จังหวัดแม่ฮ่องสอนสั่งปิดโรงแรม ยกเว้นโรงแรมซึ่งทางราชการใช้เป็นโรงพยาบาลสนามหรือ สถานที่พักเพื่อสังเกตอาการ ป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19
ผู้สื่อข่าวรายงาน นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนลงนามในคำสั่งจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ 0717/ 2563 เรื่องปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ของโรคติดต่ออันตราย มีใจความสรุปดังนี้
1 ให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ของโรคติดต่ออันตรายเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะประกาศเป็นอย่างอื่น ได้แก่โรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 ทุกประเภทยกเว้นโรงแรมซึ่งทางราชการใช้เป็นโรงพยาบาลสนามหรือสถานที่พักเพื่อสังเกตอาการ หรือใช้เพื่อประโยชน์อื่นใดในทางราชการเพื่อแก้ไขปัญหานี้
กรณีโรงแรมที่มีผู้เข้าพักอยู่ก่อนประกาศนี้ให้ผู้เข้าพักสามารถพักต่อไป จนกว่าผู้เข้าพักจะแจ้งออกจากห้องพักจนหมดแล้วให้ปิดทันที โดยไม่ให้มีการรับผู้เข้าพักเพิ่มอีก
2 โรงแรมใดประสงค์จะเปิดดำเนินกิจการตามความจำเป็นให้ทำทำแผนการปฏิบัติพร้อมมาตรการเฝ้าระวังควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด 1 9 แล้วเสนอผ่านนายอำเภอในพื้นที่ เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.แม่ฮ่องสอนมีมติอนุญาตเสียก่อน จึงให้เปิดดำเนินการได้
3 โรงแรมหรือสถานที่ที่มีข้อยกเว้นให้เปิดบริการได้ จะต้องมีมาตรการป้องกันโรคดังนี้
-ให้ทำความสะอาด ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวัน
-ให้เจ้าหน้าที่และผู้เข้าพักส่งหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
-มีแอลกอฮอล์เจลหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคประจำในห้องพักทุกห้อง
-ให้มีการวัดไข้และบริการแอลกอฮอล์เจลหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคสำหรับล้างมือ สำหรับ บุคคลก่อนเข้าในอาคารโรงแรม
- ให้เจ้าหน้าที่โรงแรมหรือในสถานที่ เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกัน อย่างน้อย 1 เมตรเพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส
-ให้ควบคุมจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีให้แออัด ลดเวลาในการทำกิจกรรม ให้สั้นลง
4. ให้นายอำเภอทุกอำเภอกำกับดูแลองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านดำเนินการสอดส่องตามคำสั่งนี้
หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งนี้มีฐานความผิดมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ. ศ. 2558 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและหรือเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งมีโทษซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
สั่ง ณ วันที่ 9 เมษายน 2563/
ข่าวที่เกี่ยวข้อง