กระซิบหู พญาเต่า ดลบันดาลพร

                วัดถ้ำผาแด่น อยู่ที่บ้านดงน้อย ต.ดงมะไฟ อ.เมือง จ.สกลนคร เป็นจุดหมายหนึ่งที่มีประชาชน และนักท่องเที่ยว จะต้องหาโอกาสขึ้นไปทำบุญ กราบพระขอพรเมื่อได้มาเยือนถิ่นสกลนคร ดินแดนแอ่งธรรมะ แต่การเดินทางขึ้นวัดไปต้องอาศัยรถโดยสารทางวัด จัดบริการให้ เพราะที่ตั้งของวัดอยู่บนเทือกเขาภูพาน มีพื้นที่จำกัดไม่มีที่จอดรถ เมื่อขึ้นไปก็สามารถไปทำบุญกราบไหว้หลวงพ่อผาแด่น พระประจำวันเกิด  หลวงปู่ทวดแกะสลักหินองค์ใหญ่ หินแกะสลักเรื่องราวสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตั้งแต่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน มีหินแกะสลัก พระเกจิอาจารย์สำคัญ อาทิ หลวงพ่อโต หลวงปู่ทวด หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น และอีกหลายรูป 

ภายในวัดยังมีการนำไม้มีค่าที่หาดูยาก ประเมินค่าไม้ได้ มาทำเป็นศาลาการปฏิบัติธรรม การจัดสวนป่าผาแด่น มีต้นไม้ ดอกไม้ น้ำตก บรรยากาศร่มรื่นและชุ่มชื้นด้วยสีเขียว  ยังมีมุมให้ถ่ายรูปชมทิวทัศนตัวเมืองสกลนคร แบบ 180 องศา  และร่วมทำบุญขอพรกับองค์พญาสัตตะนาคราช 7 เศียร และทำบุญโยนเหรียญบูชารอยพระพุทธบาทจำลอง  มีหินแกะสลักปะติมากรรมองค์เทพสี่เทพ หรือนักท่องเที่ยว ต้องหารอยากมีสุขภาพแข็งแรง ก็สามารถเดินขึ้นเขาไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทบนผาแด่น ระยะทาง 400 เมตร สองข้างทางเดินสามารถชมผาหิน สภาพป่าไม้ยังร่มรื่น  โดยการพัฒนาวัด มีความมุ่งหมายเพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมะ เพื่อดึงประชาชน และกลุ่มวัยรุ่น ให้เข้าวัดมากขึ้น อย่างน้อยที่สุดได้เข้ามาสัมผัสหลักธรรมคำสอน ผ่านปริศนาธรรม ที่มีอยู่ทั่วไปภายในวัด

และเมื่อปลายปี 2562 ทางวัดได้ทำพิธีบวงสรวงพญาเต่าผาแด่น มหาโพธิสัตว์ ให้ประชาชนได้มีโอกาสกราบสักการะขอพร ลักษณะรูปปั้นหันไปทางทิศเหนือ มีปีกสองข้าง บนหลังกระดองเต่ามีพระราหูทับอยู่ ด้านบนพระราหู มีองค์พระอินทร์นั่งอยู่ชั้นบนสุดด้วย  ในอดีตชาติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเคยเสวยชาติเป็นพญาเต่าเรือน มหาโพธิสัตว์ อันเป็นชาติหนึ่งที่ทำปรมัตถบารมี เสียสละเลือดเนื้อแก่ผู้ทุกข์ร้อน ได้บำเพ็ญเพียรอยู่ในเกาะร้างกลางมหาสมุทรนับพันปี และได้สละร่างกายตนเอง ช่วยเหลือผู้คนจำนวนมากให้รอดชีวิต และด้วยบุญบารมีนั้น จึงเกิดความเชื่อว่า อำนาจจากพญาเต่า เป็นเลิศทางด้านเมตตาคุณ ดลบันดาลเรื่องของสุขภาพ การค้าขาย และโชคลาภ นำความสุขความเจริญแก่ ผู้สักการะบูชา ห่างไกลเหตุทุกข์ร้อนทั้งปวง

สำหรับองค์พระราหู ที่เชื่อว่าได้รับโองการจากมหาเทพ คือ พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุนารายณ์ ให้ลงมาดูแลขจัดเคราะห์ ปลดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน การบูชาพระราหู คือ ให้คลายความสว่างให้กับชีวิต เพื่อให้เกิดปัญญาแก่ตัวเอง  ลักษณะของพระราหู คือ จะอมพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ครึ่งหนึ่ง และอีกลักษณะหนึ่ง เหมือนกำลังคลายพระอาทิตย์และพระจันทร์ออกมาได้ครึ่งหนึ่งเช่นเดียวกัน เป็นปริศนาธรรมสื่อว่า ช่วงหนึ่งหรือห้วงหนึ่งของชีวิตเรา หรือดวงชะตาของเรา ตกชะตาราหู คือ เข้าสู่ความดำ ความมืดมน มองไม่เห็นเส้นทาง มืดแปดด้าน พบปัญหาอุปสรรคต่างๆ มารุมเร้า หาทางออกไม่เจอ ขาดสติปัญญา การบูชาพระราหู จะช่วยคลายแสงสว่างให้แก่ชีวิต คลายภาวะ โอกาสต่างๆ ให้พบปัญญา พบผู้รู้ นักปราชญ์ กัลยาณมิตร คอยชี้แนะแนวทาง ไปยังถึงอีกฟากฝั่งหนึ่งให้เกิดปัญญา แก้ไขขจัดปัญหาต่างๆ ได้ พบแสงสว่างแห่งปัญญาในชีวิต

บรรยากาศหลังพิธีบูชาบวงสรวงองค์พญาเต่าผาแด่น มหาโพธิสัตว์  ก็มีประชาชนจำนวนมากได้นำธูปเทียน ดอกไม้ และบูชาฝ้ายมงคล ไปเกี่ยวโยงกับเส้นสายสิญจน์ที่โยงมาจากองค์พญาเต่า เพื่อให้ประชาชนส่งอธิฐานจิตไปขอพรพญาเต่าผาแด่นมหาโพธิสัตว์ หลังจากจุดดอกไม้ธูปเทียนเสร็จ ก็จะเห็นภาพนักท่องเที่ยว และประชาชน ขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ไม้ข้างๆพญาเต่า  และนิ่งอยู่สักครู่ ก็ลงมาด้วยรอยยิ้มทุกคน ซึ่งก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการขอพรจากพญาเต่า ด้วยการขึ้นขอพรแบบเงียบๆ และกระซิบที่ข้างหูพญาเต่า  ใครอยากจะขอพระอะไรก็ได้ หรือจะระบายความทุกข์อะไรก็ได้ ไม่มีใครได้ยิน มีแต่องค์พญาเต่าผาแด่น มหาโพธิสัตว์ จะคอยดลบันดาลและให้ทุกคนพบแต่สิ่งที่ดีตลอดไป ถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีโอกาสก็อยากให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตัวเอง