เรื่องของบิดาที่เปิดตัวอย่างหล่อเป็นหัวหน้าพรรคหนุนลุงตู่ คนไทยก็อดที่จะเมาท์มอยไม่ได้ เรื่องรสนิยมการเมืองของคนบ้านเดียวกันแต่ต่างกันสุดขั้ว!
การเปิดตัวอย่างเรียกเสียงฮือฮา สำหรับ “ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล” หรือ “หม่อมเต่า” อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มานั่งเก้าอี้หัวหน้า “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” (รปช.) ของลุงกำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่น่าจะเพราะ “พลิกโผ” มาจาก เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เจ้าของทฤษฎี “สองนคราประชาธิปไตย” อันลือลั่น
เพราะหลายคนพอจะรู้มาก่อนแล้วว่าพรรคนี้มีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดแรกนี้ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ชั่วคราวก่อน
จนเมื่อ คสช. มีการปลดล็อกพรรคการเมืองสามารถเคลื่อนไหวได้ อาจถึงวันที่มีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง ว่ากันว่าครั้งนั้นแหละที่ “เอนก” จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่า ทันทีที่มีชื่อ “หม่อมเต่า” ออกมา ชาวบ้านร้านตลาดแทบไม่สนใจว่างานนี้ชั่วคราวหรือยาวนาน
เพราะทุกคนกลับมองว่า เหตุใดผู้เฒ่าวัย 74 ปี ผู้ล้างมือในอ่างทองคำ กำลังทิ้งความสุขส่วนตัวมาทำงานการเมืองเพื่อประชาชน!
ลีลาพญาครุฑ
คนที่ตอบได้ดีที่สุดก็หนีไม่พ้นจอมยุทธ์ผู้ถอยให้กระบี่มือหนึ่งอย่าง ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์
โดยเขาชี้แจงไว้ในการโพสต์ลงเฟซบุ๊ก “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ว่าตนนั้นช่วยทาบทาม “หม่อมเต่า” มาเป็นหัวหน้าในช่วง “ก่อตั้ง” พรรคที่สำคัญนี้ ซึ่งต้องการมือดี!
ทั้งยังการันตีไว้อย่างอัดแน่นชนิดที่หลายคนอ่านแล้วอดคิดตามไม่ได้ว่า “หม่อมเต่า” น่าจะไปได้ไกลถึงเก้าอี้นายกฯ
“หม่อมเต่านั้นเป็นมือเศรษฐกิจระดับชาติและนานาชาติที่จะพากูรูเศรษฐกิจมาเข้าพรรค โดยจะมาประสานกับปราชญ์ชาวบ้านและนักคิด-นักปฏิบัติ ศาสตร์พระราชา รวมทั้งเศรษฐกิจภาคครัวเรือน และ เศรษฐกิจ ภาคประชาชน ที่มีอยู่แล้วภายในพรรค ร่วมกันทำให้ปากท้องของประชาชน ทุกภาค ทุกพื้นที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืนแน่นอน”
“แต่ท่านไม่ใช่ “อินเตอร์” ดิบๆ ท่านรู้ “เมืองไทย” เป็นอย่างดี" “ด้วยสถานะและประสบการณ์อย่างนี้ผมคิดว่าหม่อมเต่าพร้อมจะเป็นได้ถึงนายกรัฐมนตรี”
“ท่านรับราชการใช่เป็นเพื่อลาภยศตำแหน่ง เมื่อขัดแย้งกับรัฐบาลในประเด็นที่ท่านเห็นว่าผลประโยชน์ของชาติกำลังจะเสียหายก็กล้าคัดค้าน และกล้าลาออกจากทั้งสองตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่มากดังกล่าว”
“พญาครุฑอีกหนึ่งตนผู้เป็นคนเก่ง คนดี คนกล้า ผู้ช่ำชองการบริหารราชการแผ่นดินอย่างยิ่งได้โผบินเข้าสู่เวทีการเมือง ท่านมีสังกัดมีกำลังหนุนแล้ว คนอย่างหม่อมเต่านั้น เป็นนายกรัฐมนตรีได้ในทุกแบบ ทุกสถานการณ์ ครบเครื่องเลยครับ”
ว่ากันที่ความครบเครื่อง หม่อมเต่าเป็นโอรสคนสุดท้องในจำนวนสี่คนของ พล.ต.ม.จ.ฉัตรมงคล โสณกุล พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
ในด้านการศึกษา หม่อมเต่าจบการศึกษาจาก ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และร.ร.แฮร์โรว์ ประเทศอังกฤษ จากนั้นจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ปี 2508 ปริญญาโทบริหารรัฐกิจจาก Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปี 2512 และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ปี 2532
ขณะที่โปรไฟล์ด้านการทำงานต้องเรียกว่าระดับแถวหน้า หม่อมเต่าเริ่มรับราชการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังมาสู่รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จนภายหลังขึ้นเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลาง, อธิบดีกรมสรรพสามิต, อธิบดีกรมสรรพากร และปลัดกระทรวงการคลัง ต่อมาช่วงปี 2539 เป็นสมาชิกวุฒิสภา
และที่เป็นไปตามที่ ดร.เอนก กล่าวไว้ถึงลีลาพญาครุฑผู้ที่พร้อมจะแลกทุกสิ่งหากเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ก็เห็นได้จากช่วงปี 2540 ขณะที่เขาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง เกิดความขัดแย้งด้านนโยบายการคลังกับรัฐบาลในยุค พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จนถูกคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่เขาตัดสินใจลาออกจากราชการทันที
แต่มือดีไม่สิ้นชื่อ ต่อมา “หม่อมเต่า” ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยช่วงปี 2541 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย
จนกระทั่งมาเจอปัญหาอีกครั้งช่วงปี 2544 ที่เขากล้าที่จะประกาศว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการให้แบงก์ชาติทบทวนนโยบายด้านดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
สุดท้ายงานนั้นหม่อมเต่าถูกปลด จบการทำงานที่แบงก์ชาติในวัย 58 ปี!! จนมาโผล่อีกครั้งเป็นพยานโจทก์เบิกความในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาช่วงปี 2551 ซึ่งศาลตัดสินจำคุกเสี่ยแม้ว 2 ปี จนต้องหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศตอนนี้
หลังจากนั้นชื่อเสียงของหม่อมเต่าก็เริ่มเงียบหายไปในหน้าสื่อ จะมีก็แต่ข่าวคราวของทายาท 2 คน 2 สไตล์ ที่ออกมาบ้างตามจังหวะทางการเมือง
บ้านนี้ที่เปิดกว้าง
และแล้วเมื่อจังหวะทางการเมืองมาถึง แต่เป็นเรื่องของบิดาที่เปิดตัวอย่างหล่อเป็นหัวหน้าพรรคหนุนลุงตู่ คนไทยก็อดที่จะเมาท์มอยไม่ได้เรื่องรสนิยมการเมืองของคนบ้านเดียวกันแต่ต่างกันสุดขั้ว!
หากแต่พอเอาเข้าจริงๆ เชื่อหรือไม่ว่าบ้านนี้เปิดกว้างที่สุดเท่าที่บ้านหนึ่งจะทำได้
อย่างที่รู้กันว่าหม่อมเต่ามีบุตรทั้งหมด 3 คน โดยเป็นบุตรจากภรรยาคนแรก “รัชนี คชเสนี” 1 คน คือ ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือ “หม่อมเต่านา”
และมีบุตรจากการแต่งงานครั้งที่สองกับ คุณหญิงบูลย์วิภา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์) 2 คน คือ ม.ล.อรมงคล โสณกุล และ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล อดีต ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์
ในส่วนของบุตรชายหนึ่งเดียวอย่าง ม.ล.อภิมงคล หรือ “คุณภิ” นั้น ต้องบอกว่ารายนี้น่าจะถอดแบบบิดามามากที่สุดทั้งเรื่องบุคลิกหน้าตา การชื่นชอบในการแข่งรถที่สองพ่อลูกเคยมีทีมแข่งรถด้วยกันชื่อว่า “หม่อมเต่าเรซซิ่ง”
แม้แต่เส้นทางการทำงานคุณภิเองก็เริ่มต้นมาจากการเป็นข้าราชการมาก่อน (สังกัดสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน)
จนเมื่อตัดสินใจลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ช่วงปี 2548 ผู้พ่อก็ไม่ได้คัดค้านแถมยังอาจสนับสนุนด้วยซ้ำ โดยช่วงหนึ่งคุณภิเคยให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับความเห็นของบิดาในการสวมใส่เสื้อสีฟ้าว่า
“คุณพ่อท่านไม่ได้เข้ามามีความเห็นว่าควรหรือไม่ควรจะอยู่พรรคไหน ท่านก็ถามว่าทำไมถึงเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อผมตอบเหตุผลท่านไปต่างๆ ท่านก็บอกว่าเป็นแนวคิดที่ดี ถ้ามองว่าประเทศไทยยังต้องไปอีกไกล”
ขณะที่คุณภิเองก็ยังยอมรับด้วยว่าเริ่มต้นนั้นได้คุยกับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” มาก่อนแล้วว่ามีความสนใจอยากจะร่วมทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์...
ทีนี่เมื่อประเด็นของ “คุณภิ” ตกไปไม่คาใจ พอมาถึงบุตรสาวคนโต ต้องบอกเลย ลีลาของ ม.ล.มิ่งมงคล หรือ “หม่อมเต่านา” ในทางการเมืองนั้นสุดบู๊
พูดง่ายๆ ถ้า “คุณภิ” คือขั้วบวกของพ่อ “หม่อมเต่านา” ก็เป็นขั้วลบไม่มีใครเถียง
ไม่เพียงความเป็นศิลปินซึ่งหม่อมเต่านาเคยทำงานภาพยนตร์เป็นผู้กำกับหนังมาก่อน แต่ในทางการเมืองเธอยังอยู่ขั้วตรงข้าม “น้องชาย” อย่างจะแจ้ง
มาล่าสุดเมื่อรู้ว่าบิดาลงการเมืองในนามพรรคของกลุ่มคนเป่านกหวีด หม่อมเต่านาจัดไม่ยั้งโพสต์เฟซบุ๊กไม่สนับสนุนอย่างแรง สังคมรอดูว่าดราม่าบ้านนี้มันหยดแน่ๆ
ปรากฏว่าเก้อ ไม่มี “สงครามเต่า” อย่างที่อยากเห็น เพราะผู้พ่อ ออกมาแจงเองเลยว่าเป็นเรื่องปกติที่บุตรของตนสองคนชอบการเมืองแตกต่างกัน ม.ล.มิ่งมงคล ชอบยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่วน ม.ล.อภิมงคล ก็ยืนยันที่จะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์
“การเมืองไม่ใช่เรื่องที่จะคิดแค่ว่ากระโดดลงไปแล้วจะจมน้ำตายหรือเปล่า แต่ยังต้องคิดว่ากระโดดลงไปแล้วเป็นถนนหรือเป็นบ่อด้วย เนื่องจากตลอด 4 ปีที่ผ่านมาหาเสียงในนามพรรคประชาธิปัตย์ทุกวัน จะให้อยู่ดีๆ ปีที่ 5 ไปลงพรรคอื่นก็คงไม่รอด"
"และผมก็ไม่เคยถาม เพราะยอมรับการตัดสินใจของลูก จึงไม่คิดว่าเป็นปัญหาที่ ม.ล.มิ่งมงคล ประกาศไม่หนุนพรรคที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค แต่สังคมควรมองว่าเป็นเพราะตนเลี้ยงลูกดี มีความคิดเป็นของตัวเองมากกว่า” (มติชนออนไลน์)
ลีลาแบบนี้เชื่อหรือไม่ว่าได้ใจคนไทยไปหลายกลุ่มเพราะมันสะท้อนว่าบ้านนี้เปิดกว้างทางความคิด มองโลกอินเตอร์สมคำร่ำลือ และสังคมไทยก็ควรเปิดกว้างเช่นนี้
แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นสไตล์ที่เป็นมาอย่างยาวนานและไม่เหมือนใครของ “หม่อมเต่า” คือจะไม่มีมาเอาใจใครทั้งนั้น!!
ตรงนี้เองที่หลายคนอดติดใจไม่ได้ว่าเพราะหม่อมเต่าเป็นแบบนี้ แต่ในการทำงานการเมืองที่ต้องเออออห่อหมก มันจะมีปัญหาอะไรในวันข้างหน้าหรือไม่น่ะสิ!
//////////
เครดิตภาพจาก
เฟซบุค ม.ล.อภิมงคล โสณกุล
เฟซบุค taona sonakul
เฟซบุค เอนก เหล่าธรรมทัศน์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง