"วัชระ"เผยเพื่อนกันกับเมียจตุพร คดีหมิ่นเคลียร์จบกันดีกว่า ก่อนหน้าถอนฟ้องคดีสามเกลอ นปช.หมิ่น พิมพ์หนังสือสมัครจาบจ้วงป๋าเปรม
9 กันยายน 2562 ที่ห้องพิจารณา 913 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 09.00 น. ศาลนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาขอถอนฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.3910/2553 ที่ "นายจตุพร พรหมพันธุ์" ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเมธี อมรวุฒิกุล อดีตแนวร่วม นปช. และอดีตดารานักแสดงชื่อดัง
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กับกลุ่มสื่อมวลชน รวม 7 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ 332
กรณีเมื่อวันที่ 12 ต.ค.53 นายเมธี จำเลยที่ 1 แถลงข่าวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำนองว่านายจตุพร โจทก์ อมเงินบริจาคของคนเสื้อแดงจำนวน 68 ล้านบาท รวมทั้งกล่าวหาว่านายจตุพรโทรศัพท์ขู่ฆ่าจำเลย ต่อมานายวัชระ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ 4 ได้นำคำแถลงและคำสัมภาษณ์นั้น ไปเผยแพร่ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่านายจตุพร โจทก์เป็นคนไม่ดีและเบียดบังเงินบริจาคไปเป็นของตนเอง ซึ่งคดีดังกล่าว จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ซึ่งได้สืบพยานสู้คดี
โดยในการพิจารณาของศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำคุก "นายเมธี" 2 ปี และปรับ 100,000 บาท ซึ่งศาลเห็นว่าคำให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้างจึงลดโทษเหลือจำคุก1 ปี 4 เดือน และปรับ 66,666 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-7 ให้ยกฟ้องเนื่องจากไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอว่าได้ร่วมกันกระทำผิด
ต่อมานายจตุพร โจทก์ และนายเมธี จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ ซึ่ง "ศาลอุทธรณ์" มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 9 เม.ย.59 พิพากษาแก้เป็นว่านายวัชระ จำเลยที่ 4 ร่วมทำผิดด้วยมีความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ ตามมาตรา 328 ด้วย ให้จำคุกเช่นเดียวกับนายเมธี จำเลยที่ 1 จำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 66,666 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้จำเลยที่ 1 , ที่ 4 ร่วมกันลงโฆษณา ในนสพ.รายวัน 2 ฉบับเป็นเวลา 3 วันด้วย
ต่อมา "นายวัชระ" จำเลยที่ 4 ได้ยื่นฎีกา ส่วนนายเมธี จำเลยที่ 1ไม่ยื่นฎีกา โดยยอมรับผลตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาปรากฏว่า "นายจตุพร" โจทก์ ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง "นายวัชระ" จำเลยระหว่างฏีกา อ้างว่าทั้งโจทก์และจำเลยมีคดีพิพาทกันหลายคดี ตกลงที่จะยุติคดีซึ่งกันและกัน โดยไม่ติดใจเอาความกันอีกต่อไป ซึ่งนายวัชระก็ได้ถอนฟ้องโจทก์ที่เป็นจำเลยในคดีอื่นแล้ว จึงเป็นประโยชน์ต่อคู่ความทั้งสองฝ่าย อีกทั้งคดียังเป็นความผิดอันยอมความสามารถตกลงกันได้จึงไม่ติดใจเอาความ
โดยศาลฎีกาได้ส่งคำสั่งที่ขอถอนฟ้องคดีดังกล่าวมาให้ศาลชั้นต้นอ่านในวันนี้ ซึ่ง "นายวัชระ " อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ 4 ก็ได้เดินทางมาฟังคำสั่งศาลฎีกา
ทั้งนี้ "ศาลฎีกา" พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีหมิ่นประมาทเป็นความผิดส่วนตัว "นายจตุพร" โจทก์ มีสิทธิถอนฟ้องก่อนจะมีคำพิพากษาฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคสอง ซึ่งศาลได้สอบถาม "นายวัชระ" จำเลยที่ 4 แล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ภายหลัง "นายวัชระ" อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คดีนี้นายจตุพรโจทก์ได้ขอถอนฟ้องตน ซึ่งศาลฎีกาอนุญาตให้ถอนฟ้องได้ เนื่องจากเป็นความผิดส่วนตัว โดยก่อนหน้านี้ตนก็ได้ถอนฟ้องนายจตุพร กรณีที่หมิ่นประมาทกล่าวหาตนเองว่า พิมพ์หนังสือ "สมัคร ทักษิณ จาบจ้วง ป๋าเปรม ถึงนอมินี" ขึ้นมาใหม่หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีถึงแก่อสัญกรรม
สำหรับเหตุผลที่ตนถอนฟ้องคดีให้นั้น เพราะภรรยานายจตุพรเป็นเพื่อนกับตน จึงถอนฟ้องให้ ความจริงแล้วตนเองก็อยากจะสู้คดีให้ถึงที่สุดแต่เมื่อคิดอีกทีก็เห็นว่าคดีหมิ่นประมาทควรจะพูดคุยทำความเข้าใจกันน่าจะเป็นผลดีมากกว่าจะต้องติดคุก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง