อุตตม โอ่ นโยบายสวัสดิการแห่งรัฐ ทำคนจนพ้นเส้นแดง

          เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 62 - นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ว่า รัฐบาลจัดทำงบประมาณตามกรอบกฎหมายและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลมีแนวทางแก้ปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจที่สะสม อาทิ ปัญหาความเหลื่อม, ความยากจน ทั้งนี้ยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พบปัญหาอื่นที่ตามมา ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องหาวิธีแก้ไข เช่น การจัดสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อดูแลคนไทยที่ไม่ได้รับการดูแลด้านสวัสดิการ ควบคู่กับการให้โอกาสพัฒนาผ่านมาตรการต่างๆ เช่น ให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) และธนาคารออมสิน ลงพื้นที่ให้คำแนะนำกับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อพัฒนาชุมชนและพัฒนาตนเอง ทั้งนี้ผลดังกล่าวทำให้ช่วยคนพ้นเส้นความยากจนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน จึงถือว่าเป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่า

          นายอุตตม กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อท้วงติง ของส.ส. ที่ระบุว่าจัดงบประมาณขาดดุล นั้น ยอมรับว่าเป็นการจัดงบประมาณขาดดุล ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ตามนโยบายการคลังแบบขยายตัว ซึ่งต่างประเทศให้การยอมรับเพื่อให้การพัฒนาสอดรับกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ทั้งนี้การทำงบประมาณขาดดุลของรัฐบาล เป็นไปตาม กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ที่กำหนดให้ขาดดุลเพื่อสนับสนุนการลงทุน

          “รัฐบาลมีแนวทางที่ชัดเจนต่อการจัดทำงบประมาณแบบสมดุล โดยกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่มีนายกฯ เป็นประธาน ได้เห็นชอบแนวทางการจัดทำงบฯ สมดุล สอดกับแผนการคลังระยะปานกลาง ในปี 2573 ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจต่อการจัดงบประมาณเพื่อใช้ในการลงทุน เห็นได้จากสัดส่วนของงบประมาณด้านการลงทุนที่มีตัวเลขเพิ่มมากขึ้น สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ โดยปัจจุบันมี 16 โครงการมูลค่า8 แสนล้านบาทที่ดำเนินการภายใต้ พีพีพี ตั้งแต่ปี 2559 ทั้งนี้เป็นกลไกที่รัฐบาลสนับสนุนเพื่อให้เกิดการลงทุนที่เป็นประโยชน์กับประเทศ ขณะที่การลงทุนส่วนของรัฐวิสาหกิจ ตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 80 เชื่อว่าจะทำได้ตามเป้า” นายอุตตม ชี้แจง

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงด้วยว่า สำหรับการจัดเก็บรายได้นั้น ปีที่ผ่านมารัฐบาลจัดเก็บสูงกว่าเป้าหมาย 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ผันผวน ทั้งนี้ปี 2563 มีความท้าทายสำหรับการจัดเก็บภาษี วางเป้าหมายว่า จะทำให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษี จำนวน 9 แสนรายโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ สำหรับการเบิกจ่ายของหน่วยงานที่ ส.ส.อภิปรายว่าไม่มีประสิทธิภาพ และบางแห่งได้รับมาก นอกจากการเบิกจ่าย จะพิจารณาการก่อหนี้ผูกพันตามแผนการลงทุนประกอบด้วย เช่น กองทัพบก เบิกจ่าย ร้อยละ 42 เพราะมีการก่อหนี้ผูกพันตามแผน ร้อยละ 69 เป็นต้น