ข่าว

ไม่อนุญาตประกัน นวัธ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สรุปคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ 929/2567 คดีหมายเลขแดง ที่ 967/2562 ของศาลจังหวัดขอนแก่น

 

              คดีนี้พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นโจทก์ นางลำดวน โคตรทุม โจทก์ร่วม ฟ้องว่า นายนวัธ เตาะเจริญสุข จำเลย ใช้จ้างวาน ยุยง ส่งเสริม ดาบตำรวจ วีระศักดิ์ ชำนาญพล และพันตำรวจโท สมจิต แก้วพรม กับพวก ให้ฆ่า นายสุชาติ โคตรทุม ผู้ตาย ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 ดาบตำรวจวีระศักดิ์ และพันตำรวจโทสมจิต กับพวก ร่วมกันใช้อาวุธปืนพกยิงผู้ตายหลายนัด เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 , 299 จำเลยให้การปฏิเสธ

 

 

 

              ศาลพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ก่อนวันเกิดเหตุดาบตำรวจวีระศักดิ์ และพันตำรวจโทสมจิต กับพวก ร่วมกันวางแผนฆ่าผู้ตาย ซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นในขณะนั้น จนกระทั่งวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 เวลา 07.00 น. พันตำรวจโทสมจิต กับพวก ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า ดาบตำรจวีระศักดิ์ และพันตำรจโสมจิต กับพวก มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษจำคุกดาบตำรวจวีระศักดิ์ กับพวก ตลอดชีวิต และประหารชีวิตพันตำรวจโทสมจิต

              คดีนี้ตามพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมรับฟังได้ว่ามูลเหตุในการฆ่าผู้ตายมาจากเรื่องชู้สาวที่ผู้ตายมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภริยาจำเลย ส่วนปัญหาจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่

              ศาลเห็นว่าในความผิดฐานใช้จ้างวานยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นกระทำความผิดนั้นผู้ที่จะใช้ให้ผู้อื่นกระทำควมผิดไม่ได้ลงมือเอง ก่อนกระทำความผิดจะต้องมีการวางแผนเพื่อตัดตอนให้ตนเองห่างจากผู้ลงมือเพื่อปกปิดการกระทำความผิดไว้ เพื่อมิให้บุคคลอื่นซึ่งมีผู้ร่วมกระทำความผิดล่วงรู้ เพราะเกรงภัยจะมาสู่ตนได้โดยง่าย จึงยากที่จะหาประจักษ์พยานที่จะรู้เห็นได้

              การจะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดหรือไม่ จะต้องพิจารณาจากพยานแวดล้อมพยานบุคคลที่เบ็นพยานบอกเล่าวัตถุพยาน ซึ่งในคดีนี้โจทก์และโจทก์ร่วมมีบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของดาบตำรวจวีระศักดิ์ ยืนยันว่า ก่อนวันเกิดเหตุดาบตำรวจวีระศักดิ์ขับรถยนต์พาพันตำรวจโทสมจิตไปพบนายประพันธ์ แล้วเดินทางไปบนจำเลย พันตำรวจโทสมจิตและนายประพันธ์เข้าไปในบ้านจำเลยเป็นเวลานาน

 

 

 

 

              หลังจากนั้นดาบตำรวจวีระศักดิ์ขับรถยนต์ไปเฝ้าดูความเคลื่อนไหวบริเวณหน้าบ้านผู้ตาย ส่วนพันตำรวจโทสมจิต นายประพันธ์ และนายบุญช่วย อยู่ที่รถยนต์อีกคันหนึ่ง ซุ่มดูเหตุการณ์บริเวณปากซอยทางเข้าบ้าน จนถึงเวลาเกิดเหตุ เมื่อผู้ตายถอยรถยนต์ออกจากบ้าน ดาบตำรวจวีระศักดิ์โทรศัพท์แจ้งพันตำรวจโทสมจิต นายบุญช่วยขับรถยนต์ขวางหน้ารถผู้ตาย เมื่อผู้ตายลงมาจากรถ พันตำรวจโทสมจิตและนายประพันธ์ลงจากรถยนต์แล้วใช้อาวุธปืนยิงหลายนัด จนผู้ตายถึงแก่ความตายทันทีในที่เกิดเหตุ

              ซึ่งรายละเอียดดังกล่าวนั้นอยู่ในความรับรู้ของดาบตำรวจวีระศักดิ์ ยากที่พนักงานสอบสวนจะปั้นแต่งเพื่อเอาผิดจำเลยได้ และเป็นการให้การหลังเกิดเหตุไม่นานดาบตำรวจวีระศักดิ์ย่อมไม่มีเวลาที่จะคิดไตร่ตรองเพื่อปรักปรำหรือช่วยเหลือฝ่ายใด ชี้ให้เห็นว่าดาบตำรวจวีระศักดิ์ให้การด้วยความสมัครใจ คำให้การในชั้นสอบสวนของดาบตำรวจวีระศักดิ์จึงน่าเชื่อถือ

              นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า ในช่วงก่อนวันเกิดเหตุ ในวันเกิดเหตุทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ พันตำรวจโทสมจิตและจำเลยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อกันจริง พยานเหตุแวดล้อมของโจทก์และโจทก์ร่วมสอดคล้องเชื่อมโยงกันรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นผู้ใช้ผู้อื่นฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจริง จึงมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 84 ลงโทษประหารชีวิต และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม

              ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดย นวัธ ใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน 8 ล้านยื่นประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว คาดว่าพรุ่งนี้จะนำหลักทรัพย์มายื่นเพิ่ม

 

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

- ชวลิต ชี้หาก นวัธ พ้น ส.ส. ต้องหาคนลงเลือกตั้งแทน

- อดีตที่ปรึกษา กรธ. ชี้ นวัธ ต้องพ้น ส.ส. หากประกันไม่ได้

- ประหารชีวิต ส.ส. นวัธ คดีฆ่าอดีตปลัด อบจ. ขอนแก่น

- วิเคราะห์คดี ลันลาเบล ชวนนึกถึงหนังเรื่องคืนบาปพรหมพิราม

- คลิปหลุดหน้าคล้ายน้ำอุ่นนัวกับพริตตี้อยู่ในงานปาร์ตี้

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ