น้อง ๆ ป.4 ถึง ป.5 ในตำบลเขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ใช้เวลาว่างไปเก็บลูกไม้เทพธาโรหรือไม้จวงหอมในวังเทพธาโรขาย หารายได้เป็นค่าขนมไปโรงเรียน ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ซึ่งช่วงนี้ของทุกปีจะมีเมล็ดไม้เทพธาโรร่วงหล่นเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วังเทพธาโร ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้การอนุรักษ์ไม้เทพธาโรหรือไม้จวงหอมที่มีมากกว่า 300 ต้น ช่วงนี้นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายนของทุกปี จะเป็นช่วงที่ไม้เทพธาโรมีผลขนาดเท่าลูกหว้า ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน จึงเป็นโอกาสทองของเด็ก ๆ ในละแวกใกล้เคียง ที่ใช้เวลาว่างมารับจ้างเจ้าของวังเทพธาโร เก็บผลของมันเพื่อนำไปขายให้กับเจ้าของสวน ราคาขวดละ 15 บาทหรือขนาดเท่าขวดใส่น้ำอ้อย โดยรับซื้อไม่อั้น เพื่อนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ครีมทาผิว แชมพู ยาหม่องและยาอมแก้ไอ แก้เจ็บคอ แผลในปากและยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเจ้าของสวนคือนางมาลี แก้วละเอียด อายุ 63 ปีกับครอบครัว ไม่สามารถามานั่งเก็บผลไม้เทพธาโรได้เองทั้งหมด จึงต้องว่าจ้างน้อง ๆ นักเรียนที่มีความขยันขันแข็งและรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เข้ามาเก็บขายหารายได้เป็นค่าขนมไปโรงเรียน อีกทั้งยังช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง ห่างไกลจากการเล่นเกมและยังทำให้เด็ก ๆ รู้จักพืชสมุนไพรชนิดนี้ จนสามารถบอกนักท่องเที่ยวได้ว่า ไม้เทพธาโรต้นไหนมีกลิ่นอะไร และมีสรรพคุณอย่างไร ซึ่งเด็ก ๆ จะมีรายได้ตั้งแต่คนละ 15-35 บาท แต่หากวันไหนมีเพื่อน ๆ มาเก็บน้อยเด็ก ๆ กลุ่มนี้ก็จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นเป็นเกือบ 60 บาทต่อวัน
ซึ่งสามารถเก็บได้ด้วยมือเปล่าหรือใช้ไม้เขี่ยหาบริเวณใต้โคนต้น โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ ช่วย ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกสนุกสนานเมื่อได้ตอบคำถามของนักท่องเที่ยวไปในตัว ซึ่ง ด.ญ ฐิตาภา บูรณ์ชนะ อายุ 11 ปีนักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านเขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรังกล่าวว่า พวกตนใช้เวลาว่างเที่ยงบ้าง เสาร์อาทิตย์บ้าง เวลาโรงเรียนปิดเข้าค่าย โดยจะขายได้ขวดละ 15 บาท มีรายได้สูงสุด 25 บาทต่อวัน ซึ่งผลเอาไปทำน้ำมันทาผิวได้ และเป็นรายจ่ายที่โรงเรียน ไปซื้อขนมแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง เดือนหนึ่งมีรายได้ประมาณ 300 บาท
ด้านนางมาลี แก้วละเอียด เจ้าของวังเทพธาโรกล่าวว่า ผลที่เด็ก ๆ เก็บมาขายนำไปสกัดทำสบู่ แชมพู ครีมทาผิวและอื่น ๆ โดยรับซื้อขวดละ 15 บาท ซึ่งมีทั้งให้เด็กเก็บใต้โคนต้นกับขึ้นไปเก็บบนต้น นำมาตากแดดและอบ ใช้อมแก้ไอ แก้เจ็บคอ แผลในปาก ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งผลจะมีมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายนของทุกปี
ภาพ/ข่าว ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดตรัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง