ข่าว

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาลสั่งรื้อเสารั้วหมู่บ้านธารริน-บุกยื่น 13 ข้อสอบถาม,อุทธรณ์คัดด้านคำสั่งมิชอบ

 

 

                           ทต.โพธิ์เสด็จเมืองคอนไม่สนคำพิพากษาศาลสื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทนบุกเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จยื่น 13 ข้อสอบถามและอุทธรณ์คัดด้านคำสั่งรื้อเสารั้วหมู่บ้าน-ลั่นกว่า 20 ปีไม่เคยได้รับการดูแลใด ๆ ชาวบ้านรวมตัวทำกันเองควักเงินดูแลกันเอง -ชี้เจอกันที่ศาลปกครอง ปปช.,สตง. สำนักนายก ฯ

(5 ม.ค.) นายไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวอาวุโส อุปนายกและประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช   อาศัยอยู่บ้านเลขที่  80/2 หมู่บ้านธารริน หมู่ 8 ถนนเทวบุรี   ต.โพธิ์เสด็จ  อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นตัวแทนชาวบ้านหมู่บ้านธารรินเดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช คัดค้านและอุทธรณ์คำสั่งเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ กรณีติดป้ายคัตเฮาส์ขนาดใหญ่หน้าหมู่บ้านให้ชาวบ้านรื้อเสารั้วและสิ่งปลูกสร้างชั่วคราวอื่น ๆ เช่น โรงจอดรถชั่วคราว ศาลาไม้ไผ่ กระถางต้นไม้ ราวตากผ้า และอื่น ๆ ที่อยู่ริมถนนติดกับรั้วหน้าหมู่บ้านออกภายใน 15 วัน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านนายไพฑูรย์ อินทศิลา และผู้ที่อู่อาศัยในหมู่บ้านหลายครัวเรือน โดยได้แนบ เอกสารรายงานการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลลงวันที่ 15 ก.ย. 2559 และเอกการรายงานหัวหน้าศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเรื่องการปิดประกาศและบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครศรีธรรมราช  โดยเทศบาตำบลโพธิ์เสด็จได้ขึ้นป้ายคัดเฮาส์ประกาศให้รื้อเสารั้วและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ออกภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ติดประกาศวันที่ 22 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา

            นายไพฑูรย์ อินทศิลา เปิดเผยว่า หมู่บ้านธารริน หมู่ 8 ต.โพธิ์เสด็จ  อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นับเป็นหมู่บ้านที่แปลกที่สุดในประเทศไทยหรือในโลกก็ว่าได้ โดยเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราชประมาณ 1 กม.เศษ และตนและเข้าบ้านเข้ามาซื้อบ้านและอยู่อาศัยต่อเนื่องมา 22 ปี  ตั้งแต่ในละแวกใกล้เคียงยังเป็นป่าอยู่นอกเขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราชประมาณ 100 เมตร เดิมอยู่ในเขตปกครองของ อบต.โพธ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ในปัจจุบันยกฐานะเป็นเทศลาลตำบลโพธิ์เสด็จ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องไม่เคยสนใจดูแลเรื่องสิ่งสาธารณูปโภคแม้แต่น้อย ไฟฟ้าส่องสว่าง น้ำประปา คนในหมู่บ้านต้องรวบรวมเงินดำเนินการกันเอง  ค่าไฟฟ้าก็เก็บรวมรวมเงินจ่ายกันเอง และการจัดเก็บขยะได้รับการดูแลโดยเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช

            ในอดีตหมู่บ้านมีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของยาเสพติดและความไม่สงบเรียบร้อย ไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีโจรลักเล็กขโมยน้อย สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอย่างแสนสาหัส จนเป็นข่าวทางสื่อมวลชนอย่างครึกโครมต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช คิดแก้ปัญหาจึงเชิญสมาชิกในหมู่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (นายก อบต.โพธิ์เสด็จ) ผอ.โรงเรียน กำนันผู้ใหญ่บ้าน โต๊ะอิหม่าม เป็นต้นมาประชุมร่วมกัน ในที่ประชุมมีมติว่าเพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้นขอให้สมาชิกในหมู่บ้านทำรั้วลวดหนามกั้นบริเวณด้านหน้าหมู่บ้านให้เป็นสัดส่วนที่ชัดเจน โดยให้ทำรั้วในที่ดินส่วนที่เหลือริมถนนหน้าหมู่บ้าน และให้สร้างป้อมยามหน้าหมู่บ้าน และ จัดชุด อส.ตร.เทวบุรี ขึ้นมา โดยตนเป็นหัวหน้าชุดออกลาดตระเวนรักษาความสงบเรียบร้อยกันเอง ชาวบ้านลงขันกันได้เงินเกือบ 20,000 บาทสร้างรั้วหน้าหมู่บ้าน ส่วนการสร้างป้อมยามทางนายก อบต.โพธิ์เสด็จ และผู้ใหญ่บ้าน รับปากว่าจะให้การสนับสนุนช่วยเหลือเรื่องไม้ หิน หินปูน ทรายหรืออื่น ๆ ซึ่งชาวบ้านรวมรวมเงินสร้างรั้วจนสำเร็จ แต่ไม่มีศักยภาพเพียงพอในการสร้างป้อมยามสายตรวจ

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

 

                           “อย่างไรก็ตามในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมโจรผู้ราย และปัญหายาเสพติด ตนต้องทุ่มเทเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายต่อสู้กับสิ่งเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นอย่างดี จนสามารถกดดันจับกุมผู้ค้า ผู้เสพยาเสพติดในหมู่บ้านธารรินและหมู่บ้านข้างเคียงจนเป็นข่าวทางสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง จนสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมมาจนถึงปัจจุบันนี้”

            ต่อมานายทุนเอกชน เข้ามาซื้อที่ดินด้านในติดรั้วของหมู่บ้านธารรินและต้องการให้ชาวบ้านรื้อรั้วริมถนนหน้าหมู่บ้านออก ทั้ง ๆ ที่มีที่ดินของตัวเองเป็นทางเข้าออกอยู่แล้ว จนกลายเป็นกรณีพิพาทและนายทุนฟ้องร้องในศาลสั่งให้รื้อเสารั้ว เต้นท์ และกระถางต้นไม้ ต่อสู้คดีกัน  4 ปี ในที่สุดศาลจนศาลอุทธรณ์ตัดสินให้รื้อเฉพาะเต้นท์ และกระถางต้นไม้ออก ส่วนเสารั้วไม่ได้สั่งให้รื้อ ทางบังคับคดีและชาวบ้านได้ดำเนินการตามคำสั่งศาล  แต่นายทุนเอกชนกลับไม่ยอมรับคำสั่งศาล และได้นำกำลังชายฉกรรจ์พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือเข้ามาพยายามเข้ามารื้อรั้วทางทิศตะวันออก สามารถใช้กำลังรื้อเสารั้วลวดหนามออกนเสารั้วได้รับความเสียหายไปบางส่วน จนมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุ ตำรวจเรียกทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันโดยมอบหมายให้ตนซึ่งเป็น 1 ในผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านธารริน มาตั้งแต่ปี 2539 เป็นตัวแทนไปสอบถามความชัดเจนถึงขอบเขตคำพิพากษาไปยังศาลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวข้อง พร้อมตกลงกันที่ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชว่าหากทางศาลหรือบังคับคดียืนยันว่าไม่สามารถทำการรื้อรั้วออกได้ ทางเอกชนที่ใช้อำนาจรื้อรั้วโดยพละการจะกลับมาปรับปรุงซ่อมรั้วให้กลับมาเหมือนเดิม แต่หากบังคับคดีตีความขอบเขตตามคำพิพากษาศาลว่าให้รื้อเสารั้วลวดหนามออกด้วย กระผมและชาวบ้านจะยินยอมให้รื้อตามที่ศาลหรือบังคับคดีตีความคำพิพากษา

            “ทางสำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นัดทั้งสองฝ่ายไปพบและชี้แจงในเวลา 13.00 น.วันที่ 15 ก.ย.2559 และทางบังคับคดี ได้ชี้แจงให้ทั้งสองฝ่ายทราบว่าไม่สามารถบังคับคดีนอกเหนือไปจากคำพิพากษาศาลได้  ซึ่งศาลพิพากษาให้รื้อกระถางต้นไม้ เต้นท์จอดรถ และสิ่งปลูกสร้างชั่วคราวอื่น ๆ หลังคำพิพากษาทางสำนักงานบังคับคดีได้เข้าไปตรวจสอบพร้อมกับฝ่ายโจทก์พบว่าฝ่ายจำเลยได้รื้อตามคำพิพากษาออกไปเรียบร้อยแล้ว และทางสำนักงานบังคับคดีได้ทำหนังสือรายงานการบังคับคดีให้ทางผู้พิพากษาหัวหน้าศาลทราบแล้วและทั้งสองฝ่ายได้เซ็นชื่อรับทราบไว้เป็นลายลักษณ์อักษร อย่างไรก็ตามนายทุนคนเดิมก็เบี้ยวไม่ยอมมาดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมเสาและรั้วหมู่บ้านธารรินที่รื้อเสียหายตามสัญญาที่ตกลงกับพนักงานสอบสวน  สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2559 เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ ได้นำแผ่นป้ายขนาดใหญ่มาติดบริเวณรั้วหมู่บ้าน ให้ทำการรื้อรั้วออกภายใน 30 วัน นอกจากนี้ยังร้องเรียนฝ่ายปกครอง ศูนย์ดำรงธรรม ผู้ใหญ่บ้าน  จนเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายที่ได้รับการร้องเรียนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งผมและชาวบ้านได้นำเอกสารการบังคับคดีไปชี้แจงจนทุกฝ่ายเข้าใจไม่มีใครหน่วยงานไหนกล้าดำเนินการนอกเหนือคำสั่งศาล  เมื่อกำหนดเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เข้ามาดำเนินการรื้อรั้วออกตามที่ประกาศแต่อย่างใด”

            จนเวลาล่วงเลยมากว่า 3 ปีจนกระทั้งเมื่อเวลา 11.30 .วันที่ 23 ม.ค. 2563 ได้มีเจ้าหน้าที่มาปิดป้ายประกาศเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จหน้ารั้วหมู่บ้านธารรินอีกครั้งให้ทำการรื้อถอนเสารั้วและสิ่งปลูกสร้างในแนวรั้วหน้าบ้านทุกหลังออกภายใน 15 วัน หลังจากนั้นทางเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งจะครบกำหนด 15 วันในวันนี้ 5  ก.พ. 2563  กระผมและชาวบ้านเห็นว่าการปิดประกาศดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครองของเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จที่มิชอบด้วยกฎหมาย  จึงมายื่นหนังสือคัดค้านและอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองดังกล่าว และหลังจากนี้จะเข้ายื่นฟ้องศาลปกครอง และร้องเรียน ปปช.และสตง. ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราชสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

 

              ผู้สื่อข่าวอาวุโส หัวหน้าศูนย์ข่าวนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตลอดชีวิตการทำหน้าที่สื่อมวลชนได้เป็นคัวแทนในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม ช่วยเหลือชาวบ้านมาตลอด แต่เมื่อมาโดนเขากับตัวเองต้องตั้งสติทบทวน และเห็นว่าผลกระทบและความเดือดร้อนส่วนตัวยังพอรับได้ แต่กรณีนี้มีชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันอีกหลายครอบครัวพลอยเดือดร้อนไปด้วย จึงตัดสินใจลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องความถูกต้องเป็นธรรม สำหรับประเด็นที่ตนยื่นคัดค้านและอุทธรณ์คำสั่งคัดค้านป้ายประกาศที่เชื่อว่าไม่ชอบด้วยข้อกฎหมายในครั้งนี้จำนวน 13 ข้อ โดยสรุปและขอให้เทศบาล ฯเร่งรีบในการพิจารณาคำร้องคัดค้านและอุทธรณ์คำสั่ง โดยการตรวจสอบขอบเขตคำพิพากษากับสำนักงานลังคับคดีให้ชัดเจนและเร่งยกเลิกคำสั่งรื้อป้ายคัดเฮาส์ประกาศของเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ ที่ติดหน้าหมู่บ้านออกทันที พร้อมแจ้งให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร  ก่อนจะเดินหน้ายื่นฟ้องศาลปกครอง และ ปปช.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

            “และในฐานะประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช และเป็นสื่อมวลชนในพื้นที่ เห็นว่าผู้บริหารเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ มีความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลตรวจสอบไม่ให้ประชาชนในพื้นที่ทำผิดกฎระเบียบเกี่ยวกับการปลูกสร้างรุกล้ำที่สาธารณะ ที่มีอยู่จำนวนมากในเขตเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ ก็ให้ตรวจสอบดำเนินการให้ถูกต้องทั้งหมด ในฐานะสื่อมวลชนและประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช จะติดตามรวบรวมพยานหลักฐานร้องเรียนและนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการส่งเสริมผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีวิสัยทัศน์และนโยบายในการปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด เป็นตัวอย่างที่ดีให้ผู้บริหารและข้าราชการคนอื่น ๆ ได้ยึดถือเป็นเยี่ยงอย่างต่อไป และขอให้ผู้บริหาร ฯพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จชี้แจงกรณีที่มีผู้ส่งภาพ/คลิป และข้อมูลที่ส่อถึงการทุจริตประพฤติมิชอบของผู้บริหารบางคนในเทศบาล ฯซึ่งถูกเผยแพร่ทางโลกโซเชี่ยลกรณีการนำเครื่องจักรกลหนักของเทศบาลโพธิ์เสด็จไปใช้ส่วนตัวในบ้านของผู้บริหารบางท่าน และไปใช้รับจ้างทำธุรกิจรับเหมา ซึ่งไม่ใช่เป็นภาระกิจตามหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ทราบว่าทาง ปปช.รับเรื่องไปตรวจสอบอยู่ในขณะนี้ โดยตนจะมีการติดตามข้อมูลตามที่เผยแพร่ทางโลกโซเชี่ยล และความคืบหน้าจาก ปปช. เพื่อรวบรวมนำเสนอข้อเท็จจริงต่อสาธารณะชนตามลำดับต่อไป” นายไพฑูรย์ กล่าวในที่สุด.

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

 

สื่ออาวุโสเมืองคอนสุดทน ทต.โพธิ์เสด็จไม่สนคำพิพากษาศาล

ภาพ/คลิป /ข้อความข่าว/ ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช

ยุทธนะ เตมะศิริ นครศรีธรรมราช/รายงาน

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ