ข่าว

ศาลออกหมายจับ ไวพจน์ ส.ส.พปชร. ฟังฎีกา15 ม.ค.63

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลพัทยา นัดอ่านฎีกาไวพจน์ คดีร่วมชุมนุมเสื้อแดงบุกคลิฟบีช 13 ม.ค.ปีหน้า ส่วนที่แก้คำให้การเป็นรับสารภาพ ศาลฎีกายกคำร้อง

 

              

 

                    3 ธ.ค.2562-ศาลพัทยา นัดอ่านฎีกาไวพจน์ คดีร่วมชุมนุมเสื้อแดงบุกคลิฟบีช 13 ม.ค.ปีหน้า ส่วนที่แก้คำให้การเป็นรับสารภาพ ศาลฎีกายกคำร้อง ขณะที่"นายสำเริง ประจำเรือ"-"นายวรชัย เหมะ" เข้าคุกรับโทษ 4 ปีตามฎีกาถึงที่สุด

 

               ที่ศาลจังหวัดพัทยา เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.3537/2552 คดีที่ "13 นปช." ร่วมกันชุมนุม บุกรุกไปยังโรงแรม รอยัลคลิฟ บีช พัทยา ก่อความวุ่นวายขัดขวางการประชุมอาเซียน ซัมมิท ปี 2552 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กับพวกรวม 18 คนเป็นจำเลย โดยระหว่างพิจารณามีจำเลย หลบหนี 3 คน ขณะที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง 2 คน นายธรชัย ศักดิ์มังกรจำเลยที่ 8 , พ.ต.อ.สมพล รัฐกาญจน์ จำเลยที่ 14 ชั้นฎีกายกฟ้อง 1 คน คือนายสมญศฆ์ พรมภาจำเลยที่ 4 


           

 

 

 

          โดยวันนี้เป็นการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในส่วน พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) จำเลยที่ 3 , นายสำเริง ประจำเรือ จำเลยที่ 6 และนายวรชัย เหมะ จำเลยที่ 13 ที่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การเดิมจากปฏิเสธ เป็นรับสารภาพ จากที่ก่อนหน้านี้ได้เลื่อนฟังคำพิพากษามาแล้วในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ส่วน "นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง" จำเลยที่ 1 ไม่ได้มาศาลตั้งแต่นัดอ่านคำพิพากษาครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ก.ย.62 ศาลจึงให้ออกหมายจับติดตามตัวมาฟังคำพิพากษาฎีกาคดีนี้ โดยปัจจุบันเชื่อว่าได้หลบหนีคดีไป เนื่องจากในนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรกที่มีจำเลยอื่นมาฟังนั้นผลคำพิพากษาฎีกา คือ พิพากษายืนจำคุกจำเลยคนละ 4 ปี ปรับคนละ 200 บาท

 

 

       อย่างไรก็ดีวันนี้ ในส่วนของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส. พปชร. จำเลยที่ 3 ไม่ได้มาศาล คงมีเพียงผู้รับมอบอำนาจและทนายความมาศาล โดยยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ด้วยเหตุผลว่า จำเลยที่ 3 เป็น ส.ส.อยู่ระหว่างการประชุมพรรค

         ขณะที่ "นายสำเริง ประจำเรือ" จำเลยที่ 6 และ "นายวรชัย เหมะ" จำเลยที่ 13 มาศาล

 

 

          อย่างไรก็ตามศาลพิจารณาคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาแล้ว เห็นว่า แม้จำเลยที่ 3 เป็น ส.ส. แต่คดีนี้เสร็จการพิจารณาเสร็จแล้วไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 125 ประกอบกับการขอเลื่อนคดีมีลักษณะเป็นการประวิงคดี จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จึงให้ปรับนายประกันจำเลยที่ 3 เต็มตามสัญญาประกัน และให้ออกหมายจับสำหรับ พ.ต.ท.ไวพจน์ ส.ส.พปชร. จำเลยที่ 3 เพื่อมาฟังคำพิพากษาฎีกาในวันที่ 15 ม.ค.63 เวลา 09.00 น.            

 

 

         ส่วน "นายสำเริง ประจำเรือ" จำเลยที่ 6 และ "นายวรชัย เหมะ" จำเลยที่ 13ที่วันนี้มาศาล ศาลจังหวัดพัทยาก็ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้ทราบว่า ศาลฎีกาพิจารณาประเด็นที่จำเลยที่ 3, ที่ 6 , ที่ 13 ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การเดิมจากปฏิเสธ เป็นรับสารภาพนั้น ศาลเห็นว่าการแก้ไขหรือเพิ่มเติมคำให้การ ต้องกระทำก่อนศาลพิพากษา การที่จำเลยทั้งสามมายื่นในชั้นฎีกาเป็นการต้องห้าม จึงให้ยกคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ( ป วิ.อ.) มาตรา 163 วรรคสอง จึงพิพากษาจำคุก "นายสำเริง" จำเลยที่ 6 และ"นายวรชัย" จำเลยที่ 13 คนละ 4 ปี และปรับคนละ 200 บาท

 

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเมื่ออ่านคำพิพากษาฎีกาที่ถึงที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงควบคุมตัว "นายสำเริง" จำเลยที่ 6 และ"นายวรชัย" จำเลยที่ 13 ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษพัทยา เพื่อรับโทษตามคำพิพากษา

 

          ทั้งนี้สำหรับคดีดังกล่าว ในวันนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรกวันที่ 11 ก.ย.62 ซึ่งจำเลย 13 คนที่มีฎีกาคดี  มีเพียงนายศักดา นพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 ที่มาฟังคำพิพากษา ซึ่งคำพิพากษาฎีกาก็ยืนโทษจำคุก 4 ปี และปรับคนละ 200 บาทเช่นกัน  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ