"ปธ.นปช." จี้ "ประยุทธ์" ประกาศไม่รับตำแหน่งนายกฯ หลังเกิดกรณี "งูเห่า" แม้ไม่มีใบเสร็จ เผย "พท.-อนค." ถูกขย่มมากสุด วางเป้ารวมเสียงหนุน พปชร. เกิน 270 เสียง
วันที่ 30 มีนาคม 2562 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะแคนนิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศไม่รับตำแหน่งนายกฯ หากเกิดกรณีและมีความพยายามซื้อตัว ว่าที่ ส.ส. ของพรรคการเมืองเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่ ด้วยเงินและตำแหน่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์และอำนาจของฝ่ายตนเอง แม้ขณะนี้จะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่มีข่าวยืนยันว่ามีกระบวนการซื้อตัวว่าที่ ส.ส.ของพรรคการเมืองอื่น เพื่อสนับสนุนการลงมติและการทำงานในรัฐสภา โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯ ทั้งนี้สิ่งที่ตนเรียกร้องดังกล่าวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดจุดเสื่อมของวิกฤตศรัทธา
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ตนได้ร่วมออกรายการกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป เมื่อวันที่ 29 มีนาคม และทราบว่าเป้าหมายของการซื้อตัวว่าที่ ส.ส. ต้องทำให้ได้เสียงเกิน 270 เสียง ดังนั้นในภาวะที่การเมือง 2 ฝ่ายไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาด และมีตัวเลขเกือบเท่ากันที่ฝ่ายละ 240 - 250 เสียง จะทำให้ไม่สามารถเดินหน้าทางการเมืองได้ ดังนั้นฝ่ายสืบทอดอำนาจจำเป็นต้องหาเสียงเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 20 ที่นั่ง
"พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแสดงความเป็นคนดี ที่จะเข้ามาปกครองบ้านเมือง และต้องป้องกันคนไม่ดีไม่ให้เข้ามามีอำนาจ ดังนั้นคนดีต้องไม่ใช้วิธีซื้อตัวว่าที่ ส.ส.ของพรรคการเมือง ทั้งนี้ผมประเมินว่ากรณีที่ฝ่ายการเมืองใดได้เสียงไม่ชนะเด็ดขาดจะนำประเทศไปสู่จุดจบ หากพล.อ.ประยุทธ์ ยังยอมรับกับปรากฎการณ์งูเห่า วันเริ่มต้นทางการเมืองหลังจากนี้อาจจะเป็นวันที่กลายเป็นจุดจบของท่าน" นายจตุพร กล่าว
ทั้งนี้ ประธานนปช. ยังกล่าวเรียกร้องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีนายอิทธิพร บุญประคอง เป็นประธาน ต้องรับผิดชอบต่อกรณีปัญหาในกระบวนการจัดการเลือกตั้ง รวมถึงประกาศผลคะแนนเลือกตั้งด้วยการนำคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้ง กว่า 9 หมื่นหน่วย เปิดเผยต่อสาธารณะให้ชัดเจน ขณะเดียวกันอดีตคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ต้องรับผิดชอบต่อการยกร่างระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมด้วยบัตรเลือกตั้งใบเดียว ที่สร้างปัญหาให้กับการเมือง และอาจนำไปสู่ทางตันรวมถึงวิกฤตการเมือง
"ผมมั่นใจว่าการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม คือ การเลือกตั้งที่โสมม และเกินกว่าจะว่าการเลือกตั้งสกปรก เพราะผลที่ออกมา ทั้งความไม่ชัดเจนและความสับสนเรื่องตัวเลขจะกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลและนำไปสู่วิกฤต รวมถึงทางตันทางการเมืองในที่สุด" นายจตุพร กล่าว
ขณะที่ นายอารี ไกรนรา รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ในฐานะว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อชาติ กล่าวปฏิเสธถึงการถูกทาบทามและซื้อตัวเพื่อให้ไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดยยืนยันว่าไม่มีบุคคลใดของขั้วการเมืองอีกฝ่ายติดต่อเข้าหา และหากติดต่อมาจริงตนยืนยันว่าจะไม่ไปร่วมงาน เพราะตนมีอุดมกาณ์ชัดเจนต่อการร่วมต่อสู้กับภาคประชาชน
"ผมไม่ไปเป็นงูเห่า หรืออะไรทั้งนั้น ต่อให้เสนอเงิน 50 ล้านบาท ก็ไม่สนใจ และยืนยันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น" นายอารี กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง