ล้ำค่า รร.บ้านหย่วนฯ 1 ใน 4 ของโรงเรียนเก่าแก่ที่สุดของภาคเหนือ อาคารเรียนประวัติศาสตร์หลังนี้ ได้ใช้ไม้ที่รื้อจากพลับพลารับเสด็จของ จอมพลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต (พระโอรสในรัชกาลที่ 5)
วันนี้ (15 ตุลาคม 2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการศึกษาค้นคว้าของ อ.พิทยา วงศ์ใหญ่ ปราชญ์ท้องถิ่น และศิษย์เก่าของ รร.บ้านหย่วน เชียงคำนาคโรวาท พบว่า โรงเรียนบ้านหย่วนฯ เป็นโรงเรียนระดับมูลศึกษา หรือประถมศึกษา (ผู้เรียนจะมีห้วงอายุ 5-7 ขวบ) แห่งแรกระดับประถมศึกษาของ จ.เชียงรายซึ่งในสมัยนั้น จ.พะเยา เป็นเพียงอำเภอหนึ่งของเชียงราย และเป็น 1 ใน 4 ของโรงเรียนประถมศึกษาที่มีอายุมากที่สุดในภาคเหนือ คือมีอายุ 116 ปี
นายวิชัย ศรีจันทร์ อดีตผู้อำนวยการ รร.บ้านหย่วน เชียงคำนาคโรวาท เปิดเผยว่า ในสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2441 ได้มีการขยายการศึกษาขั้นพื้นฐานไปทั่วราชอาณาจักร โดยใน พ.ศ. 2447 หรือเมื่อ 116 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนนี้ได้ถูกสร้างขึ้น ซึ่ง พระชยานันทมุนี ได้จัดตั้งโรงเรียนหนังสือไทยเพิ่มขึ้นพร้อมๆกัน 4 แห่ง คือ 1. โรงเรียนฝึกหัดครูชั้นมูล ที่วัดช้างค้ำ 2.โรงเรียนมูลศึกษาเมืองสา 3.โรงเรียนมูลศึกษาเวียงเหนือ และ4. โรงเรียนมูลศึกษาเชียงคำ ซึ่งขึ้นตรงกับการศึกษาน่านเหนือ
ซึ่งปัจจุบันก็คือ โรงเรียนบ้านหย่วน เชียงคำนาคโรวาท ซึ่งเปิดการเรียนการสอนเมื่อปี 2447 เรื่อยมาจนปัจจุบัน เดิมชื่อโรงเรียน “มูลศึกษาเชียงคำ” เปลี่ยนมาเป็น “โรงเรียนประจำอำเภอเชียงคำ” จากนั้นได้รับพระราชทานชื่อ จากจอมพลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต (พระโอรสในรัชกาลที่ 5) เป็น “โรงเรียนเชียงคำนาคโรวาท” และต่อมาในพ.ศ. 2495 จึงมาเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนบ้านหย่วน เชียงคำนาคโรวาท” และใช้เรื่อยมาจนปัจจุบัน
สำหรับอาคารเรียนประวัติศาสตร์หลังนี้ ได้ใช้ไม้ที่รื้อจากพลับพลารับเสด็จของ จอมพลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต (พระโอรสในรัชกาลที่ 5) โดยนำมาปลูกสร้างรวมกับไม้จากป่าไม้เชียงรายบางส่วนจนสำเร็จดังอาคารที่เห็น ปัจจุบันอาคารเรียนหลังเก่ายังถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี โดยมีการจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองเชียงคำ มีเอกสาร หนังสือเรียน ปฏิทิน ภาพสมัยสงครามโลกตลอดจนภาพ เครื่องมือเครื่องใช้ของคนเชียงคำเมื่อกว่า 100 ปี ที่ผ่านมา และมีโรงภาพยนตร์เพื่อถ่ายถอด บอกเล่า เรื่องศิลปวัฒนธรรม ขนบประเพณีและรากเหง้าของคนเชียงคำ เพื่อให้ลูกหลานในอนาคตได้ศึกษาเรียนรู้ ภาคภูมิใจในความเป็นคนเชียงคำและถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมเหล่านั้นส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นต่อไป
นพพร ทาทาน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.พะเยา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง