมความพร้อมสำหรับการอภิปรายเต็มที่ อาจจะมีคนที่ถูกอภิปรายเพิ่ม เช่น ในประเด็นเศรษฐกิจที่จะมีรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายเพิ่มอีก 2 คน ส่วนรายชื่อที่ 7 พรรคฝ่ายค้านส่งมาก็ตรงกันหลายคน ที่เพิ่มมาก็มี ซึ่งแต่ละพรรคก็ยังไม่ได้สรุป แต่ข้อมูลที่จะใช้ในการอภิปรายเราจะช่วยๆ กัน

        ขณะที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า เตรียมเสนอตัวเพื่อขออภิปรายในประเด็นความมั่นคง โดยพุ่งเป้าไปที่ 3 ป. พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นประเด็นภาพรวมการบริหารที่ล้มเหลว, พล.อ.ประวิตร ในเรื่องของการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และการจ้างบริษัทโฆษณารับงานของหน่วยงานความมั่นคง ซึ่งมีข้อมูลว่ามีการล็อกสเปกให้บางบริษัทที่ผู้บริหารมีความสนิทสนม และผู้บริหารมีนามสกุลเหมือนผู้ใหญ่ในรัฐบาล ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ จะเป็นประเด็นการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย โดยจะนำข้อมูลเหล่านี้เสนอต่อคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย เพื่อนำไปพิจารณายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

     ลั่น ต้องเช็กบิล ประวิตร ด้วย

    “ยืนยันว่ามีข้อมูลหลักฐานอย่างชัดเจน หากที่ประชุมจะไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร ก็ต้องมีเหตุผล ต้องตอบประชาชนให้ได้ว่าทำไมถึงไม่ซักฟอก เชื่อมั่นว่า ประชาชนอยากให้เราอภิปราย พล.อ.ประวิตร ในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ของ 3ป. และขอเตือนไปถึง 3ป.ด้วย ในอดีตเคยทำงานร่วมกับอดีต รมว.มหาดไทยคนหนึ่ง ได้เห็นถึงความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับกลุ่มทุนใหญ่ ในวันนั้นอยากได้อะไร ทุนทำให้ได้หมด แต่พอหมดอำนาจปั๊บ เขาตามเอาคืนทันที พวก 3ป.ก็เหมือนกัน ถ้าวันหนึ่งหมดผลประโยชน์ โดนเขาเฉดหัวแน่ และไม่ใช่แค่เฉดหัว เขายังตามรื้อ ตามฟ้องด้วย เพราะทุกวันนี้เขาวางมัดจำกับคุณไว้เยอะแล้ว วันไหนหมดอำนาจถูกเขาเอาคืนแน่” นายวิสาร กล่าว

         เมื่อถามว่ามีกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร ประสานงานกับคนในพรรคบางคน เพื่อไม่ให้มีชื่อติดโผอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายวิสาร กล่าวว่า ได้ยินมาเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ไม่น่าจะเป็นการประสานผ่าน ร.ต.อ.เฉลิม โดยบริบททางการเมือง พล.อ.ประวิตร เป็นพี่ใหญ่ เป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรคพลังประชารัฐ เป็นพี่ใหญ่ 3 ป. ซึ่งข้อมูลที่ตนมี ได้นำเสนอต่อคณะกรรมการกิจการพิเศษของพรรคไปแล้ว ความเห็นส่วนตัวยังเห็นว่า พล.อ.ประวิตร สมควรจะถูกอภิปราย เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องรู้ทุกเรื่องของรัฐบาล แต่ถ้าจะไม่มีชื่อก็ต้องมีเหตุผลออกมาให้ประชาชน

    ศรัณย์วุฒิ  มีข้อมูล บิ๊กป้อม เต็มกระเป๋า

      ขณะที่นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในส่วนของความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์ ยืนยันทั้ง 3 ป. ควรถูกอภิปรายครบทั้งหมด ข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับทั้ง 3 คน ที่ได้ทำการบ้านมา บรรจุอยู่เต็มกระเป๋าเดินทาง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับ พล.อ.ประวิตร ถ้าพูดไปในภาวะที่รัฐบาลกำลังเสื่อมทรุด จะยิ่งเป็นการซ้ำเติม เพราะเป็นเรื่องที่คนไทยรับไม่ได้ ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันชัดเจน ไม่มีข้อมูลพอที่จะยื่นอภิปราย พล.อ.ประวิตรนั้น เรื่องนี้ไม่ทราบ แต่ในส่วนของตน ได้ทำการบ้านของ 3 ป.อย่างดี ถ้าข้อมูลไม่หนัก ไม่จริง จะไม่อภิปรายเด็ดขาด ท่านต้องรู้นิสัยนักรบพันธุ์ดุคนนี้ ไม่กลัวใคร ไม่มีใครมาจูงจมูกได้

       “ผมรู้ว่า สู้กับใคร อย่างไร และรู้ว่าเขาเตรียมจัดทัพรับมือไว้ ถ้าได้อภิปราย พล.อ.ประวิตร ส่วนจะเป็นเรื่องอะไร ขออุบไว้ก่อน บอกได้แค่ว่า ไม่ใช่เรื่องนาฬิกาแน่นอน” นายศรัณย์วุฒิ กล่าว

        ‘เฉลิม’ลั่นอยากตบปาก‘เนติบริกร’

     ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม เรียกประชุมคณะกรรมการกิจการพิเศษ เพื่อกำหนดประเด็นเตรียมพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดย ร.ต.อ.เฉลิมแถลงว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายนั้นมี 5 คนแน่นอน แต่จะมีเพิ่มหรือไม่อยู่ที่หลักฐาน เพราะมั่นใจรัฐบาลชุดนี้ถูกอภิปรายเจ๊งแน่นอน แต่ข้อมูลของตนกับนายสุทินตรงกัน สื่ออย่าไปเขียนว่าเราขัดแย้งกัน เราทำงานเป็นทีม จากนี้จะแถลงข้อมูลเป็นระยะๆ เวลาอภิปรายสัก 3 วัน กำลังพอดี

        “อยากตบปากทนายหน้าหอ เนติบริกร ไอ้หน้าโง่ทั้งหลาย เอาอะไรมาบอกว่า อภิปรายได้แค่ช่วงที่เป็นรัฐบาล 5 เดือน เอาที่ไหนมาพูด เพราะรัฐมนตรีขณะนี้เป็นมาแล้ว 6-7 ปี ไม่มีใครเคยถูกอภิปรายมาก่อน คุณไม่ต้องมาท้าทายฝ่ายค้าน เพราะเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของพวกผม ไม่ต้องเอาม้าไม่มีราคามาท้าทายว่าฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลอะไรต่างๆ เพราะถึงมีข้อมูลก็ไม่บอก ไปรอฟังในสภา รัฐบาลไหนทำงานตรงไปตรงมาก็อยู่ได้ แต่ถ้าทำงานไม่ตรงไปตรงมาก็อยู่ไม่ได้” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

   ยันไม่มีใครขอปมไม่ใส่ชื่อบิ๊กป้อม

      ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ขอให้เลิกพูดกันเสียที ที่ไม่ใส่ชื่อ พล.อ.ประวิตร เพราะมีการมาขอ ไม่มี เล่นการเมืองแบบแตกหัก เล่นการเมืองมีเหตุมีผล เมื่อ ป.ป.ช.ดำเนินการแล้วก็ถือว่าจบ เราตัดสินใจแล้วว่าการอภิปรายครั้งนี้ไม่มี พล.อ.ประวิตร เพราะไม่มีมูลพอที่จะนำไปสู่การอภิปราย เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องสนุก

       “รับรองงานนี้ไม่มีผิดหวัง ระวังจะมีคนถูกหวยเพิ่ม วันนี้ก็หายใจรวยริน กินไม่ได้ นอนไม่หลับกันหลายคนแล้ว เอาเป็นว่า เพื่อไทยเอาจริงก็แล้วกัน พร้อมที่สุด ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านใดจะอภิปรายก็เป็นเรื่องที่เขาจะไปพูดคุยกัน” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

       ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า สำหรับข้อมูลที่จะอภิปรายเรื่องการซื้อขายที่ดินย่านบางบอนของบิดา พล.อ.ประยุทธ์ ที่บริษัทเครือข่ายนายทุนใหญ่มาซื้อนั้น แม้จะมีการซื้อขายกันตั้งแต่ปี 2556 สมัย พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. ซึ่งล่าสุดมีข้อมูลใหม่ว่า หลังการซื้อขายที่ดินในรัฐบาล คสช. มีการตัดถนนไป จ.สมุทรสาคร แต่ก็สงสัย ทำไมตัดถนนให้มันโค้งๆ เพื่อให้เฉียดๆ บริเวณที่ดินที่มีการซื้อขาย

     สุริยะ ลั่นไม่เป็นไรพร้อมอยู่แล้ว

     วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.15 น. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมครม. กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในประเด็นการแบนสารเคมีว่า “เดี๋ยวดูก่อนครับ ไม่เป็นไร ผมพร้อมอยู่แล้ว”

     สมศักดิ์  ป้องสุริยะไม่เกี่ยว

     นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านจะเพิ่มชื่อนายสุริยะ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องสารเคมี กังวลเรื่องเสียงสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย ที่เดินหน้าให้ยกเลิกสารเคมีหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่าเรื่องยกเลิกสารเคมีไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นเรื่องความเห็นของแต่ละหน่วยงานในคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีนายสุริยะเป็นประธาน ก็ต้องพิจารณาไปตามความเห็นของแต่ละหน่วยงาน โดยเฉพาะกรมวิชาการเกษตร ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว ถือเป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เองด้วยซ้ำไป

    งูเห่า คือคนอยากให้ประเทศเดินหน้า

     ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคพลังประชารัฐมีการเตรียมความพร้อมอย่างไรว่า เมื่อชัดเจนแล้วว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปรายอย่างไร พรรคจะต้องหารือกันในการเตรียมการเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งได้ติดตามข่าวสารอยู่ แต่ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้ชัดเจนก่อน ก็คงต้องตอบไปตามข้อเท็จจริง ตามประเด็นที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกขึ้นมา รัฐบาลพร้อมตอบตามข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมาในช่วงการทำงาน 6 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

         เมื่อถามว่าจะมีงูเห่าเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ผู้ที่เข้ามาสนับสนุนรัฐบาล ท่านเหล่านั้นคงอยากเห็นการเดินหน้าในภาวะที่รัฐบาลมีเสียงแตกต่างกับฝ่ายค้านไม่มากนัก และในบางครั้งที่เห็นออกมากันก็เป็นมุมมองของผู้สนับสนุนรัฐบาล ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของท่านเหล่านั้น ว่าอยากเห็นประเทศจะเดินต่อไปอย่างไร

        ‘บิ๊กตู่’ ไม่ห่วงฝ่ายค้านยื่นซักฟอก

         ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม. ถึงการเตรียมข้อมูลชี้แจงประเด็นต่างๆ ตามที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า เตรียมความพร้อมและข้อมูลต่างๆ มาโดยตลอด และเตรียมการที่จะอธิบายในข้อเท็จจริง เพราะไม่สามารถพูดอะไรที่ไม่เป็นข้อเท็จจริงได้ โดยทุกอย่างต้องอยู่ในกระบวนการของกฎหมาย เพราะรัฐบาลทำงานมาด้วยกฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ เพราะฉะนั้น การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ต้องรอฟังอีกทีว่าจะยื่นญัตติในประเด็นใดบ้าง

       "ทุกคนก็ทราบดีว่าทุกคนมีโอกาสที่จะพูดได้ทุกเรื่อง ซึ่งบางครั้ง บางกรณี บางวาระ ก็มีการพูดนอกกรอบ ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน เป็นเรื่องของสภา ซึ่งผมก็พร้อมจะชี้แจง ถึงอย่างไรก็ต้องมีการเตรียมการ แต่จะให้สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์คงบอกไม่ได้ เพราะไม่รู้ฝ่ายค้านจะเล่นงานอะไรผมบ้าง เขาไม่ได้บอกผม แต่ผมก็อาศัยเจตนาอันบริสุทธิ์ของผมในการทำงานชี้แจงในข้อเท็จจริง จะไปอธิบายอย่างอื่นคงไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

       สั่งฝ่ายมั่นคงทบทวน ‘วิ่งไล่-เดินเชียร์’

    นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเป็นห่วงต่อกิจกรรมวิ่งไล่ลุงและเดินเชียร์ลุง จะกลายเป็นชนวนเพิ่มความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่ว่า ไม่รู้ว่าคิดกันอย่างไร สื่อถามว่าจะกลายเป็นชนวนเพิ่มความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่นั้น ก็เห็นสื่อประโคมข่าวกันโครมๆ ทุกวันทั้งสองฝ่าย ได้ให้ฝ่ายความมั่นคงไปดูว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป ไม่อยากให้ประชาชนถูกแยกออกเป็นสองฝ่าย หรือหลายคนหลายพรรคไปแยกชนชั้นกลุ่มโน้นกลุ่มนี้มา หรือแยกตามเจเนอเรชั่น วัยเยาวชนคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าอะไรพวกนี้ มันไม่เกิดอะไรดีกับบ้านเมืองเลย ต้องหาทางร่วมมือกัน

       อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ฝ่ายความมั่นคงจะทบทวนเรื่องนี้อีกที ไม่ว่าจะเชียร์จะไล่อะไรก็แล้วแต่ อะไรที่ทำให้เกิดสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ใครอยากให้เกิดล่ะ เรื่องวิ่งไล่วิ่งเชียร์ก็ว่ากันไป ขอตอบแค่นี้

     บิ๊กป๊อก ขอให้คำนึงถึงส่วนรวม

      ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงถือเป็นสิทธิ ขณะนี้เราเป็นประชาธิปไตย หากไม่ผิดกฎหมายทำได้ก็ทำ แต่ในฐานะที่มีส่วนดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยเคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาแล้ว คิดว่าขอให้แสดงออกในขอบเขตและคำนึงถึงส่วนรวม ไม่อยากให้ประเทศชาติวุ่นวาย จะมีผลกระทบไปยังส่วนอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ความเป็นอยุู่ของประชาชน ซึ่งขณะนี้ไม่มีอะไรที่ผิดจนถึงขนาดต้องออกมาแสดงออกนอกสภา ยังไม่มีอะไรเลวร้าย ทุกอย่างยังเป็นไปตามกฎหมายอยู่

     “บิ๊กป้อม” สั่งเบรกทำสังคมแตกแยก

      เวลา 08.20 น. พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายธนวัฒน์ วงค์ไชย หรือ “บอล” นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แกนนำผู้จัดงานวิ่งไล่ลุง ออกมาระบุว่า จะจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ครั้งที่ 2 ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ไม่อยากให้วิ่งหรือเดินแล้ว เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม และเป็นปัญหาที่จะทำให้รัฐบาลเดินไปข้างหน้า ขอให้มาช่วยกันแก้ไขปัญหาจะดีกว่า ขอไม่ต้องไปวิ่ง หรือเดินอะไรแล้ว

       เมื่อถามว่าจะไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมดังกล่าวใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ แล้วแต่เรื่องกฎหมาย ส่วนที่ถามย้ำว่าดูเหมือนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไม่ปฏิเสธว่ากิจกรรมวิ่งไล่ลุงเป็นจุดเริ่มต้นของการชุมนุมนั้น ไม่มีการเริ่มต้น ให้ไปถามนายธนาธรเอง

    ลั่น เตรียมพร้อมไม่หวั่นซักฟอก

       นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 20 มกราคมนี้ ว่าเราเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ไม่มีอะไรน่าหนักใจ และเชื่อว่าจะชี้แจงในทุกเรื่องได้ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย หรือทำในสิ่งที่ไม่โปร่งใส

      โยน“ปชป.”กำราบ“เทพไท”โจมตีรัฐ

      พล.อ.ประวิตร กล่าวกรณี นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาโจมตีรัฐบาล จะต้องไปพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ว่า คงต้องให้พรรคประชาธิปัตย์ไปพูดคุยกับนายเทพไท เพราะหัวหน้าพรรคเขาก็ร่วมกับเราอย่างดี

     เมื่อถามว่า ในพรรคประชาธิปัตย์มีปัญหาอะไรกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกัน แต่ในส่วนรัฐบาลไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขา ก็ต้องไปถามนายเทพไท ส่วนที่ถามว่า จะเป็นปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์นำไปสู่การปรับ ครม.หรือไม่นั้น ไม่มี ก็เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะต้องไปตกลงกันเอาเอง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องปรับ ครม.

    “เทพไท” สวนเคยตัวสั่งซ้ายหันขวาหัน

       นายเทพไท แถลงถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ให้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ตักเตือนกรณีชอบพูดโจมตีรัฐบาลว่า เรื่องนี้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ต้องไปทำความเข้าใจกับ พล.อ.ประวิตรด้วยว่า กำลังทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎรอยู่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตีรัฐบาล พล.อ.ประวิตรต้องเคารพความเห็นต่างของสมาชิกด้วย ไม่ใช่ว่าผู้มีอำนาจต้องการอย่างไรแล้วต้องทำตาม จะมาสั่งซ้ายหันขวาหันแล้วต้องหันตาม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นบรรยากาศทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับที่ คสช.เป็นผู้กำหนดเอง ซึ่งที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็ให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นแก่ ส.ส.ทุกคน ยืนยันว่าการแสดงความเห็นของตนนั้นไม่ได้ทำผิดมติพรรค หรือทำผิดข้อตกลงในการเข้าร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด

   ลั่น ยกมือสวนหากฝ่ายค้านมีหมัดน็อก

      “ที่ผ่านมานอกจากเห็นต่างในกรณีญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากคำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44 ซึ่งถือเป็นญัตติพรรค ผมก็โหวตตามมติของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งสิ้น แม้แต่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่มีข้อตำหนิเยอะแยะ รวมไปถึงญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคฝ่ายค้านกำลังจะยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น หากรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ หักล้างสิ่งที่ฝ่ายค้านกล่าวหาได้ ผมก็พร้อมสนับสนุน เว้นเสียแต่คำชี้แจงของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ชัดเจน ฝ่ายค้านมีหลักฐานถึงขนาดมีใบเสร็จมาแสดง ผมก็ไม่สามารถโหวตให้ได้ เพราะถือเป็น 1 ใน 3 เงื่อนไขของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาลในการไม่ยอมรับให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น” นายเทพไทกล่าว

    ปชป.มีมาตรการจัดการ‘เทพไท’

      นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม. กรณีที่ พล.อ.ประวิตร ฝากให้พรรคประชาธิปัตย์ตักเตือนนายเทพไทว่า มีมาตรการอยู่แล้วให้รอดูแล้วกัน ทั้งนี้ ได้มีการหารือกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคแล้ว

      จ่อเคาะตั้งอนุกมธ.ฟังความคิดเห็น

          ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยเป็นการประชุมครั้งที่สองและได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการประชุมอย่างเป็นทางการด้วย สำหรับการประชุมมีวาระสำคัญคือ การกำหนดกรอบเวลาการทำงาน และการเปิดรับฟังความคิดเห็นของกรรมาธิการวิสามัญแต่ละคน โดยนายเทพไทกล่าวว่า ขอเสนอให้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการจำนวน 5 ชุดเพื่อไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วภูมิภาค เพราะไม่อยากให้พูดกันแค่ 49 คน เพราะทุกฝ่ายเรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นที่จะต้องจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศทุกภูมิภาค ซึ่งจะดีกว่าการให้พรรคการเมืองจัดเวทีเองและนำไปเคลื่อนไหวทางการเมืองในภูมิภาคที่จะมีข้อครหาและสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม

       นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า กระบวนการรับฟังความคิดเห็นเป็นเรื่องสำคัญ ในช่วงบรรยากาศแบบนี้ต่างทราบดีว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยากมาก และการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้เหมือนเป็นผ่อนหนักเป็นเบา เพราะถึงอย่างไรก็ติดขัดที่วุฒิสภาอยู่ดี เสียงในสภาของพวกเรามีพอที่จะยื่นร่างแก้ไขได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็จะตกไปภายในไม่กี่วัน จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้เพื่อให้มีข้อเสนอออกมา

      แก้ รธน.ทำประชามติ 2 ครั้ง

      นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กล่าวภายหลังการประชุมว่า ความเห็นส่วนตัวมองว่า การศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญควรวางเป้าหมายให้ชัดเจนว่าต้องการรัฐธรรมนูญที่มีความทันสมัย หรือทำรัฐธรรมนูญให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งการประชุม กมธ.​นัดหน้าในวันที่ 17 มกราคมนั้น จะเสนอแนวทางที่เห็นว่าเหมาะสม คือการทำรัฐธรรมนูญให้เป็นที่ยอมรับ ผ่านการทำประชามติจำนวน 2 รอบ คือรอบก่อนที่จะลงมือแก้ไขเนื้อหา และรอบหลังจากที่ทำเนื้อหาแล้วเสร็จ ซึ่งรอบก่อนแก้ไขเนื้อหาอาจมีประเด็นคำถามเพิ่มเติมด้วยถึงประเด็นที่จะแก้ไขอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม สำหรับการทำงานของ กมธ. หากต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมอาจต้องใช้เวลามากพอสมควร เบื้องต้น กมธ.ต้องการทำงานให้แล้วเสร็จภายใต้กรอบเวลา 120 วัน แต่หากมีความจำเป็นต้องขยายเวลาต้องขยายตามความเหมาะสมและดูเจตนา

       ‘สมชัย’เปิด18พรรคการเมืองกู้ยืมเงิน

        วันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาระบุว่า “พรรคการเมืองกู้เงินไม่ได้จริงหรือ (ตอนที่ 2)” ค้างไว้เมื่อวาน (13 ม.ค.) ว่า หากจะยึดพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองใหม่ แล้วบอกว่าพรรคการเมืองไม่สามารถกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้ในกิจกรรมทางการเมืองได้ตามตรรกะการลงมติของ กกต.ชุดปัจจุบัน พรรคไหนกู้ ถือว่าผิดกฎหมายต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ต้องตัดสิทธิการเมือง ต้องโทษอาญาจำคุก จะกู้ 1,000 บาท 1 ล้าน หรือ กู้ 100 ล้าน แปลว่า กู้เหมือนกัน เหมือนลอกข้อสอบจะข้อเดียวหรือสิบข้อ จับได้ก็ต้องปรับตกไม่มีข้อยกเว้น

     อย่างไรก็ตามถามว่า นอกจากพรรคอนาคตใหม่ยังมีพรรคการเมืองอื่นกู้ยืมเงินอีกหรือไม่ ทั้งนี้ จากเอกสารงบการเงิน ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ที่พรรคการเมืองทุกพรรคนำส่ง กกต. ภายในเดือนพฤษภาคม 2562 มีพรรคการเมืองถึง18 พรรค (รวมพรรคอนาคตใหม่) ที่ปรากฏรายการเงินกู้ในเอกสารงบการเงินดังกล่าว 1.พรรคพลังศรัทธา มีรายการเงินกู้ระยะสั้น 300,000 บาท 2.พรรคพลังชาติไทย เงินกู้ระยะสั้น 113,988 บาท 3.พรรคไทยธรรม เงินกู้จากหัวหน้าพรรค 1,000 บาท 4.พรรครวมพลังประชาชาติไทย เงินกู้จากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกัน 5,000,000 บาท 5.พรรครวมใจไทย เงินกู้ยืมระยะสั้น 45,697.86 บาท 6.พรรคอนาคตใหม่ เงินกู้จากหัวหน้าพรรค 161,200,000 บาท 7.พรรคเพื่อสหกรณ์ไทย เงินกู้ยืมระยะสั้น 226,000 บาท 8.พรรคพลังไทยรักชาติ เงินกู้ยืมหัวหน้าพรรค 85,000 บาท

   ยัน ถ้าผิดต้องชงเรื่องให้กกต.ฟัน

    9.พรรคเมืองไทยของเรา เงินกู้ยืมระยะสั้น 542,750 บาท 10.พรรคเพื่อชีวิตใหม่ เงินกู้ยืมระยะยาว 50,000 บาท 11.พรรคเงินเดือนประชาชน เงินกู้ยืมจากกรรมการ 822,183.70 บาท 12.พรรคไทรักธรรม เงินกู้ยืมกรรมการบริหารพรรค 4,376,000 บาท 13.พรรคพลังประชาธิปไตย เงินยืมจากหัวหน้าพรรค 5,584,290 บาท 14.พรรคครูไทยเพื่อประชาชน เงินกู้ยืม 542,125 บาท 15.พรรคพลังท้องถิ่นไท เงินกู้ยืมระยะสั้น 1,427,000 บาท 16.พรรคไทยรักษาชาติ เงินยืมจากหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค 1,738,868.92 บาท 17.พรรคประชาธิปไตยใหม่ เงินกู้ยืมระยะสั้น 4,216,600 บาท 18.พรรคชาติพัฒนา เงินกู้ยืม 2,000,000 บาท

     ทั้งหมดนี้ ถือเป็น “ความปรากฏ” ที่นายทะเบียนต้องรับรู้ และหากพบว่าเป็นความผิดต้องชงเรื่องต่อกกต. เพื่อมีมติดำเนินการ เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่มีพรรคการเมืองอย่างน้อย 4 พรรค กู้เงิน “ปรากฏ” ในเอกสารงบการเงินปี 2556 และเหตุการณ์ที่มีพรรคอีก 17 พรรค “ปรากฏ” ในเอกสารงบการเงินปี 2561 นั้น มีนายทะเบียนพรรคการเมืองคนละคน

    ศรีสุวรรณ จ่อยื่นเช็กบิลวันนี้

     ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กเนื้อหาระบุว่า วันที่ 15 มกราคม 2563 เวลา 10.00 น. ศรีสุวรรณจ่อยื่น กกต. ตรวจสอบ 16 พรรคการเมือง ณ ศูนย์ราชการอาคาร B

“ปิยบุตร”จี้ต้องเขียนกฎหมายให้ชัด

ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีของ นายสมชัยออกมาเปิดเผยว่ามีพรรคการเมืองกู้เงินแบบเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เคยให้ความเห็นต่อสาธารณะแล้วว่า พรรคการเมืองมีการกู้เงินกันหลายพรรค แต่เวลานั้นมีการโต้เถียงกันว่าเวลานั้นเป็นกฎหมายพรรคการเมืองเก่า อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยืนยันว่าปัจจุบันมีหลายพรรคการเมืองกู้เงินภายใต้กฎหมายพรรคการเมืองฉบับใหม่ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในงบการเงินที่ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ และที่สำคัญการกู้เงินของพรรคอนาคตใหม่มีสัญญากู้เงินและดอกเบี้ยและการชำระเงินบางส่วน

“การกู้เงินของพรรคการเมืองกระทำได้ โดยไม่มีกฎหมายห้าม แต่ผมไม่อยากแสดงความคิดเห็นว่าเมื่อพรรคอนาคตใหม่โดนแล้ว พรรคการเมืองอื่นต้องโดนไปด้วยหรือไม่ ผมไม่ขอก้าวล่วง อย่างไรก็ตาม ในเมื่อการดำเนินการกับพรรคอนาคตใหม่ไม่ถูกต้องก็ขอให้ยุติเรื่องนี้เสีย วันข้างหน้าถ้าไม่อยากให้พรรคการเมืองกู้เงินกันก็ต้องเขียนกฎหมายให้ชัดเจน” นายปิยบุตร กล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ