ข่าว

อนค. ถาม เนชั่น เสนอข่าวให้โทษฝ่ายค้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ช่อ" ยกผลสำรวจจัดรายการสื่อเครือเนชั่น สร้างผลทางลบ อนาคตใหม่

 

 

        18 พ.ย. 2562 – ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ชั้น 5 อาคารไทยซัมมิท ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. ได้แถลงข่าว ตั้งคำถามกรณีสื่อเครือเนชั่นจัดรายการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพรรคฝ่ายค้าน สัมพันธ์กับที่สามีของนักการเมืองพรรคประชารัฐเป็นผู้บริหารสื่อ ซึ่งขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ห้ามไม่ให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งถือหุ้นสื่อ เพื่อไม่ต้องการให้นักการเมืองครอบครองสื่อเพื่อใช้ประโยชน์เป็นคุณแก่ตนเองหรือเป็นโทษกับศัตรูทางการเมือง แต่ปรากฏเป็นที่ทราบกันไปทั่ว น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารเครือเนชั่น แล้วให้นายฉาย บุนนาค สามี ดำรงตำแหน่งผู้บริหารเนชั่นแทน ทำให้เกิดคำถามว่า ขณะที่เรื่องการถือครองหุ้นสื่อของ ส.ส.หลายสิบคนในสภา กลายเป็นคดีความเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพียงเพราะว่าใบบริคณห์สนธิระบุว่า กิจการที่ถือหุ้นนั้นสามารถทำสื่อได้ด้วยแต่กิจการจริงเป็นกิจการก่อสร้าง เป็นกิจการโรงเรียน ฯลฯ บางกรณีนักการเมืองแสดงหลักฐานแล้วว่ามีการโอนหุ้นเกิดขึ้นก่อนเลือกตั้งแต่ก็ยังเป็นคดีความ

 

อนค. ถาม เนชั่น เสนอข่าวให้โทษฝ่ายค้าน

 

           ขณะที่กรณีนี้ ชัดเจนว่าสามีของ ส.ส.ท่านหนึ่งถือหุ้นสื่อเป็นเจ้าของสื่อ กฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากผู้ที่ถือหุ้นไม่ใช่นักการเมือง แต่สื่อเครือเนชั่นทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากระทำการที่เป็นคุณและเป็นโทษแก่พรรคการเมืองและนักการเมืองบางพรรคอย่างเป็นระบบ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อน มาจนถึงหลังเลือกตั้งและปัจจุบัน ซึ่งเครือข่ายสื่อเนชั่น ไม่ได้มีเพียงช่องทีวี โดยมีทั้งเครือเนชั่นกรุ๊ป และนิวส์เน็ตเวิร์คที่ควบรวมกิจการเข้าด้วยกันครอบคุลมสื่อหลายสำนัก เรียกได้ว่าเป็นสื่อที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย และเร็วๆ นี้ยังได้มีการตั้งสถาบันทิศทางไทยพยายามยกระดับและอ้างอิงให้เกิดความน่าเชื่อถือในวงเครือเนชั่น โดยมีกรรมการร่วมก่อตั้งสถาบันคือนายฉาย บุนนาค นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นายเวทิน ชาติกุล นายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย ซึ่งเป็นผู้บริหารของเนชั่น และทีนิวส์ หมายความว่านอกจากในฐานะสื่อแล้วยังแตกแขนงออกไปตั้งสถาบันที่มีความพยายามให้เป็นวิชาการ แล้วส่งถ่ายแลกเปลี่ยนข่าวกันไป-มา ทำให้เกิดเป็นคุณ-โทษกับนักการเมืองและพรรคการเมืองบางพรรค

 

          น.ส.พรรณิการ์ ยังได้ยกตัวอย่างการนำเสนอข่าว พร้อมยืนยันว่าการแถลงวันนี้ไม่มีอคติ โดยระบุว่า เนชั่นและเครือนำเสนอข่าวพรรคอนาคตใหม่ เฉลี่ยต่อวันจำนวน 9 ข่าว รวม 36 นาที โดย 36 นาทีในสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลช่องหลักช่องหนึ่งถือว่าเป็นเงินมหาศาล คิดเฉลี่ยเป็นข่าวช่วงกลางวัน และเย็นช่วงละ 12 นาที หมายความว่าทุกช่วงข่าวหลักของเนชั่นจะมีข่าวพรรคอนาคตใหม่อย่างน้อย 1 เบรกโฆษณาเต็มๆ

 

อนค. ถาม เนชั่น เสนอข่าวให้โทษฝ่ายค้าน

 

          ขณะที่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางทีมงานได้สำรวจตั้งแต่วันที่ 1-10 พ.ย. รายการคมชัดลึก วิเคราะห์ วิจารณ์ข่าวของช่องเนชั่น นำเสนอข่าวพรรคอนาคตใหม่ 44.44% ของเวลารายการทั้งหมดโดยเฉลี่ย ส่วนรูปแบบเชิญบุคคลมาสัมภาษณ์เพื่อชี้นำความเห็นเชิงลบที่ไม่ใช่กับพรรคอนาคตใหม่อย่างเดียว แต่ต่อพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมดด้วยเช่น ผู้กองปูเค็ม นายไพบูลย์ นิติตะวัน อุ๊ หฤทัย ล้วนเป็นบุคคลที่ทุกคนทราบว่ามีทัศคติแบบใดกับพรรคอนาคตใหม่กับฝ่ายค้าน และไม่เคยมีการเชิญบุคคลอื่นที่มีความคิดเห็นแตกต่างออกไปมาร่วมนำเสนอข้อมูลด้วยแบบที่สื่อที่มีจรรยาบรรณพึงกระทำ ขณะที่คมชัดลึกสุดสัปดาห์ ยังนำเสนอข่าวพรรคอนาคตใหม่ให้เวลาเพิ่มขึ้นอีกเป็น 48.4% โดยสัมภาษณ์นายสนธิญาณ ที่วิจารณ์พรรคต่อเนื่องตลอดเดือนทุกสัปดาห์ มีข้อยกเว้นเพียงแค่วันที่ 10 ต.ค.ที่แนะนำสถาบันทิศทางไทย

 

          นอกจากนี้รายการเนชั่นสุดสัปดาห์ ที่มีบรรณาธิการ 3 คน ร่วมกันวิเคราะห์ข่าว หนักที่สุดนำเสนอข้อมูลข่าวสารพรรคอนาคตใหม่ 54.28% ของเนื้อรายการ เกินครึ่งของรายการเป็นการวิพากษ์วิจารณ์พรรคเชิงลบ อีกรายการหนึ่งขยี้คดีโกง ที่มีนายสันติสุข มะโรงศรี เป็นผู้ดำเนินรายการ แฉคดีโกงต่างๆ โดยวนเวียนกับ คดีของนายทักษิณ ชินวัตร และพยายามเชื่อมโยงเข้ากับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค.และเชื่อมโยงพรรคอื่นๆ ซึ่ง 34% ของรายการเป็นเรื่องพรรคอนาคตใหม่ทั้งที่พรรคเราตั้งมาเพียง 1 ปี 6 เดือนก็แปลกใจว่าจะมีคดีคอรัปชั่นอะไรเพราะยังไม่ได้รับอำนาจรัฐ ยังไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี      

         

อนค. ถาม เนชั่น เสนอข่าวให้โทษฝ่ายค้าน

 

          โฆษกพรรค อนค. กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่แค่การให้พื้นที่นำเสนอข่าวพรรคอนาคตใหม่ด้านเดียว ยังให้คุณกับพรรคฝ่ายรัฐบาลและให้โทษกับพรรคฝ่ายค้าน รูปแบบการนำเสนอข่าวของเครือเนชั่นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ไม่ใช่เฉพาะเราเท่านั้นที่แสดงความกังวล อดีตผู้บริหารเนชั่นอย่างนายสุทธิชัย หยุ่นเอง ก็เคยแสดงความกังวลไว้ ซึ่งเราเห็นว่าเนชั่นหยิบยกข้อมูลที่เผยแพร่ในเพจข่าวต่างๆ ที่ไม่มีตัวตนอยู่จริงหรือจะปลอม เช่นเดรัจฉานแฉ ดร.เอ็กซ์ เปาบุ้นจุ้น ตบดิ้น เสเพล ฯลฯ หรือที่มีตัวตนอยู่จริงแต่เผยแพร่ข่าวปลอม ให้ขึ้นมาในสื่อกระแสหลักของตัวเอง ซึ่งนำมาเผยแพร่ต่อโดยทีนิวส์ เครือข่ายเนชั่น แล้วยังถูกยกไปพูดในช่องรายการทีวีเนชั่น ขณะที่ข่าวปลอมถูกหยิบยกไปแชร์ผ่านเพจปลอกเปลือก ซึ่งเป็นเพจที่สถาบันทิศทางไทยแชร์อยู่เสมอ ขณะที่สถาบันทิศทางไทย ก็จะถูกอ้างอิงโดยเนชั่น หมายความว่าสุดท้ายแล้วข่าวปลอมเหล่านี้ ข่าวที่เผยแพร่วาทะเกลียดชัง ใส่ร้ายป้ายสี เริ่มจากเพจที่ไม่มีตัวตนไปสู่ทีนิวส์ สู่เพจปลอกเปลือก สู่สถาบันทิศทางไทย และถูกเนชั่นหยิบไปเป็นข่าวทีวี        

 

           ตัวอย่างข่าวที่มีลักษณะบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีที่เครือเนชั่นเผยแพร่ เช่น ชำแหละแถลงการณ์ธนาธรโอนหุ้น 2นิติธรรมอำพราง , ธนาธรสารภาพคิดการใหญ่ , ธนาธรอันตรายสงครามปฏิวัติครั้งใหม่จุดไฟโดยตี๋ชินโดรม , วิจารณ์ยับกินข้าวในร้านอาหารหรู ข่าวเช่นนี้ถูกนำเสนอช่องทีวีดิจิตอลหลักได้อย่างไร นอกจากนี้ที่เคยมีการเผยแพร่คลิปเสียงปลอมของนายธนาธร ก็มีแถลงการณ์ 4 สมาคมสื่อ ออกมาแสดงความห่วงใยการกลั่นกรองก่อนนำเสนอ

 

อนค. ถาม เนชั่น เสนอข่าวให้โทษฝ่ายค้าน

 

          "วันนี้เราเรียกร้องไปยังเนชั่น สื่อมวลชน ประชาชน เราต้องมีคำตอบสำหรับบรรทัดฐานนี้ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจะได้รับการเคารพได้ว่านักการเมืองต้องไม่ถือหุ้นสื่อ ถ้าคู่สมรสของผู้ที่เป็น ส.ส.อยู่ในสภาสามารถถือหุ้นสื่อได้ และใช้สื่อในการเป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยชัดแจ้ง เป็นที่ประจักษ์ได้โดยไม่ต้องรับผิดใดๆทั้งสิ้น"

 

          โฆษกพรรค อนค. ยังกล่าวถึงปัญหาเพจข่าวปลอมต่างๆ พร้อมนำเอกสารที่พิมพ์เพจข่าวปลอมมาแสดง ด้วยว่า  เพจข่าวปลอมก็ถือเป็นปัญหาใหญ่และสร้างความแตกแยกเกลียดชังในสังคม ทำให้สังคมไม่อาจเดินหน้าด้วยการเคารพความเห็นซึ่งแตกต่าง เราเชื่อว่าการฟ้องเพจข่าวปลอมต่างๆ ตาม พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องเพราะไม่เชื่อว่ากฎหมายนั้นเคารพสิทธิเสรีภาพความคิดเห็นของบุคคล ขณะที่รัฐบาลได้ต้้งศูนย์ต่อต้านข่าว fake news ด้วยงบจากภาษีของประชาชนแล้วภายใต้การดูแลกระทรวงดีอี แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นว่าศูนย์ฯ นี้ ได้ต่อต้าน fake news จริงๆ หรือต่อต้านทำลายข่าวเฉพาะที่เป็นโทษกับรัฐบาล

 

         ดังนั้นหลังจากวันนี้ พรรคอนาคตใหม่ จะนำข้อมูลจากเพจข่าวปลอมทั้งหมดที่รวบรวมได้ หลาย 100 หน้า ไปมอบให้ศูนย์ต่อต้าน fake news โดยจะมอบให้ถึงมือนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง และจะรอดูว่าศูนย์ฯ นี้ จะทำอะไรกับข่าวปลอมที่โจมตีพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ หรือจะทำเพียงต่อต้านข่าวที่เป็นโทษกับรัฐบาลเท่านั้น

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ