ข่าว

อยู่ เย็น เป็น สุข  อย่าสร้างความพินาศ ปท.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สถาบันทิศทางประเทศไทยล้อมวงเสวนา อยู่ เย็น เป็น สุข ประกาศปักธงปฏิวัติความคิด อย่าชักชวนปลุกระดมผู้คนลงถนน หยุดสร้างวาทกรรมปลุกปั่น อย่าสร้างความพินาศให้ปท.

            สถาบันทิศทางประเทศไทย ล้อมวงเสวนา "อยู่ เย็น เป็น สุข" ระกาศปักธงปฏิวัติความคิด อย่าชักชวนปลุกระดมผู้คนลงถนน "นักการเมือง-เอ็นจีโอ-คนรุ่นใหม่" ชวนหันหน้าคุยหาจุดลงตัวบนความต่างระหว่างคนรุ่นใหม่-รุ่นพ่อแม่ สร้างระบอบประชาธิปไตยตามขนบไทย หยุดสร้างวาทกรรมปลุกปั่น ผู้นำที่ดีรักประเทศประชาชนต้องไม่ดึงคนลงสู่ถนน

 

      สถาบันทิศทางไทย นนทบุรี -16 พ.ย.62 เวลา 13.30-16.00 น. สถาบันทิศทางประเทศไทย จัดเวทีล้อมวงเสวนานหัวข้อ ประเทศไทยอยู่อย่างไรให้ "อยู่ เย็น เป็น สุข" ดย ดร.เวทิน ชาติกุล ผู้ดำเนินรายการกล่าวเปิดการเสวนาว่า สถาบันทิศทางไทยปักธงรบ ปักธงปฏิวัติทางด้านความคิด โดยไม่ต้องการให้มีการชักชวนปลุกระดมนำพาผู้คนสู่ท้องถนน อันจะนำไปสู่การปะทะนองเลือด สังคมไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นรากฐานที่มีความสำคัญมากต่อการดำรงอยู่ของประเทศ และเป็นรากเหง้าทางวัฒนธรรม

อยู่ เย็น เป็น สุข  อย่าสร้างความพินาศ ปท.

      "มาดามเดียร์ " ชอบ "อยู่ เย็น เป็น สุข" มากกว่า" อยู่ไม่เป็น"

     น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี "มาดามเดียร์" ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า นชื่นชอบคำว่า "อยู่ เย็น เป็น สุข"มากกว่า คำว่า "อยู่ไม่เป็น" คนไทย 67 ล้านคน และคนบนโลกอีกกว่า 200 ประเทศจะอยู่ร่วมกันอย่างไรให้อยู่เย็นเป็นสุข โลกปัจจุบันเป็นโลกของเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ต การรับข่าวสารของคนแตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ โดยการเข้ามาของข้อมูลจำนวนมหาศาลในอินเตอร์เน็ต ทำให้เกิดพฤติกรรมเสพข้อมูลที่ตัวเองชอบ และอยู่กับสังคมที่คิดว่าอยู่แล้วสบายใจ เลือกจะอยู่ในบริบทที่ชอบแล้วคิดว่าถูกต้องเป็นจริง แต่ในความเป็นจริงข้อมูลมีมากมายทั้งข้อมูลจริงและข้อมูลเท็จ สิ่งที่ต้องตั้งคำถาม คือด้วยความแตกต่างของวัยและทัศนคติ เราจะหาจุดลงตัวบนความแตกต่างอย่างไร ให้อยู่ร่วมกันอย่างอยู่เย็นเป็นสุข เราจะร่วมกันพัฒนาชาติอย่างไร โดยไม่ผลักใสคนอื่น

    "แนะหาจุดลงตัวไม่สร้างความพินาศให้ประเทศเหมือนฮ่องกง"

อยู่ เย็น เป็น สุข  อย่าสร้างความพินาศ ปท.

                                                           วทันยา วงษ์โอภาสี 

     น.ส.วทันยา กล่าวอีกว่า ขอยกตัวอย่างกรณีคนรุ่นใหม่ต่อต้านการใช้ถุงพลาสติก อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รัฐบาลก็ประกาศเลิกใช้ถุงพลาสติกในเดือน ม.ค.2563 แต่ในโลกออนไลน์ยังมีการด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย เหมือนเราเรียกร้อง 1 อย่าง ต่อต้าน 1 อย่าง แต่ยังเลือกที่จะมองข้าม มีข้อยกเว้นให้ตัวเองหรือคนรอบข้าง เราเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ยังตราหน้าสาดโคลนคนที่มีความเห็นต่าง ทั้งที่ประชาธิปไตยต้องเคารพความเห็นที่แตกต่าง เราจำเป็นต้องถกเพื่อหาจุดลงตัวไม่ใช่ก่นด่าคนที่มีความเห็นต่าง แบ่งแยกสังคม "อยู่เป็น-อยู่ไม่เป็น" เพราะถ้ายังคิดอย่างนี้ประเทศเดินต่อไปไม่ได้ ในอนาคตยังมีวิกฤตที่ต้องเผชิญอีกมาก ทั้งวิกฤตสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การต่อสู้ของชาติมหาอำนาจ 2 ขั้ว โลกต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าจะมาถกกันว่า อยู่เป็นหรืออยู่ไม่เป็น

      "บางครั้งเราตีตราคนอื่นไปแล้ว ความคิดบิดเบี้ยวสร้างอคติไม่รู้ตัว ะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองและประเทศ เราคงเห็นสภาพเกาะฮ่องกงต่อสู้บนอุดมการณ์ที่เห็นว่า เราถูกอย่างเดียวคนอื่นผิด เป็นการต่อสู้ของคนรุ่นลูกกับคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ ไม่ยอมลดละให้กัน สุดท้ายก่อความพินาศยับเยินให้กับประเทศของตัวเอง จึงอยากตั้งคำถามว่า ขณะที่เรากำลังเผชิญปัญหามากมาย และยังถูกกะหน่ำซ้ำด้วยความแตกแยกทางความคิด ควรจะกลับมาถามว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศและคนไทย โดยไม่ตีตราว่าฉันถูกหรือเธอผิด"น.ส.วทันยา  กล่าว

       น.ส.วทันยา กล่าวด้วยว่า ตนเคยถูกตั้งคำถาม่าเป็นคนรุ่นใหม่ เหตุใดจึงเลือกอยู่รรคพลังประชารัฐึ่งสะท้อนถึงความแบ่งแยกว่า พรรคหนึ่งพรรคเป็นของคนรุ่นใหม่ อีกพรรคเป็นของคนมากประสบการณ์ ส่วนตัวมองพรรคพลังประชารัฐ ป็นพรรคที่มีคนหลายรุ่น ีทั้งส.ส.สอบผ่านและสอบตก วมถึงคนที่ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส. ก่อนการตัดสินใจเข้าสู่การเมือง นเป็นผู้บริหารสื่อ สมัยที่ยังเรียนหนังสือเคยผ่านความขัดแย้งทางการเมืองยุคพฤษภาทมิฬ มีความเสียหายมากมายในประเทศ ละได้เห็นพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพียงประโยคเดียวทำคนไทยทั้งชาติพร้อมหันมาจับมือกัน ครั้งที่ 2 มีความรุนแรงเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ตนเริ่มเข้ามาบริหารสถานีข่าว ได้ยินเสียงปืนและเห็นภาพ่องรอยกระสุนปืนจากการรายงานของนักข่าว จึงตัดสินใจทิ้งบทบาทสื่อมวลชนเข้าสู่การเมือง พื่อนำพาประเทศห้ก้าวไปสู่การพัฒนา ไม่ทำให้ประเทศกลับไปสู่วังวนความขัดแย้งอีก โดยรรคพลังประชารัฐสามารถสลายขั้วต่างๆ

"ถ้าคุณรักประเทศมากกว่าตัวเองต้องไม่นำคนลงถนน"

   น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า ถ้าคุณรักประเทศ คิดถึงส่วนรวมก่อนคิดถึงตัวเองคุณจะไม่นำพาประเทศกลับไปสู่ความยัดแย้ง การนำคนลงมาสู่ถนนคนที่เดือดร้อนคือคนที่ถูกหลอกลงไปบนถนน ต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เมื่อมีความขัดแย้งธุรกิจสื่อเรตติ้งดี แต่โฆษณาไม่มีเพราะภาคธุรกิจขายสินค้าไม่ได้ ความขัดแย้งจึงสร้างความเสียหายให้กับทุกมิติ เมื่อตนได้เข้ามาเป็นส.ส.ได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน พบว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้ถกเรื่องระบอบการปกครอง พวกเขาต้องการมีข้าวปลาอาหารเพื่อดำรงชีวิต เขาอยากได้ผู้นำที่ดีไม่โกงกินงบประมาณ มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คิดถึงส่วนรวมมากกว่าเรื่องของตัวเอง ความเข้มแข็งจากชุมชน คือแนวทางที่ประเทศไทยจะอยู่รอดปลอดภัย

     "เรามีความคิดเป็นขบฎได้เพื่อปลุกความหวัง แต่ต้องไม่ใช่ป็นขบฎสร้างความยุยงปลุกปั่น เพราะประเทศและประชาชนจะได้ร้บความเสียหายที่สุด คนที่ฉลาดที่สุดรู้ว่าทุกเรื่องไม่ต้องหักด้ามพร้าด้วยเข่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 สอนชาวเขาปลูกกาแฟ เอาความรู้ ความอุตสาหะ ความเข้าใจ เป็นน้ำซึมบ่อทรายให้ประชาชนเรียนรู้และเข้าใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่ดึงดันนำพาประเทศไปสู่ความเดือดร้อน ราฝันได้ต้องมีความเพียรและต้องอยู่กับความเป็นจริง อยู่กับปัจจุบัน มิเช่นนั้น็ไม่ต่างจากเด็กเอาแต่ใจ ในทุกๆห้วงบริบทมีความสุขและความดีงามอยู่ในตัวเอง โดยที่ในทุกบริบทไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน"มาดามเดียร์ กล่าว

"ศรีสุวรรณ" จวกอยู่ไม่เป็นแค่ภาวะหัวห้อยหาทางอยู่รอด

     ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ กล่าวว่า จากการจับตาปรากฎการณ์ "อยู่ไม่เป็น" พบว่าเป็นภาวะของคนหน้ามืดตามัว เหมือนไก่ชนถูกตีจนหน้าบวมปูด หัวห้อย หาหนทางอยู่รอด นักการเมืองแบบนี้เชื่อถือไม่ได้ 

อยู่ เย็น เป็น สุข  อย่าสร้างความพินาศ ปท.

                                                        ศรีสุวรรณ จรรยา

      "ึงฝากคำว่า "อยู่" ไปถึงนักการเมืองที่ชุมนุมันในย่านจตุจักร ถ้า "อยู่" อย่างเคารพกฎหมาย วิกฤตของพวกท่านจะไม่เกิด สิ่งที่ตนไปยื่นร้องให้องค์กรต่างๆตรวจสอบเกิดจากความไม่เคารพกฎหมาย เมื่อกำลังจะถูกกฎหมายเล่นงานก็ไปสร้างคำศัพท์ โทษผู้มีอำนาจโดยไม่เคยโทษตัวเอง ไม่เคยยอมรับความผิด ดิ้นไม่หลุดแล้วปัดว่าเป็นการวางแผนของกลุ่มผู้สืบทอดอำนาจ"

     "หยุดสร้างกระแสชังชาติ มองตัวเป็นเทวดาเก่งกว่าคนไทย"

      นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ส่วนคำว่า "เย็น" คือเดินไปบนวิถีการเมืองปกติไม่บิดเบือน สร้างกระแสชังชาติ นักการเมืองบางคนการพูดในลักษณะดูถูกคนไทย คิดว่าเป็นเทวดามาจากไหน จบอังดัวร์มาแล้วคิดว่าเก่งกว่าคนอื่น ชาวบ้านเขาอยู่กันอย่างปกติสุข ไม่ได้หมายความว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่ใช่ว่าพอเป็นนักการเมืองแล้วจะมาดูถูกวิธีคิดของคนไทย นักการเมืองพวกนี้เป็นไดโนเสาร์แน่นอน

       "ระบบการเมืองมีความหลากหลาย ตำราที่เอามาสอนก็เอามาจากต่างประเทศ ในอดีตหนังสือสังคมศึกษาเคยแบ่งโลก เป็น 3 กลุ่มประเทศ แต่ยุคสมัยนี้ไม่ใช่แล้ว เราจับมือกับจีนทั้งที่เป็นคอมมิวนิสต์ จีนมีประชากร 1,400 ล้านคน ใครไม่คบกับจีนก็โง่เง่าสิ้นดีเพราะเป็นตลาดใหญ่ สำหรับคำว่า"เป็น" นั้น ตนมองว่าเป็นหน้าที่ของคนไทยที่ต้องตรวจสอบนักการเมือง เราต้องช่วยกันทำหน้าที่ตรวจสอบอำนาจรัฐ ส่วนคำว่า "สุข" ก็ขอบอกไปยังนักการเมืองที่กำลังจะไปจตุจักรให้ทำใจร่มๆ อยู่ให้เป็นสุข อย่าปลุกเยาวชน ปลูกฝังในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง"

       "ผมเคยสงสัยคนฮ่องกงที่ต่อต้านจีนแต่กลับเรียกร้องให้แยงกี้ตาน้ำข้าวมาช่วย แต่ตอนนี้ไม่แปลกใจ เพราะคนที่กำลังจะขึ้นพูดที่จตุจักร ไปยืนถ่ายรูปที่ฮ่องกง ตนไม่เคยเห็นพรรคเพื่อไทยร้องแรกแหกกระเชอ แต่เดินไปตามระบบรัฐสภา ขณะที่บางพรรคคิดไอเดียจัดอีเวนท์ "อยู่ไม่เป็น" เพราะกำลังจะโดนวันที่ 20 พ.ย. ส่วนประเด็นให้พรรคกู้เงิน "อังดัวร์" พยายามอธิบายว่าทำได้ นั่นมันกฎหมายฝรั่งเศสไม่ใช่กฎหมายไทย กฎหมายเขียนไว้อย่างไรต้องทำอย่างนั้น แต่ยังพยายามตะแบงว่าเงินกู้ไม่ใช่รายได้ ก็ขอให้ไปตะแบงต่อในศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่าไปบอกศาลว่าจำไม่ได้"นายศรีสุวรรณกล่าว

     "เย้ยพวกอยู่ไม่เป็นถึงเวลาทิชชูซับน้ำตาไม่ไหว"

      นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อ 100% ว่าคนที่กำลังออกมาเย้วๆ เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นคนอยู่ไม่สุข ถ้าขาได้เป็นรัฐบาลก็คงไม่เป็นเช่นนี้ นไม่ได้มองว่ารฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ดี แต่เราควรใช้ไปสักระยะแล้ว่อยแก้ไข นี่ช้ไปยังไม่ทันไร็รณรงค์ห้ โดยเฉพาะ มาตรา 1 ที่เป็นองคาพยพของประเทศจะแก้ไขปลี่ยนแปลงไม่ได้ นมองว่าวิธีคนของคนกลุ่มนี้แปลกๆ แม้แต่คนที่ไม่มีอคติก็ยังมองด้วยความตะขิดตะขวงใจ ไม่แน่ว่า 1 ใน100 ผู้มีอิทธิพลของโลก อาจไปให้นอมินีไปทำอะไรางอย่างหรือไม่ คนที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก โดนขัดใจไม่ได้ เขาใช้ประชาธิปไตยมาเป็นมอตโต้ในการหาเสียง ปลุกระดม สร้างกระแสให้คนรุ่นใหม่เพ้อตาม เมื่อคนแบบนี้อยู่ไม่สุข "ศรีสุวรรณ"ก็ต้องอยู่ไม่สุขบ้าง ถือว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ สำหรับนักการเมืองทั้งหลายขอให้อยู่เย็นเป็นสุข เลิกคิดการปลุกระดม

       "วันนี้ประเทศเป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งแล้ว แต่คนบางคนยังจมปลักอยู่กับความคิดเดิมๆว่ามีการสืบทอดอำนาจ ทั้งที่อำนาจการปกครองอยู่ในมือองส.ส.แล้ว ผมตรวจสอบนักการเมืองถือหุ้นสื่อ ตรวจสอบคุณเดียร์แล้ว ไม่พบข้อมูลถือหุ้นสื่อจึงไม่ยื่นร้องห้ตรวจสอบ เขาเคลียร์เรียบร้อยแล้วจึงเข้ามาเล่นการเมือง นักการเมืองแบบนี้ควรสนับสนุน ไม่ใช่นักการเมืองที่ยังไม่โอนหุ้นแล้วบอกต่ว่าโอนแล้วๆ นักการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหวขณะนี้เป็พรรคการเมืองเดียวที่อยากเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้าน็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ช่วยกันดูกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อชาติไม่ใช่ออกมาปลุกระดม สร้างกิมมิก "อยู่ไม่เป็น" เพราะคนไทยอยู่ดีมีความสุข เพิ่งจะผ่านเทศกาลลอยกระทงมา กลัวก็แต่คนบางคน ทิชชูหรือผ้าเช็ดหน้าจะซับน้ำตาไม่ไหว"นายศรีสุวรรณกล่าว

"อุ๊" ฉะ "ปิยบุตร"ไดโนเสาร์ประเมินคนไทยผิด

   ด้าน น.ส.หฤทัย ม่วงบุญศรี "อุ๊" ศิลปินนักร้อง กล่าวว่า คำว่า"อยู่เป็น" หมายถึง เป็นสิ่งที่ดีงาม ไม่ใช่คำล้อเลียนหรือคำในแง่ลบ ถ้าหมายถึงความอยู่รอดของชาติ ชาติที่อยู่เป็น คนไทยทุกคนอยู่รอดได้ มีความสงบสุข พัฒนาสร้างความเจริญให้กับชาติ หากเป็นเช่นนี้แล้วคนในชาติจะคิดถึงคำว่า"อยู่ไม่เป็น" ไปเพื่ออะไร

อยู่ เย็น เป็น สุข  อย่าสร้างความพินาศ ปท.

                                                           หฤทัย ม่วงบุญศรี

      " ตนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ระบุว่า มนุษย์ต้องมีสัญชาตญาณความเป็นกบฎอยู่ในตัวเอง หรือคนไทยเฉยๆปล่อยปละละเลย ซึ่งไม่เป็นความจริงและเป็นการประเมินคนไทยผิด คนไทยต่อสู้กับการปฏิวัติรัฐประหาร เผด็จการรัฐสภา ธุรกิจการเมืองที่เข้ามาครอบงำประเทศ ซึ่งคนไทยใช้เวลาไม่กี่ปีในการต่อต้านคอรัปชั่น"

     น.ส.หฤทัย กล่าวอีกว่า หลายประเทศที่เคยมีความขัดแย้งเกี่ยวกับระบบการปกครองทำให้เกิดการฆ่ากันตายในชาติก็เปลี่ยนความคิด เลิกสู้รบกันไปหมดแล้ว ยุคสมัยความแตกต่างในระบอบการปกครองไม่มีอีกแล้ว

       "แต่นายปิยบุตรเป็นไดโนเสาร์ปลูกฝังความคิดใส่เด็ก สร้างวาทกรรมว่าประชาธิปไตยตะวันตกถูกต้องไปเสียทุกอย่าง ทั้งที่เราควรสร้างระบอบให้อยู่เป็น ไม่ใช่ให้ไปตาย จะเอาอะไรจากประเทศไทยอีกจึงใช้คำว่า "อยู่ไม่เป็น" คนไทยรู้ได้และประเมินได้ การจะลงถนนต้องมีเหตุผล ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่ทำผิดพลาด แล้วนำไปบิดประเด็นว่าถูกชนชั้นปกครองรังแก คนไทยอยู่เป็นจนประเทศสงบร่มเย็นมาถึงปัจจุบัน เพราะมีจุดแข็งคือมีสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นศูนย์รวมจิตใจ ปกป้องชาติให้ผ่านพ้นวิกฤตและภาวะสงคราม"

     ศ.แนะจับมือสร้างประชาธิปไตยตามขนบไทย

     นายภูวดล วงษ์โสภณากุล นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคใต้ กล่าวว่า นสืบค้นกูเกิ้ล หาความหมายของคำว่า"อยู่เย็นเป็นสุข" การเมืองไทยตั้งแต่ปี 2547 มีหลายสีเสื้อ สลับกันแพ้สลับกันชนะ หรือชนะไปด้วยกัน ปรากฎการณ์"อยู่ไม่เป็น"เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในปี 2475 นักเรียนไทยกลับจากฝรั่งเศส "อยู่ไม่เป็น" เรียกร้องเปลี่ยนแปลงการปกครอง 87 ปีหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เราไม่มีทางเท่ากันทางเศรษฐกิจ ีต้นทุนทางสังคมไม่เท่ากัน ต่ด้วยวิธีคิดที่ต่างกันแล้วก็มาโอดโอยว่า "อยู่ไม่เป็น" วันนี้สมาชิกหลายร้อยคนลาออกจากพรรคการเมืองหนึ่งเพราะพูดไม่ฟัง สั่งอย่างเดียว

 

       "วันนี้เด็กยุคใหม่ และคนสูงอายุต่างก็ใช้สื่อโซเซียลมีเดีย เด็กไม่นับถือคนสูงอายุเพราะคิดว่ารู้มากกว่า เข้าถึงข้อมูลมากกว่าละเร็วกว่า แต่ทำไม่ถูกกาละเทศะ ถึงเวลาที่คนไทยต้องจับมือกันร่วมสร้างประชาธิปไตยแบบไทย บนขนบธรรมเนียมและชุดความคิดของคนในชาติ เพื่อให้มีระบอบที่เหมาะสมกับประเทศไทย"นายภูวดลกล่าว

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ