ข่าว

"บิ๊กตู่" ลั่นไม่มีเวลามาประท้วงชี้ต้องดูแลคนทั้งประเทศ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กตู่" ยินดี ส.ส.ใต้ "พปชร." ชี้ "ภูเก็ต-กทม." ปัญหาคล้ายคลึงกัน ลั่นวันนี้ไม่มีเวลามาประท้วงต้องดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ว่าพื้นที่ใครจะทำสิ่งที่ปชช.ได้ประโยชน์

 
          วันที่ 8 ก.ค.62 เวลา 09.55 น. ที่โรงเรียน อบจ.เมืองภูเก็ต ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้า vellfire หมายเลขทะเบียน 5 กอ 185 กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดอุโมงค์ทางลอดห้าแยกฉลอง ซึ่งก่อสร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการจราจร และจะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของภูเก็ต ด้วยโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมแบบภูเก็ต ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเกาะภูเก็ต ประเพณีการถือศีล กินผัก วิถีชีวิตอย่างการร่อนแร่ การแต่งกายแบบบาบ๋าภูเก็ต เรื่องราวของวัดไชยธารารามหรือวัดฉลอง วัดคู่บ้านคู่เมืองภูเก็ต

 

          ทั้งนี้ กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้กลุ่มด้ามขวานไทย พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย นายทวี สุระบาล แกนนำหาเสียงคนสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ตเขต 1 นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 ฯลฯ ได้มาให้การต้อนรับ โดยนายกฯได้ทักทาย พร้อมกล่าวว่า ยินดีด้วย 

 

          จากนั้นนายกฯ กล่าวเปิดงานโดยกล่าวถึงชาวบ้านที่มาส่งเสียงรอพบว่า “ขอให้ใจเย็นๆ พวกที่อยู่ข้างนอก เดี๋ยวได้เจอกันทุกคน ผมรักทุกคน ขอร้องอย่าส่งเสียงดัง” และกล่าวว่า ปัญหาที่ภูเก็ตและ กทม.มีความคล้ายคลึงกัน ทั้งเรื่องน้ำถนนสะพานทางลอดทางเชื่อม ตนมาเพื่อทำประโยชน์ให้กับพื้นที่ของทุกคนในนามของนายกรัฐมนตรี การทำทางลอดอุโมงค์ห้าแยกฉลองนี้ก็เพื่อรองรับและแก้ปัญหาการจราจร สิ่งเหล่านี้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีทั้งหมด 5 รัฐบาลที่ผ่านมาทำมาแล้ว 2 และมาดำเนินการในรัฐบาลนี้จนเกิดความสำเร็จ ซึ่งเท่าที่รับรายงานในพื้นที่ก็ยังมีปัญหาการจราจรบ้าง ซึ่งก็ต้องหาทางแก้ปัญหา 

 

          “วันนี้เราไม่มีเวลาจะมาประท้วงอะไรทั้งสิ้นแล้ว เพราะวันนี้ผมดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของใคร วันนี้ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับ ส.ส.ใหม่ในพื้นที่” พร้อมกระเซ้าว่าเป็น ส.ส.จากพรรคอะไรนะ และกล่าวต่อว่า แต่วันนี้เราถือว่าเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ คงไม่ใช่จะทำเพื่อภูเก็ตเพียงอย่างเดียว เราต้องดูแลจัดสรรปันส่วนให้ดี เพราะประเทศไทยปัญหามีเยอะมาก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกิดมาจากอะไรเหมือนกัน วันนี้เราต้องสร้างความเข้าใจและสร้างความร่วมมือ สร้างความรักความสามัคคีการมีจิตอาสาเผื่อแผ่ แบ่งปัน ดูแลผู้มีรายได้น้อย ให้โอกาสและเกิดความเท่าเทียม และให้ความเป็นธรรมในการดูแลกับประชาชนทุกคน เพราะเราต้องอยู่ไปด้วยกัน การดูแลจึงต้องกำหนดสัดส่วนของการใช้จ่ายงบประมาณให้เหมาะสม จะไม่ใช่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งจำนวนมากไม่ได้ เพราะทุกอย่างกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน

 

          “รัฐธรรมนูญเป็นของปวงชนชาวไทย คำว่าปวงชนคือคนทั้งประเทศ แต่แน่นอนว่าเราคงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนทั้งหมดได้พร้อมกันทุกอย่าง จึงต้องเป็นขั้นเป็นตอน โดยเฉพาะเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณ เราต้องมีแผนแม่บท มีแผนยุทธศาสตร์ชาติ เนื่องจากต้องการตีกรอบการเดินหน้าไปสู่อนาคตใน 6 ยุทธศาสตร์ชาติ แต่ไม่ใช่ว่าคนนั้นคนนี้จะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เราเพียงต้องจัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนก่อน อะไรที่เป็นปัญหากระทบกับคนจำนวนมากก็ต้องดำเนินการก่อน เราต้องมีหลักคิดที่ถูกต้อง มีรัฐบาลที่สามารถดูแลประชาชนทุกฝ่าย ทุกพื้นที่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

          นายกฯ กล่าวว่า เราต้องมีหลักคิดที่ถูกต้อง โดยได้รัฐบาลที่ดูแลคนได้ทุกกลุ่มทุกฝ่าย ดูแลได้ทุกพื้นที่ อย่างเช่นการทำอุโมงต้องเขียนกรอบการทำงาน วันหน้าไม่มีแบบนี้ก็จะตีรันฟันแทงกัน สู้กันด้วยอะไรก็แล้วแต่ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมา แต่วันนี้ท่านไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะตนวางไว้ให้หมดแล้ว นำปัญหาเดิมที่เดือดร้อนมาแก้ นำงบลงกลุ่มจังหวัดมากกว่ารัฐบาลก่อนๆพอสมควร รัฐบาลต้องไม่ทำงานสะเปะสะปะ และตนจะยืนยันทำให้ดีที่สุด 

 

          นายกฯ กล่าวว่า และการพัฒนาต้องไม่ขัดแย้งเรื่องสิ่งแวดล้อม เรามีคณะกรรมการมากมาย ต้องดูว่าประเทศจะได้ประโยชน์อย่างไร ไม่ใช่จะได้ใต้โต๊ะอย่างไร ถ้าผิดร้องเรียนมาได้ สอบสวนดำเนินคดีทุกเรื่อง ทั้งนี้ การแก้ปัญหาต่างๆต้องฝากส.ส.ที่ร่วมงานกับรัฐบาลด้วย มันอาจจะสำเร็จบางอย่างสมัยเรา บางอย่างอาจจะภายภาคหน้าหรือรุ่นลูกหลานเรา และงบประมาณที่จังหวัดและทุกพื้นที่ขอมา ซึ่งเกิน 6 ล้านล้านบาท ถ้าต้องกู้เงินมาหนี้สาธารณะก็ขึ้น เกิน 60%เมื่อไหร่เตรียมล่มสลายได้เลย เพราะมันอ่อนไหวอ่อนแอ วันนี้ดึงไว้ 42% อย่าให้ใครมา บอกว่ารัฐบาลนี้สร้างหนี้สร้างสิน 

 

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนใจเย็นๆ เพราะทุกอย่างจะทำต่อไปในทุกนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ ไม่ว่าพรรคใดเป็นรัฐบาล จะต้องเป็นรัฐบาลของปวงชนชาวไทย ไม่ใช่รัฐบาลของพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันตนจะทำให้ในสิ่งที่ประชาชนได้ประโยชน์ ขอให้ประชาชนเข้าใจด้วย เพื่อที่จะไม่มีปัญหาความขัดแย้งกันอีกต่อไป วันนี้หากมองนโยบายของแต่ละพรรคแล้ว คงไม่ต้องทำอย่างอื่นเลย เพราะคงใช้งบประมาณสูงถึงล้านล้านบาท แต่ก็ต้องทยอยทำ เพราะทุกนโยบายล้วนดีทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม บางนโยบายอาจทำไม่ได้จริงในตอนนี้ แต่ก็ทำได้ในภายภาคหน้า 

 

          “แม้ประเทศสิงคโปร์จะมีความเจริญมาก แต่สิงคโปร์ก็ชอบมาเที่ยวเมืองไทย แต่แปลกที่คนไทยบางกลุ่มชอบว่าประเทศตัวเอง ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมชอบว่าตัวเองทุกวัน ไม่มีทางที่เราจะไปได้ถ้าเราว่าตัวเองทุกวัน เพราะมันเหมือนกับสาปแช่งตัวเราเอง สาปแช่งประเทศตัวเอง ประเทศไปไม่ได้หรอก เขามีแต่ให้สร้างแรงศรัทธา ขอให้ประเทศตัวเองอยู่รอดปลอดภัย อย่างผมก็ไหว้พระทุกวัน ให้การบริหารราชการราบรื่น ไม่ได้ขอให้ใครมารักผม ขอแค่ให้ทำงานให้สำเร็จ ดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ผมขอพระแบบนี้มาตลอด 5 ปี ก่อนหน้านี้ที่เป็นทหาร ก็ขอให้ลูกน้องปลอดภัย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นกล่าวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า จากการรับฟังการพูดของนายกฯ ทำให้ทราบว่า นายกฯ มีความเข้าใจในปัญหาของชาวภูเก็ตเป็นอย่างมาก ซึ่งหากนายกฯได้มาภูเก็ตก่อนหน้านี้ คงสามารถพัฒนาได้มากกว่านี้

 

          จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงตอบว่า แม้ก่อนหน้านี้ไม่ได้มาภูเก็ต แต่เราก็ทำให้ ดังนั้นวันนี้เรามา เราก็ต้องทำให้มากขึ้น แต่ตนไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่มาทำงานทางการเมือง ซึ่งถือเป็นนักปฏิบัติ จากนี้ประเทศไทยต้องไปด้วยกันได้ทั้ง 3 ส่วนคือ 1.ข้าราชการ 2.การเมือง 3.ประชาชน หาก 3 ส่วนนี้ไปไม่ได้ ก็ต้องเลิกหมด ไม่ว่าพรรคใดก็ตามต้องรักประเทศไทยทุกตารางนิ้ว ไม่สามารถที่จะแบ่งสันปันส่วนพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้ แม้ประชาชนจะไม่เลือกเรา แต่เราก็ต้องดูแลเขา เพราะทุกคนถือเป็นคนไทย


          ทั้งนี้ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยใช้การรักษาความปลอดภัยชั้นสูงสุด มีการระดมเจ้าหน้าที่ทางจากส่วนกลาง และจากกองทัพภาค 4 สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ดูแลตลอดเส้นทางและจุดที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่. 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ