ข่าว

สงครามและสันติภาพ(ที่ไม่แท้จริง)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สงครามและสันติภาพ(ที่ไม่แท้จริง) : วันเว้นวันจันทร์ พุธ ศุกร์ กับ ประภัสสร เสวิกุล

                เดือนมิถุนายนปีนี้ เป็นวาระครบรอบ 70 ปี ของวันดีเดย์ หรือวันที่สหรัฐและพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการรุกใหญ่ครั้งแรกต่อฝ่ายอักษะ และเป็นย่างก้าวที่สำคัญในการเผด็จศึกกองทัพนาซีในเวลาต่อมา

                สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มขึ้นในยุโรปเมื่อ ค.ศ.1939 เมื่อเยอรมันภายใต้การนำของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ แผ่อำนาจเข้าไปในดินแดนของประเทศเพื่อนบ้าน การได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย และการที่สันนิบาตชาติ รวมทั้งประเทศต่างๆ ในยุโรป ไม่มีมาตรการจะสกัดกั้นนาซีไว้ได้ ทำให้ฮิตเลอร์กล้าที่จะทำสงครามขนาดใหญ่จนครอบครองพื้นที่แทบทั้งหมดของทวีปยุโรปไว้ได้ ขณะที่ญี่ปุ่นก็รุกคืบเข้าไปในจีน และดินแดนที่เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสและอังกฤษในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก

                แต่การรุกของญี่ปุ่น ด้วยการโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ ในเดือนธันวาคม ค.ศ.1941 ทำให้สหรัฐซึ่งวางตัวเป็นกลางต้องโจนเข้าสู่สงครามอย่างเต็มตัว ส่งผลให้สถานการณ์ของการรบในยุโรปเปลี่ยนแปลงไป จนถึงวันที่ 6 มิถุนายน 1944 สหรัฐและพันธมิตรประกอบด้วยกำลังพล 156,000 คน จึงยกพลขึ้นบกที่ชายฝั่งนอร์มังดี กองทัพนาซี ซึ่งมีกำลังเพียง 50,350 คน ได้ต้านทานการบุกอย่างดุเดือด ประเมินว่าทหารสหรัฐและสัมพันธมิตรเสียชีวิตประมาณ 4,000 คน และสูญหายประมาณ 1 หมื่นคน ฝ่ายนาซีเสียชีวิตและสูญหายประมาณ 4,000-9,000 คน

                สงครามในยุโรปยุติลงในเดือนเมษายน ค.ศ.1945 ประมาณว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนกว่า 20 ล้านคน แต่สงครามในเอเชียยังคงดำเนินต่อมา จนถึงวันที่ 6 สิงหาคม 1945 สหรัฐจึงทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกที่ฮิโรชิมา ต่อมาวันที่ 9 สิงหาคม ก็ทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 ที่นางาซากิ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันประมาณ 2.2 แสนคน และญี่ปุ่นประกาศยอมจำนนในวันที่ 15 สิงหาคม ปีเดียวกัน และสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 2 กันยายน 1945

                ถึงวันนี้ สงครามโลกครั้งนั้นผ่านมาแล้ว 70 ปี แต่โลกก็ไม่เคยที่จะสงบอย่างแท้จริง หลังสงครามโลกก็มีสงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม สงครามกู้เอกราช สงครามกลางเมือง สงครามล้างเผ่าพันธุ์ ฯลฯ เกิดขึ้นแทบทุกหนแห่ง มีผู้เสียชีวิต สูญหาย และลี้ภัย จำนวนมหาศาล แม้จะมีสหประชาชาติทำหน้าที่ในการสร้างสันติภาพ แต่ก็ดูเหมือนว่าสันติภาพนั้นมักจะมาหลังสงครามและความขัดแย้งเสมอ

                ในวันนี้ โลกยังกรุ่นด้วยไฟสงครามในซีเรีย อิรัก ยูเครน และที่อื่นๆ มีการสู้รบในหลายประเทศในทวีปแอฟริกา มีการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน ปากีสถาน และจีน ฯลฯ มีความรุนแรงอินเดีย ฯลฯ ซึ่งบางแห่งอาจขยายตัวเป็นสงครามนานาชาติ หรือสงครามในระดับโลกได้

                ทั้งๆ ที่โลกในเวลานี้เป็นโลกที่ไร้พรมแดน และวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีและโทรคมนาคมได้เชื่อมโยงคนทั้งโลกเข้าใกล้กันแค่ปลายนิ้ว หรือขณะที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก เพื่อเสริมสร้างมิตรภาพของประเทศต่างๆ ผ่านกิจกรรมกีฬา แต่ก็ดูเหมือนว่า แท้จริงแล้วคนเรายังมีช่องห่างระหว่างกัน มีการสื่อสารที่ไม่ตรงกัน มีความไม่เข้าใจกัน และความรู้สึกเป็นศัตรูกันอยู่

                70 ปีนั้น เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วอายุคน และเราต้องรออีกกี่ชั่วอายุคน กว่าโลกนี้จะมีสันติภาพและความสงบสุขอย่างแท้จริง
 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ