ข่าว

3 บก.เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ เลือกตั้งไม่จบแค่ 24 มีนาฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

3 บก.เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ การเลือกตั้ง 24 มีนาคมนี้ จะจบหรือไม่ พรรคไหนคือตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล กรณี Blind Trust ไม่ใช่เรื่องใหม่ ของนักการเมือง?

      เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2562 เวลา 18.00 น. นายสมชาย มีเสน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nation Group นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และนายบากบั่น บุญเลิศ บรรณาธิการอำนวยการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ได้จัดรายการ ผ่านทาง Facebook Live ที่แฟนเพจ"คมชัดลึก" ถึงประเด็นเรื่องการเลือกตั้ง 24 มีนาคมนี้ ว่าจะจบหรือไม่ พรรคไหนคือตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล กรณี Blind Trust ไม่ใช่เรื่องใหม่ ของนักการเมือง? และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะว่าอย่างไร? 

      3 บก.ใหญ่ เครือเนชั่น ได้ทุบโต๊ะถกประเด็นถึง เรื่องการเลือกตั้ง 24 มีนาคมนี้ ว่าจะจบแค่นี้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้เหลืออีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันเลือกตั้งแล้ว แต่เชื่อว่าการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาฯ จะยังไม่ใช่จุดจบของเรื่อง เนื่องจากต้องไปลุ้นกันต่อในระหว่างวันที่ 25 มีนาคม ไปจนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม ว่าใครจะได้คะแนนเสียงเท่าไหร่บ้าง อันเป็นระยะเวลาที่อยู่ในกรอบการประกาศผลภายใน 150 วัน ซึ่งคาดว่าทาง กกต. จะประกาศผลในวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายพอดี ต้องไปดูกันต่อว่าการรับรองผลการเลือกตั้งจะถึง 95% หรือไม่ ถึงจะมีการนับคะแนนมาเบื้องต้นแล้ว ก็ยังคงไม่ใช่คะแนนทางการ และทางกกต.ก็ยังไม่ได้รับรอง ซึ่งในระหว่างทางก่อนที่จะถึงวันตัดเชือกว่า กกต. จะรับรองผล และประกาศออกมาแน่ชัดเมื่อใด ก็ไม่อาจทราบได้ว่าจะมีหรือไม่มีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้นที่เขตใดบ้าง และหากมีการเลือกตั้งซ่อม การเลือกตั้งครั้งนั้นก็จะทำให้มีคะแนนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งนี้ทางกกต. ยังห้ามใช้คำว่า “ผลอย่างไม่เป็นทางการ” ด้วย ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการออกแบบรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้การเลือกตั้งเป็นแบบสัดส่วนผสม 

3 บก.เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ เลือกตั้งไม่จบแค่ 24 มีนาฯ          โดยได้ระบุว่า พรรคเพื่อไทย และพันธมิตร จะได้ส.ส. อยู่ที่ 200 ที่นั่ง ส่วนทางพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคพลังประชารัฐ ก็ชิงกันเป็นอันดับที่ 2  โดยดาดว่าน่าจะได้จำนวนที่นั่ง ส.ส. อยู่ที่ 110 เท่ากัน และถ้าสองขั้วนี้ยังแย่งกันไม่ได้ เพราะต่างก็ไม่มีใครเอากัน ก็ไม่อาจจะทำให้จัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคที่จะข้ามาเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดจะกลายเป็น พรรคขั้วรอเสียบ ที่คาดว่าจะได้ที่นั่งในสภา 70-80 ที่นั่ง ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทยพัฒนา  ที่เดิมทีคิดว่าคงไปจะไปอยู่กับประชาธิปัตย์ หรือพลังประชารัฐที่รวมกัน แต่ถ้ารวมกันไม่ได้แล้วพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยพันธมิตรรวมกันได้ถึง 200 หรือมากว่านี้เมื่อใด พรรครอเสียบก็จะมีการย้ายข้างไปหาด้านขั้วของพรรคเพื่อไทยทันที เพราะข้อสำคัญคือ ในสภาต้องได้รับเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกิน 270  เสียง ไม่อย่างนั้นก็บริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ พรรครอเสียบก็จะเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญในส่วนนี้เพื่อช่วยให้ประเทศเดินหน้าได้  และพรรคอื่นๆที่จะได้ส.ส.รวมกันอีกประมาณ 20 ที่นั่งในสภา ที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นตัวแปร แต่พร้อมที่จะเอนเอียงไปตามคะแนนเสียงที่เกิดขึ้นหลังเลือกตั้งเช่นกัน 

3 บก.เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ เลือกตั้งไม่จบแค่ 24 มีนาฯ    ส่วนทางด้านของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้ประกาศจุดยืนชัดเจนแล้วว่า ในวันนี้คือการเลือกระหว่าง “ลุงตู่” กับ “ทักษิณ” ซึ่งตัวของนายสุเทพ หรือ “ลุงกำนัน” ก็เป็นคนที่ต่อต้านคุณทักษิณมาตั้งแต่สมัยที่เป็น กกปส. แล้ว  นายสุเทพ จึงเลือกที่จะสนับสนุนคนที่จะไปช่วยปราบระบอบทักษิณได้ ถึงแม้ว่าตนจะเคยอุ้มชู นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2551 ซึ่งคุณอภิสิทธิ์ ได้อยู่เป็นนายกฯมาจนถึงปี พ.ศ. 2554 และแพ้การเลือกตั้งในที่สุด ก็ไม่สามารถจัดการอะไรระบอบของคุณทักษิณได้ นายสุเทพจึงมองว่า คนเดียวที่จะจัดการระบอบของคุณทักษิณได้ ก็คือ ลุงตู่ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

แล้วในกรณีที่ “ลุงกำนัน” เคยบอกว่า “จะไม่เล่นการเมือง” คืออย่างไร

      นายสมชายระบุว่า ก็ไม่ได้เล่น แต่ว่าภารกิจของ กกปส. ยังไม่จบ คือ ต้องการจัดการฆ่าระบอบทักษิณให้ได้ก่อน ลุงกำนันถึงได้ประกาศตอนปราศรัยว่า ให้เลือกว่าจะเลือกอยู่กับลุงตู่ หรืออยู่กับทักษิณ ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น

“งูเห่า” กับการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่

       ซึ่ง “นายจตุพร” ได้พูดว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้จะมี “งูเห่า” เกิดขึ้น ทั้งกับขั้วของเพื่อไทย และขั้วของประชาธิปัตย์ โดย 3 บก. ระบุว่า การที่คุณจตุพรออกมาพูดอย่างนี้ เพราะต้องการให้มีการตีกันว่า “งูเห่า” ในที่นี้จะต้องไม่ไปอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ เพราะเกรงว่างูเห่าจากพรรคเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ จะไปรับตำแหน่งจากทางพรรคพลังประชารัฐ เนื่อจากการโหวตในสภาตามรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องเจตจำนงของส.ส. มติของพรรคไม่อาจจะใหญ่ไปกว่าเจตจำนงของส.ส.ในสภาฯ ซึ่งงูเห่านี้มีอยู่ในทุกพรรคการเมือง 

       และครั้งนี้ในเพื่อไทย ก็มีเครือข่ายที่รู้จักกับทางกลุ่ม “สามมิตร”  แต่ขอทำนายว่า โอกาสที่สามมิตรจะเป็นงูเห่ากับพรรคพลังประชารัฐแล้วกลับไปที่พรรคเพื่อไทยนั้นไม่มีทาง แต่โอกาสที่จะมีงูเห่าเกิดขึ้นที่ฝั่งของพรรคเพื่อไทย แล้วย้ายมาทางพรรคพลังประชารัฐนั้นมีอยู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการต่อรองเรื่องของตำแหน่ง และทางด้านของพรรคประชาธิปัตย์เองก็มีงูเห่าอยู่เช่นกัน เพราะหลายคนในพรรค ก็เคยร่วมต่อสู้กับ “ลุงกำนัน” ครั้งที่มี กกปส. อยู่มาก แต่ทางด้านของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก้ได้มีการขู่เอาไว้ด้วยว่า ใครสวนมติพรรคจะขับออก แต่หากถามว่างูเห่าที่มีอยู่กลัวหรือไม่? 3 บก. เชื่อว่าไม่กลัว เพราะตามรัฐธรรมนูญบอกว่า เมื่อถูกขับออกไปแล้ว จะต้องไปหาพรรคอยู่ใหม่ภายใน 30 วัน ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนี้ จะย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐก็ได้ 

เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ ใครจะได้ และได้คะแนนเกิน 100 หรือไม่

      นายสมชาย ระบุว่า อันดับหนึ่งจะได้จำนวน ส.ส. เกิน 100 คน ส่วนอันดับสองนั้นจะปริ่มๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นพรรคไหนจะได้เป็นอันดับที่สอง และคาดว่าอันดับสามจะได้จำนวนส.ส.เข้าไปในสภาไม่ถึงร้อย ซึ่งไม่ขอระบุว่าเป็นพรรคใดบ้าง เพราะอาจจะเป็นการชี้นำเกินไป พร้อมระบุว่า อันดับที่หนึ่งจะได้ไม่ถึง 150 คน เพราะจากกติกาที่มีอยู่ จะทำให้พรรคที่ได้อันดับที่หนึ่ง จะไม่ได้ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเลย  

ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง “ลุงตู่” จะขึ้นเวทีปราศรัยไหม?

3 บก. คาดว่า วันที่ 22 มีนาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะขึ้นเวทีปราศรัยอย่างแน่นอน เพราะว่า จากการปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐที่ผ่านมา ได้มีการทดสอบโดยการส่งวิดีโอออกไปแล้ว ซึ่งพบว่ากระแสตอบรับนั้นดีขึ้นเรื่อยๆ จึงคาดว่าในวันที่ 22 มีนาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะขึ้นเวทีปราศรัยอย่างแน่นอน 

3 บก.เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ เลือกตั้งไม่จบแค่ 24 มีนาฯ

กรณี Blind Trust ไม่ใช่เรื่องใหม่ ของนักการเมือง? 

      3 บก. ได้กล่าวถึงเรื่องที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ทำการฝากทรัพย์สินไว้ที่ Blind Trust โดยการโอนหุ้นในธุรกิจเครือซัมมิทมูลค่า 5 พันล้านบาทไปไว้ที่ Blind Trust ซึ่งเป็นกองทุนตามกฎหมายเพื่อการลงทุน เป็นการโอนสิทธิในการบริหารจัดการทรัพย์ให้ทางกองทุนเป็นผู้บริหารจัดการให้ โดยที่ผู้โอนทรัพย์สินเข้ากองทุนนี้จะไม่สามารถควบคุมหรือสั่งการ ให้ทิศทางการลงทุน หรือแม้แต่ที่จะทราบถึงสินทรัพย์ของทรัสต์ที่ลงทุนอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่ทำให้เกิดความโปร่งใส แต่มีอีกเรื่องที่นักการเมืองควรจะทำก็คือ การสำแดงทรพย์ออกมาในแต่ละปีว่า มีเพิ่มขึ้นอย่างไรในแต่ละปีด้วย ให้เห็นถึงการตรวจสอบต่างๆด้วย แต่ว่าก็เป็นที่รู้กันว่า กองทุนดังกล่าวนั้น สามารถถูกชักใยได้ จึงไม่อาจแน่ใจในเรื่องความโปร่งใสได้ เพราะว่า มีสิ่งที่เรียกว่า “นอมินี” อยู่ ซึ่งนอมินี หมายถึง ตัวแทนอำพราง-บุคคลที่ถูกผู้อื่นเชิดให้ปฏิบัติการต่างๆ ไม่ว่ายินยอม หรือโดยปริยาย โดยเฉพาะในทางการเมืองหรือธุรกรรม และโดยเฉพาะเพื่อเลี่ยงกฎหมาย เช่น คนต่างด้าวจ้างคนสัญชาติประเทศหนึ่งให้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศนั้นให้ เพราะตนถูกกฎหมายประเทศนั้นจำกัดอยู่ เป็นต้น  

3 บก.เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ เลือกตั้งไม่จบแค่ 24 มีนาฯ

ทรัสต์ คืออะไร 

      ทรัสต์ หมายถึง นิติสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์ และ สัญญาก่อตั้งทรัสต์ หมายความว่า สัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า ผู้ก่อตั้งทรัสต์ โอนหรือก่อทรัพยสิทธิหรือสิทธิใดๆ ในทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง ที่เรียกว่า ทรัสตี ด้วยความไว้วางใจ ให้ทรัสตีจัดการมรัพย์สินเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่า ผู้รับผลประโยชน์ และให้หมายความรวมถึง หนังสือแสดงเจตนาก่อตั้งทรัสต์ ในกรณีผู้ก่อตั้งทรัสต์และทรัสตีเป็นบุคคลเดียวกัน 

       ซึ่งก็เป็นระบบที่ดี แต่ทั่วโลกเป็นเหมือนกัน โดยนักการเมืองทั่วโลกได้โอนทรัพย์ไปให้ทรัสต์บริหาร หลักการของทรัสต์ที่เป็นปัญหาสมัยก่อน บ้านเราก็เจอคือ เมื่อ ก.ล.ต. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จะทำการตรวจสอบ กลับขอดูข้อมูลไม่ได้ เพราะว่าห้ามเปิดเผย เพราะฉะนั้นจึงกลายเป็นผลประโยชน์ของคนที่ถือ คล้ายเป็นการปกปิดไปในตัว และเมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายปี 2550 ที่เกี่ยวข้องกับ ทรัสต์ ในมาตราที่ 89 จะเห็นว่าสามารถขอตรวจสอบได้ยาก ตามหลักการของทรัสต์ หากหน่วยงานของภาครัฐต้องการจะตรวจสอบเรื่องนี้ 

3 บก.เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ เลือกตั้งไม่จบแค่ 24 มีนาฯ

ธนาธร ไม่ใช่คนแรกที่โอนหุ้นให้ Blind Trust

       เนื่องจากผลพวงของรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2540 ในสมัยของ “รัฐบาลนายชวน” เคยมีคนโอนหุ้นให้กับ Blind Trust มาก่อนแล้วจำนวน 3 คน คือ นายสาวิตต์ โพธิวิหค อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายกรพจน์ อัศวินวิจิตร อดีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

3 บก.เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ เลือกตั้งไม่จบแค่ 24 มีนาฯ

      ต่อมาในสมัยของ “รัฐบาลนายอภิสิทธิ์” ก็มีจำนวน 6 คนด้วยกัน คือ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.พ.พฤติชัย ดำนรงค์รัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 

3 บก.เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ เลือกตั้งไม่จบแค่ 24 มีนาฯ

       สมัย “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” มีจำนวน 3 คน คือ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

3 บก.เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ เลือกตั้งไม่จบแค่ 24 มีนาฯ

       และในสมัยของ “รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์” ก็มีจำนวน 3 คน คือ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรียุครัฐบาล

3 บก.เครือเนชั่น ทุบโต๊ะ เลือกตั้งไม่จบแค่ 24 มีนาฯ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ