ข่าว

ชวลิตชี้เกษตรเคมีแปลงใหญ่ ล้วนจ้างคนจนพ่นยาฆ่าหญ้าตายผ่อนส่ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชวลิต ชี้ เกษตรเคมีแปลงใหญ่ ล้วนจ้างคนจนพ่นยาฆ่าหญ้าตายผ่อนส่งแทน กลุ่มทุนควรไถ่บาป

            นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นประเด็นการแบน 3 สารเคมีร้ายแรงการเกษตร ที่ยังเป็นประเด็นร้อนแรงที่ประชาชนติดตามจนถึงปัจจุบัน โดยขอให้ความเห็นใน 4 ประเด็น ดังนี้
           

         1. สภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน มีมติเป็นเอกฉันท์ถึง 2 ครั้ง  

              ครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2562 มีมติตั้ง กมธ. วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม
              ครั้งที่สอง วันที่ 21 พ.ย.62 เห็นชอบกับรายงานผลการศึกษา พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของ กมธ.ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่ง 1 ในข้อสังเกตสำคัญของ กมธ.คือ การแบน 3 สารเคมีร้ายแรงทางด้านการเกษตรดังกล่าว การไม่ใช้สารเคมีชนิดใดมาทดแทน การดูแลเยียวยาเกษตรกรในระยะเปลี่ยนผ่าน เพื่อเปลี่ยนผ่านจากเกษตรเคมี สู่เกษตรปลอดภัย และเป็นเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนในที่สุด
            จะเห็นได้ว่า มติเอกฉันท์ของสภาผู้แทนราษฎรทั้งสองครั้งดังกล่าว ล้วนแสดงเจตนารมณ์ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง นี่คือ เสียงสะท้อนจากตัวแทนประชาชนทั่วประเทศ ที่รัฐบาล คณะกรรมการวัตถุอันตราย กระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคเอกชน ควรรับฟังเสียงดังกล่าว แล้วนำไปปฏิบัติ แม้ในระยะเปลี่ยนผ่านจะมีปัญหา อุปสรรค ซึ่งก็เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในทุกประเทศ แต่หากคำนึงถึงเป้าหมายเพื่อสุขภาพอนามัยของประชาชนโดยภาพรวม ก็ต้องร่วมใจกันฟันฝ่าไปสู่เป้าหมายนั้น
             2. ในข้อเท็จจริง เกษตรเคมีแปลงใหญ่ เกือบร้อยละร้อย เจ้าของที่ดินแปลงใหญ่มิได้พ่นยาฆ่าหญ้าด้วยตนเอง ล้วนจ้างคนจนไปตายผ่อนส่งแทนเกือบทั้งสิ้น
             หากกลุ่มทุนดังกล่าว เปลี่ยนวิธีคิด จากจ้างคนจนพ่นยาฆ่าหญ้า หันมาส่งเสริม  SME ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรในการกำจัดวัชพืช ซึ่งมีนวัตกรรมใหม่ที่คนไทยผลิตได้ ก็จะเกิดการจ้างงานอีกหลายกลุ่ม ทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ก็จะปลอดภัยจากสารพิษร้ายแรง ไม่นับกับการใช้สารชีวภัณฑ์ ฯลฯ และทางเลือกอื่น ๆ ทดแทนการใช้สารเคมี
            3. สำหรับเกษตรกรรายย่อยและผู้รับจ้างพ่นยาฆ่าหญ้า ผมเคยถามว่า รู้ไหมว่าอันตราย เขาตอบว่ารู้
แต่ด้วยความจน จำเป็นต้องทำ เพื่อเลี้ยงลูก เมีย ครอบครัว เขาไม่กลัวตาย ขอให้มีกินก่อน
            แต่พอบอกว่า สารพิษดังกล่าว จะไปสู่ลูก หลาน โดยเฉพาะเด็กเกิดใหม่มีสถิติการเป็นออทิสติก สติปัญญาต่ำมากขึ้น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ เขาหยุดฟัง และพร้อมจะเลิก
          สรุปในประเด็นนี้ คือ คนจนไม่กลัวตาย ขอให้มีกิน แต่ถ้ารู้ว่า ผลกระทบถึงลูก หลาน หยุดได้ รักลูก หลาน
มากกว่าตนเอง
            ในประเด็นนี้ ผมขอฝากข้อคิดมายังเกษตรกรรายย่อยว่า ควรเปลี่ยนวิธีคิดในการทำการเกษตร หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของตนเอง ครอบครัว ประชาชนผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ สิ่งแวดล้อมที่ไม่อาจตีค่าเป็นตัวเงินได้ 
           ถ้า"ในน้ำบ่มีปลา ในนามีแต่พาราควอต" เราจะหากุ้ง หอย ปู ปลา มาเป็นอาหารในคร้วเรือนทุกวัน ๆเหมือนในอดีตได้อย่างไร
             4. สำหรับกลุ่มทุน จะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม ผลิตภัณฑ์ของท่านทำให้คนไทยตายผ่อนส่งมาช้านานแล้ว ท่านควรไถ่บาป อย่างน้อยหยุดม็อบ หยุดก่อความวุ่นวาย
             ท่านควรให้ความร่วมมือกับทางราชการ แล้วนำความร่ำรวยที่ได้ไปกลับมาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ในลักษณะกองทุนดูแลสิ่งแวดล้อม และกองทุนเยียวยาเกษตรกรที่เจ็บป่วยจากการใช้สารเคมี
            ขอเรียนในท้ายที่สุดว่า การทำงานของผม และของ กมธ.ไม่มีประโยชน์อื่นใดแอบแฝง ไม่ใช่แบนสารตัวนี้ แล้วเปิดช่องให้ใช้สารตัวอื่นทดแทน แต่เป้าหมายของผมและ กมธ. คือ การพัฒนาการเกษตรของไทยไปสู่เกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนเพื่อให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลกอย่างสมภาคภูมิ
             ผมมั่นใจว่า หมดรุ่นผม ก็จะมีคนรุ่นต่อ ๆ มา มารับช่วงต่ออย่างไม่ขาดสาย เพราะใคร ๆ ก็รักตนเอง
รักครอบครัว และรักประชาชน เพราะเราเป็นผู้แทนประชาชน
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ