"ปณิธาน" มอง "ซูเปอร์โพล" ประเมินรัฐบาลสะดุด ตัดสินเร็วไป ตัวเลขอาจขึ้นลงในระยะสั้น ระบุ "วิ่งไล่ลุง" ไม่มีปัญหา หากรัฐบาลเข้าใจและเปิดพื้นที่แสดงออกทางการเมือง
4 ม.ค.2563-นายปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการทางรัฐศาสตร์ เปิดเผยมุมมองทางการเมืองในสถานการณ์ปัจจุบันกับทีมข่าวเนชั่นทีวี ว่า ขณะนี้เองกำลังเข้าสู่วงจรใหม่ของการต่อสู้ทางการเมือง วงจรเปลี่ยนผ่านการเลือกตั้ง
เข้าสู่วงจรทางการเเข่งขันที่เข้มข้น ผ่านรูปแบบใหม่อย่างไซเบอร์และวิธีการที่แยบยลมากยิ่งขึ้น ซึ่งประชาชน 3 เป้าหมายสำคัญ กลุ่มแรก คือกลุ่มอายุ 15-25 กว่า 10 ล้านคน ซึ่งมีพรรคการเมืองครอบงำไปเรื่อยๆ อย่างที่ทางเนชั่นทีวีเคยวิเคราะห์ข่าวเอาไว้ กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มวัยทำงาน อายุ 25 -55 ปี มีแนวคิดไม่แน่นอน สองจิตสองใจ โดยช่วงอายุยิ่งสูงขึ้นก็ยิ่งเอนเอียงไปทางรัฐบาล เนื่องจากเห็นความมั่นคงและความต่อเนื่องในหลายประเด็น ซึ่งถือได้ว่าช่วงวัยนี้เป็นกลุ่มที่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างเข้มข้น ส่วนกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไป จะสนับสนุนกลุ่มรัฐบาลมากขึ้น
เพราะถือได้ว่าเป็นความมั่นคง และกลุ่มคนทั้งสามช่วงวัยเอง จะมีการช่วงชิงกันทุกวันวันละหลายรอบหลายรูปแบบ แต่จะลงถนนหรือไม่นั้น ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง ซึ่งการเมืองที่เข้มข้นนี้จะส่งผลกับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมาถึงนี้ ต่อการกระจายเม็ดเงินลงไปในภาคต่างๆ รองรับเศรษฐกิจโลกในช่วงปีหลัง และอาจนำไปสู่การตรวจสอบและอภิปรายทางรัฐสภาที่เข้มข้นขึ้น และหากประคับประคองให้ผ่านช่วงครึ่งปีแรกไปได้ตนมองว่าวงจรใหม่ก็จะสามารถหมุนไปได้ และรัฐบาลเองก็จะสามารถเกาะเกี่ยวช่วงขาขึ้นไปได้อีกพัก
ส่วนที่ซูเปอร์โพลประเมินรัฐบาลเริ่มจะสะดุดแล้วนั้น นายปณิธานมองว่าเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะประเมิน เนื่องจากเพิ่งจะเข้าวันที่ 2 ของปี เนื่องจากตัวเลขอาจขึ้นและลงได้ในระยะสั้นๆ โดยที่สำคัญ ที่ผ่านมารัฐบาลก็ทำงานได้ดีในฐานะการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าในระบบรากหญ้าเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง
ด้านการปลุกระดมการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง นายปณิธาน เปิดเผยว่า ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ได้ดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย การชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ ตนมองว่าการวิ่งไล่ลุงเป็นกิจกรรมที่เป็นช่วงเปิดทางการเมือง ฝ่ายความมั่นคงเองก็ต้องเข้าใจว่าเป็นเรื่องการเปิดพื้นที่ ในวงจรใหม่ แต่ต้องทำตามกรอบ หากรัฐบาลเข้าใจคนกลุ่มนี้พร้อมเปิดพื้นที่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร และต้องไม่ใช่กฎหมายเข้าไปกดดันจนมากเกินไปเพราะจะทำให้คนนั้นรู้สึกร่วมมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง