สาวชาวกูย จ.ศรีสะเกษ กว่า 500 คน รำบวงสรวงไหว้ปราสาท 3 องค์

 

 

                  เมื่อวันที่  8  ก.พ. 2563 ที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านปราสาท ต.ปราสาท อ.ห้วยทับทัน  จ.ศรีสะเกษ  นายพรชัย  วงศ์งาม  นายอำเภอห้วยทับทัน ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดงาน  “สืบสานตำนานพันปี ประเพณีไหว้พระธาตุ 15 ค่ำเดือน 3 บูชาพระอรหันต์ 1,250 องค์” ประจำปี 2563  ซึ่งกำหนดจัดงานนี้ขึ้นในระหว่างวันที่  7 - 8  ก.พ. 2563  โดยมี นายชยามร   บุญเต็ม  นายก อบต.ปราสาท เป็นผู้กล่าวรายงาน  และมี นายอาสพลธ์  สรรณ์ไตรภพ ส.ส.ศรีสะเกษ  เขต  7 พรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย ดร.กัลยาณี  ธรรมจารีย์  ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว  จ.ศรีสะเกษ  และนายกสมาคมเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน จ.ศรีสะเกษ นำข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน  ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนในเขต อ.ห้วยทับทัน ซึ่งส่วนมากเป็นชาวเผ่าส่วย  หรือกูย  ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เผ่าไทยศรีสะเกษ มาร่วมในพิธีเปิดงานเป็นจำนวนมาก  โดย ดร.กัลยาณี  ธรรมจารีย์  ได้ร่วมกับสาวและกลุ่มแม่บ้านชาวส่วย  หรือชาวกูยกว่า 500 คน รำบวงสรวงปราสาท 3 องค์ในครั้งนี้ด้วย

 

 

 

 

 

                           นายชยามร   บุญเต็ม  นายก อบต.ปราสาท กล่าวว่า  การจัดงานในครั้งนี้ มีกิจกรรมประกอบด้วย การรับฟังการแสดงพระธรรมเทศนาเนื่องในวันมาฆบูชา  ขบวนแห่พานไหว้พระธาตุ  ขบวนแห่ข้าวจี่ ขบวนต้นเงิน  การทอดผ้าป่าสามัคคีข้าวเปลือก   การแสดงศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น  และการเวียนเทียนจำนวน  1,250  เล่ม  เพื่อถวายพระอรหันต์ในวันมาฆบูชา เวลา  20.00  น.  และชมการแสดง แสง สี เสียง  วัฒนธรรมย้อนยุค  และที่เป็นส่วนสำคัญในการจัดกิจกรรมนี้คือ  สาวชาวกูยและกลุ่มแม่บ้านจำนวนกว่า 500 คน ได้ร่วมกันรำบวงสรวงปราสาทบ้านปราสาทหรือปราสาท 3 องค์อย่างสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตาเป็นอย่างยิ่ง  พระธาตุ  หรือปราสาทบ้านปราสาท  เป็นองค์ปราสาทสามยอด  ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงสี่เหลี่ยม  ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วซึ่งก่อด้วยศิลาแลง  สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในสมัยพระเจ้าสุริยะวรมันที่  1  ปราสาทบ้านปราสาทเป็นโบราณสถาน  ที่มีความสำคัญในทางพระพุทธศาสนา  ชาวตำบลปราสาทและพุทธศาสนิกชนทั่วไปเชื่อว่า  ปราสาท  3  องค์นี้  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง  เมื่อปี  พ.ศ.2551  กรมศิลปากรได้ทำการขุดสำรวจบริเวณปราสาทและหลุมขุดค้นบริเวณด้านหลังองค์ปราสาท  ในการขุดสำรวจได้พบหลักฐานทางโบราณคดีมากมาย เช่น เทวรูป  กำไลสำริด  ลูกปะคำสีส้ม  กระสุนดินปืน  เม็ดพลอย  โครงการกระดูกมนุษย์โบราณ  ที่มีอายุราว  15 ปี ก่อนสมัยประวัติศาสตร์ที่มีความลึก  7  เมตร  และทับหลังจำนวน  4  ชิ้น  ได้แก่  ทับหลังบุคลทรงโคนนทิ   ทับหลังหน้ากาลคล้ายท่อนพวงมาลัย   ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธิ์  และทับหลังกวนเกษียรสมุทร โดยเฉพาะทับหลังกวนเกษียรสมุทร  จะเหมือนกับทับหลังกวนเกษียรสมุทร ที่โคปุระ  ชั้นที่ 3 ของเขาพระวิหาร คือจะมีภาชนะคล้ายโอ่งน้ำอยู่บนหลังเต่า  จากการศึกษาและสำรวจของกรมศิลปากร  จะไม่ปรากฏพบทับหลังลักษณะนี้ในที่ใดมาก่อน  ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทย  ประเทศกัมพูชา  ประเทศลาว  แต่ได้มาพบที่ปราสาทแห่งนี้  ซึ่งกรมศิลปากรสันนิษฐานว่าผู้ที่สร้างปราสาทบ้านปราสาท  กับผู้ที่สร้างปราสาทเขาพระวิหารเป็นช่างสกุลเดียวกัน   ปัจจุบันโบราณวัตถุที่ขุดพบ  ถูกนำไปเก็บไว้ที่กรมศิลปากร ที่  11  จังหวัดอุบลราชธานี  เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีและเป็นการสักการะบรรพบุรุษ   ดังนั้นในวันเพ็ญขึ้น  15  ค่ำ  เดือน  3  ของทุกปี   ชาวตำบลปราสาทจึงร่วมกันจัดงานบุญประเพณีไหว้พระธาตุ  ประจำปี  2563  ดังนั้น  ในวันเพ็ญขึ้น  15  ค่ำ  เดือน  3  ของทุกปี   ชาวตำบลปราสาทจึงร่วมกันจัดงาน“สืบสานตำนานพันปี ประเพณีไหว้พระธาตุ 15 ค่ำเดือน 3 บูชาพระอรหันต์ 1,250 องค์” ประจำปี 2563  ขึ้น 

 

 

 

 

 

                     นายพรชัย  วงศ์งาม  นายอำเภอห้วยทับทัน กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ศิลป วัฒนธรรมและประเพณีในท้องถิ่น   เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของโบราณสถานแห่งนี้  เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้รับทราบว่าปราสาทบ้านปราสาทเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางอารยธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของ  จ.ศรีสะเกษ  เพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงของอำเภอห้วยทับทันและ  จ.ศรีสะเกษ  ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมทำบุญบำเพ็ญกุศล อันจะเป็นบ่อเกิดแห่งความรักความสามัคคีและความศรัทธา และเพื่อเป็นการทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป  ในโอกาสเดียวกัน ชาว ต.ปราสาท อ.ห้วยทับทัน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมแสดงความยินดีกับ นายอาสพลธ์  สรรณ์ไตรภพ ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ศรีสะเกษ เขต  7 พรรคภูมิใจไทย โดยได้มอบพวงมาลัยเป็นการแสดงความยินดีในครั้งนี้

 

 

ภาพ/ข่าว ศิริเกษ   หมายสุข  ผู้สื่อข่าว  จ.ศรีสะเกษ