คุมตัวทำแผนปลิดชีพโหด หวิดถูกรุมประชาทัณฑ์

                      เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเกิดเหตุฆาตกรรมโหดในพื้นที่ สภ.ปางสีดา อ.เมือง จ.สระแก้ว โดยหลานวัย 26 ปี ขอเงินลุงไปซื้อยาบ้าไม่ได้ คว้าจอบตีหัวแล้วใช้มีดฟันหน้าจนตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เมื่อช่วงบ่ายวันนี้(6 ก.พ.) โดยญาติของคนตายได้ปรี่เข้าไปต่อยผู้ต้องหาขณะทำแผนด้วย ทำให้เกิดความวุ่นวายระยะหนึ่ง ขณะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว นายนิคชารัณย์ ศรีพรหม อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้จอบทุบตี นายธวัช พูนเพิ่ม อายุ 68 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง จนเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม เมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริเวณบ้านเลขที่ 195 หมู่ 3 ตำบลโคกปี่ฆ้อง ก่อนจะลากศพใส่ผ้าใบสีดำไปทิ้งไว้ด้านหลังบ้าน 

 ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขอความร่วมมือกับครอบครัวของผู้ตายในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพให้อยู่ในความสงบ ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหามาทำแผน ตั้งแต่จุดที่มีการทุบตีผู้ตายบริเวณหลังบ้าน รวมไปถึงจุดที่ลากศพไปทิ้งยังบ่อขยะหลังบ้าน ห่างออกไปประมาณ 20-30 เมตร ซึ่งใช้เวลาทำแผนไม่ถึง 10 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจก็รีบนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถเพื่อเตรียมส่งศาลจังหวัดสระแก้วฝากขังภายในวันนี้

                    สำหรับศพของผู้ตาย ทางครอบครัวแจ้งว่า จะนำศพของนายธวัช พูนเพิ่ม ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ นำออกเดินทางจากสถาบันนิติวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คาดว่าจะถึงวัดโคกปี่ฆ้อง ช่วงเวลา 16.00 น.โดยญาติจะประกอบพิธีรดน้ำศพ และสวดพระอภิธรรมศพเป็นคืนแรก และมีกำหนดสวดพระอภิธรรมศพทุกคืน ที่ชั้นล่างศาลาการเปรียญวัดโคกปี่ฆ้อง อำเภอเมืองสระแก้ว เป็นเวลา 5 คืน และจะฌาปนกิจศพในวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์นี้

              ทางด้าน พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า คดีนี้กำลังเป็นที่สนใจต่อประชาชน เจ้าหน้าที่จึงต้องทำงานอย่างรัดกุม โดยเฉพาะการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่วนผู้ต้องหา ขณะนี้เบื้องต้น ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปางสีดาว่า มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ มีการขอเงินผู้ตายไปซื้อยาเสพติด ประกอบกับ ผู้ต้องหากับผู้ตายเกิดการทะเลาะวิวาทและมีการทำร้ายร่างกายกันก่อนหน้านี้แล้ว จนนำมาสู่เหตุฆาตกรรมดังกล่าว.

---------------------------------

ข่าวโดย/นายยุทธนา พึ่งน้อย ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว