โจรสุดเหิม ทุบกระจกบุกเข้าไปขโมยของในบ้านกลางวันแสกๆ หลานเขยเจ้าของบ้านมาพบกระโดดเข้าปล้ำล็อกคอคนร้ายไว้แต่เอาไม่อยู่ คนร้ายจึงหลบหนีไปได้
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 15.00 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายขึ้นบ้านของนางสาวเบญญาภา ทองศรี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ที่ 8 ต.ทุ่งกุลา อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ในขณะที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ เนื่องจากเป็นข้าราชการต้องไปทำงานที่สำนักงานพัฒนาชุมชนที่อำเภอท่าตูม โดยคนร้ายได้ทุบกระจกหน้าต่างหลังบ้านบุกเข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน แต่โชคดีมีคนเห็นและพยายามจะจับตัว แต่คนร้ายอาศัยเป็นคนรู้ร่างใหญ่เลยดิ้นหลุด และได้อาศัยรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นPCX สีแดง ที่คนร้ายนำมาจอดคอยอยู่บริเวณข้างบ้านหลบหนีไป โดยไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไปด้วย
โดยนางล้อม ทองศรี อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นมารดาของเจ้าของบ้านได้เปิดเผยว่า เมื่อวานก่อนเกิดเหตุ ตนนั่งเล่นอยู่ในบ้านอีกหลังที่อยู่ไม่ห่างกัน ตอนนั้นได้ยินเสียงสุนัขพากันเห่าเสียงดังมาก ตนจึงวิ่งออกมาดูที่บ้านลูกสาวเพราะในบ้านไม่มีคนอยู่ ลูกสาวออกไปทำงาน ตอนแรกก็เห็นประตูหน้าบ้านปิดอยู่ แต่ไฟฟ้าเปิดสว่างทุกดวง จึงรีบไปดูที่บริเวณหลังบ้าน ก็พบว่าประตูหลังบ้านและหน้าต่างซึ่งเป็นกระจก ถูกทุบจนกระจกแตก เลยมองเข้าไปภายในบ้าน พบว่าไฟฟ้าทุกดวงเปิดสว่างแต่ยังมองไม่เห็นคน ตนก็มั่นใจเลยว่าจะต้องมีขโมยเข้าบ้านอย่างแน่นอน จึงได้รีบวิ่งมาบอกหลานเขยที่บ้านให้รีบไปดู จนกระทั่งพบคนร้าย 1 คน จึงเกิดการต่อสู้กอดปล้ำกันกับคนร้าย แต่คนร้ายอาศัยที่มีร่างกายที่ใหญ่กว่า จึงดิ้นหลุดหนีไปได้ โดยขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางอำเภอชุมพลบุรี จากนั้นตนก็ได้รีบโทรฯไปบอกลูกสาวตน และรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเพื่อจะได้ติดตามคนร้ายให้
ต่อมา ร.ต.อ.สยามรัตน์ ภูมี รอง สว. (สอบสวน) สภ.รัตนบุรี ก็ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเก็บหลักฐาน เพื่อที่จะได้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป และจากการสอบถามรูปพรรณคนร้ายซึ่งคาดว่าอายุน่าจะประมาณ 25 ปี สูงประมาณ 180 ซม. สวมเสื้อสีดำแขนสามส่วน กางเกงขาสั้น โดยนางสาวเบญญาภา ทองศรี เจ้าของบ้านได้เปิดเผยว่า ที่บ้านถูกขโมยขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ได้ทองคำหนัก 6 บาทกับเงินสดอีกหมื่นกว่าบาทไป พร้อมแท็บเล็ตอีก 1 เครื่อง จนทุกวันนี้ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ ครั้งนี้มาโดนอีกเป็นครั้งที่ 2 โชคดีที่แม่และน้องเขยมาเห็นก่อน คนร้ายเลยไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไป ไม่อย่างนั้นคงได้ทรัพย์สินไปอีกหลายอย่างแน่
ด้านนายวิชัย สุขล้อม อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ที่ 8 ต.ทุ่งกุลา อ.ท่าตูม ซึ่งเป็นน้องเขยของเจ้าของบ้าน และเป็นคนต่อสู้เพื่อที่จะจับตัวคนร้ายก็ได้เปิดเผยว่า ตอนนั้นตนอยู่ในบ้านอีกหลัง และได้ยินเสียงแม่ยายเรียกให้ไปช่วย โดยบอกว่ามีขโมยเข้าบ้านของพี่สะใภ้ ตนจึงได้รีบวิ่งไปดูพร้อมกับแม่ยาย โดยพบว่าประตูหน้าบ้านปิดอยู่ จึงได้เดินอ้อมมาดูที่บริเวณข้างบ้าน พบว่าหน้าต่างถูกเปิดออก และพบกับชายรูปร่างท้วมใหญ่ แม่ยายจึงได้ถามไปว่าเข้ามาทำไมในบ้าน ชายคนดังกล่าวก็ได้บอกว่ามาหาเพื่อน จึงถามออกไปอีกว่า มาหาเพื่อนทำไมต้องทุบกระจกเข้าไปในบ้าน และยังรื้อค้นของในบ้านด้วย ชายคนดังกล่าวก็ได้วิ่งหลบหนีไป ตนก็ได้วิ่งตามไปล็อกคอเอาไว้ แต่สู้แรงคนร้ายไม่ได้ คนร้ายจึงดิ้นหลุดวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ข้างบ้านหลบหนีไปทางอำเภอชุมพลบุรี โดยไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไป
พ.ต.อ.นคร ภู่รัตน์ ผกก.สภ.ท่าตูม อ.ท่าตูม ก็ได้กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ซึ่งก็ต้องใช้เวลา และก็อยากจะฝากเตือนไปยังชาวบ้านให้ระมัดระวังคนแปลกหน้าไว้ด้วย หากพบเห็นก็ให้ช่วยกันสังเกตพฤติกรรม และถ้าเป็นไปได้อยากจะให้ทุกบ้านที่มีทรัพย์สินเก็บไว้ในบ้านมากๆ ควรติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ ก็จะช่วยให้เจ้าหน้าสามารถติดตามหาตัวคนร้ายได้ง่ายขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนี้กล้องวงจรปิดก็ราคาไม่แพงมาก หากเทียบกับราคาทรัพย์สินของเรา ซึ่งคุ้มกว่าที่จะมาเสี่ยงแบบนี้
ภาพ/ข่าว สุทิศ บุญยืน – ชูชัย ดำรงสันติสุข จ.สุรินทร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง