หลานเปิดใจ หลังตาร้องศูนย์ดำรงธรรมเรื่องมรดก

             วันที่ 27 ก.พ.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนายเที่ยง อุ่นรัมย์ วัย 80 ปี อยู่เลขที่ 201 หมู่ 3 ต.สะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อขอความช่วยเหลือ ระบุลูกและหลานไล่ออกจากบ้านไม่มีที่อยู่ หลังจากได้แบ่งโอนที่ดินให้แล้ว จนโลกออนไลน์ต่างออกมาวิจารณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะตำหนิลูก-หลาน

ความคืบหน้าล่าสุดนายน้อย(นามสมมุติ)อายุ 40 ปี หลานนายเที่ยง ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูบ้านที่สร้างเสร็จและยังสร้างไม่เสร็จ ว่าเป็นการสร้างไว้ให้ตา ซึ่งชราภาพแล้ว ตาสามารถไปอยู่หลังไหนก็ได้

                การออกมาร้องของตา ดังกล่าว คาดว่ามาจากสาเหตุที่ตาจะสูบน้ำจากสระน้ำเพื่อเอาปลาไปขาย แต่ถูกลูก-หลานห้าม เพราะจะเอาน้ำไปใช้ในหน้าแล้ง ทำให้ตาไม่พอใจ เพราะมีการโต้เถียงกันในเรื่องสระน้ำ จนตาเข้าไปร้องในหลายหน่วยงาน เหมือนเคยร้องเรียนลูก-หลานในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง

จริงแล้วตาเริ่มมีปัญหาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งตอนนั้นยายได้เสียชีวิตลง ซึ่งจากคำบอกเล่าของแม่ ทราบว่าตาอาจจะอยากมีแฟนใหม่ ทำให้ตาตีรวนหลายเรื่อง คำว่า”ไล่ออกจากบ้าน”ตามที่เป็นข่าวนั้น ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ ตามีปัญหาส่วนตัวมากกว่า

               จากการสอบถามนายเฉลิม วนรัมย์  อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านสะแกซำ หมู่ 3 ต.สะแกซำ อ.เมือง กล่าวว่า ครอบครัวนี้มีปัญหากันมานาน ที่ผ่านมาเคยมาทำบันทึกไว้หลายรอบ ส่วนหนึ่งตาอาจจะหลงๆลืมๆบ้าง ในหน้าที่ก็ต้องทำตามลูกบ้านต้องการเพื่อความสงบสุขในหมู่บ้าน
ด้านนายเที่ยง อุ่นรัมย์ คนร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม ยังออกมายืนยันเช่นเดิมว่า ตนจะอยู่บ้านหลังเดิมที่เคยสร้างเอง แต่ลูก-หลานพยายามเหมือนจะขับออกจากบ้าน ส่วนกรณีอยากจะมีเมียใหม่ตนไม่เคยคิด เพียงแต่อยากได้ที่ดินของตัวเองคืน

ภาพ/ข่าว อภิชาติ ศิริสุข ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.บุรีรัมย์