ข่าว

ร้องยุบอนาคตใหม่อุปโลกน์ประวัติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ศรีสุวรรณ"ร้องกกต.ชงศาลรธน.ยุบอนาคตใหม่ เหตุลงประวัติเกินจริง"ธนาธร- ปิยบุตร"หาเสียงดูหมิ่นคนอีสาน เข้าข่ายหลอกลวง-ใส่ร้าย ทำเลือกตั้งไม่สุจริต

 

                      25 กุมภาพันธ์ 2562 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อประธานกกต. ให้ตรวจสอบกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ 

 

 

                      นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กระทำการต้องห้ามตามมาตรา 73(5) )ประกอบมาตรา 132 และมาตรา 159 พ.ร.ป.ว่าด้ยการเลือกตั้งส.ส. 2560 


                      นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่เว็บไซต์ของพรรคอนาคตใหม่เผยแพร่ประวัติของนายธนาธร หัวหน้าพรรคว่าเคยเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ 2 สมัยทั้งที่ไม่เคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวถือเป็นการอุปโลกน์ข้อมูลขึ้น โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นแหล่งรวมสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมนับแสนคน ใครมาเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมย่อมมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และเป็นที่รู้กันในภาคเอกชนว่าจะมีโอกาสได้รับเลือกให้ไปดำรงตำแหน่งสำคัญในหน่วยงานของรัฐ หรือภาคเอกชนอื่นมากมาย

 

                      การที่พรรคอนาคตใหม่นำเสนอว่าหัวหน้าพรรคเคยดำรงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศถึง 2 สมัยตั้งแต่ปี 2551-2555 จึงเป็นการหลอกลวงประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เข้าใจผิดในข้อมูลข้อเท็จจริง มีโทษตามมาตรา 159 พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. จำคุกตั้งแต่ 1-10 ปีปรับตั้งแต่ 2 หมื่นถึงสองแสนบาท ทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

 

                     "การจะอ้างว่าไม่เจตนา ต้องดูองค์ประกอบปัจจัยแวดล้อมหลายด้าน พรรคได้รับการรับรองจากนายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งแต่ 3 ต.ค. 61 และเว็บไซต์ของพรรคก็นำเสนอข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่นั้น จนกระทั่งมีผู้ไปค้นพบว่าข้อมูลที่นำเสนอไม่ใช่ข้อเท็จจริง แล้วจึงค่อยมีการแก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 62 ระยะเวลากว่า 5 เดือน ที่ปรากฎข้อมูลอยู่จึงเป็นการชี้ชัดว่า มีเจตนาต้องการที่จะสื่อข้อมูลเหล่านั้นให้กับผู้บริโภค ดังนั้นการจะอ้างว่าไม่มีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลเหล่านั้นจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ"นายศรีสุวรรณกล่าว

 

                     นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า สมาคมฯยังขอให้กกต.ตรวจสอบกรณีนายปิยบุตร เลขาธิการพรรค ที่ไปปราศรัยที่จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 16 ก.พ. และวันที่ 18 ก.พ. ได้มีการนำข้อความมาโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะว่า หน่วยงานรัฐส่วนกลางและสื่อมวลชนบางกลุ่มร่วมมือกันในการที่จะทำให้คนอีสานเป็นตัวตลก และไม่มีความรู้ คำพูดในลักษณะนี้เป็นการสื่อความหมาย ดูหมิ่นดูแคลนคนอีสาน หน่วยงานรัฐส่วนกลางและสื่อมวลชนบางกลุ่มซึ่งไม่เป็นข้อเท็จจริง

 

                     จึงเข้าข่ายเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ เข้าข่ายผิดตามมาตรา 73 (5) เช่นเดียวกัน โดยการกระทำของบุคคลทั้ง2 เป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ยังอาจมีผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งตามกฎหมายเลือกตั้งมาตรา 132 กำหนดว่า กรณีปรากฎหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองกระทำมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปะละเลยให้ผู้สมัครของพรรคกระทำการอันอาจทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต เที่ยงธรรมสามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นได้ จึงขอให้กกต.พิจารณาในประเด็นดังกล่าวด้วย

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ