ข่าว

แกนนำ7 พรรคฝ่ายค้านเตรียมแจ้งความกลับ บุรินทร์และผู้มอบอำนาจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แกนนำ7พรรคฝ่ายค้านเตรียมแจ้งความกลับ พล.ต.บุรินทร์และผู้มอบอำนาจ ยันเวทีเสวนาไม่มีเจตนาพิเศษเข้าข่ายความผิดตาม ม.116 พร้อมย้ำแก้ไขรธน.ไม่เเตะหมวด1-2

          แกนนำ7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยเลขาธิการพรรคประชาชาติ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย  นายนิคม บุญวิเศษ  หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ  นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์  เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล  ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยและอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พลโทภราดร พัฒนถาบุตร แถลงข่าวภายหลังการประชุมกรณี กอ.รมน. แจ้งดำเนินคดีแกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้าน กระทำผิดตามมาตรา 116 จัดเสวนาบิดเบือนข้อเท็จจริง ที่จ.ปัตตานี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา     

        โดย นายชูศักดิ์  กล่าวว่า  ในฐานะที่มีประสบการณ์กับ ม.116 มองว่า ความผิดตามกฏหมายประเภทนี้นอกเหนือจากเจตนาแล้วจะต้องมีเจตนาพิเศษ ซึ่งมาตรานี้ กำหนดไว้ 3ประการ คือเจตนากระทำการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินโดยกำลังและประทุษร้าย  เจตนากระทำการเพื่อสร้างความปั่นป่วน ยุยงปลุกปั่น ทำให้เกิดไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง และตั้งใจกระทำการเพื่อละเมิดกฏหมายแผ่นดิน ซึ่งโดยรวมเห็นว่าการเสวนาครั้งนี้ ไม่เห็นว่ามีมูลเหตุจูงใจที่เข้าข่ายเจตนาพิเศษทั้ง3ประการที่กล่าวมา  และจะเห็นว่าผู้มีอำนาจใช้อำนาจดำเนินคดีความผิดตามม.116 มาหลายๆต่อหลายครั้ง ซึ่งเป็นการกระทำทางการเมืองที่รัฐบาลพยายามใช้เป็นเครื่องมือโจมตีฝ่ายตรงข้ามมาตลอด

         ด้านนายปิยบุตร ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า พลตรีบุรินทร์  ทองประไพ  ผู้ได้รับมอบหมายให้ไปดำเนินคดีแจ้งความประเด็นดังกล่าวได้กระทำการเอาผิดผู้อื่นตามม.116 แบบนี้มาแล้วหลายหนตั้งแต่ยุคคสช.และ่พอวันนี้เป็นรัฐบาลปกติก็ยังคงปฏิบัติเช่นเดิม ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่าคดีเหล่านี้ที่ผ่านมาทั้งศาลและอัยการต่างก็ยกฟ้อง ดังนั้นจึงตั้งคำถามว่าพล.ต.บุรินทร์ มีความพยายามจะทำอะไรกันแน่ และขณะนี้บ้านเมืองก็เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว การกระทำดังกล่าว จึงเป็นการข่มขู่ต่อผู้ที่แสดงความเห็นต่าง ตามสิทธิเสรีภาพ หรือไม่ แต่กลับกันคนที่ไปแจ้งความกลับได้ดิบได้ดี ทั้งนี้เตรียมจะใช้กระบวนการในสภาฯ ผ่านทางกรรมธิการด้านกฏหมายฯ ที่ตนนั่งเป็นประธาน เรียกพล.ต.บุรินทร์เข้ามาชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ในการฟ้องร้องในหลายๆครั้ง ว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ 
 
       ด้านพันตำรวจเอก ทวี บอกว่า ในทางกฏหมายกอ.รมน.ถือว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งการให้ดำเนินคดี ซึ่งตัวพล.อ.ประยุทธ์เองก็แถลงนโยบายว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็น1ใน12 นโยบายเร่งด่วน กอ.รมน.เองก็ควรปฏิบัติตามมติของครม. ยืนยัน การเดินหน้ารณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นไปทางช่องทาง ส่วนการกระทำที่เกิดขึ้นของผู้ฟ้องร้องดำเนินคดี มองว่าบิดเบือนเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ และเป็นการข่มขู่นักวิชาการกับประชาชน ในการเเสดงความคิดเห็นทางการเมือง ตามสิทธิเสรีภาพ

       พันตำรวจเอกทวี บอกอีกว่า การต่อสู้ทางคดี สำหรับผู้ถูกกล่าวหา จะมีทีมกฏหมายที่มีนายชูศักดิ์และนายปิยบุตรดูแล คอยสนับสนุบข้อมูลและข้อเท็จจริงให้กับทางตำรวจ ขณะเดียวกันมองว่าการดำเนินคดีครั้งนี้เป็นการแจ้งความเท็จ ดังนั้นจะมีการดำเนินคดีกลับทั้งผู้เเจ้งความที่รับมอบอำนาจและตัวผู้มอบอำนาจ รวมถึงกำลังพิจารณาถึงตัวนายกรัฐมนตรี หากมีส่วนเกี่ยวข้องอีกด้วย

      ขณะที่ นายสงคราม และนายนิคม ย้ำว่าในการเดินสายรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ไม่มีการเสนอให้แก้ไข ในหมวด1-2  พร้อมขอให้หยุดการข่มขู่ การเเสดงความคิดเห็นของประชาชนตามสิทธิเสรีภาพ ขณะเดียวกันก็จะเดินหน้ารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป และวันอาทิตย์นี้จะไปแจ้งความกลับ ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเป็นที่ จ.ปัตตานีหรือที่กองปราบปราม

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ