คัดค้านสร้างสะพานข้ามแยกวังสารภี ร้องขอสร้างอุโมงค์ทางลอด

                         5 ก.พ.2563 ที่ร้านแบล็ค ริสเทร็ดโต้ บ้านวังสารภี หมู่ 4 ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุนายจรันต์ ยิ่งภิญโญ สจ.กาญจนบุรี เขต 3 พร้อมด้วยนายประสาน นิยมทรัพย์ สจ.กาญจนบุรี เขต 1นายปราโมทย์ อุ่นจิตสกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากแพรก นายสมบัติ จิตรธรรม เลขานายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากแพรก และนายณัฎฐพล ภู่ทองชิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เรื่อง คัดค้านการสร้างสะพานยกระดับข้ามสี่แยกวังสารภีตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ทางหลวงหมายเลข 324 และหมายเลข 367หลังทางหลวงทุ่มงบ 450 ล้านบาทเพื่อก่อสร้าง แต่ทั้งนี้ยังไม่ผ่านประชาคมเนื่องจากประชาชนในพื้นที่เรียกร้องขอให้สร้างอุโมงค์ทางลอดแทน

               ล่าสุดนายจรันต์ ยิ่งภิญโญ สจ.กาญจนบุรี เขต 3 กล่าวว่าจากกรณีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 กรมทางหลวงได้ทำประชาคมที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลปากแพรก เรื่องการสร้างสะพานข้ามแยกวังสารภี จุดตัดระหว่างถนนสาย 324 และ 367 จากการที่ทางหลวงประสานกับเทศบาลตำบลปากแพรก ให้ทำประชาคม เนื่องจากว่าในการก่อสร้างสะพานที่จะมาถึง ได้ใช้งบประมาณปี 2563 จำนวน 450 ล้าน บาท แต่ว่าการก่อสร้างนั้น ได้ออกแบบไปเรียบร้อยแล้ว แต่ที่สำคัญที่สุดสำหรับการสร้างสะพานนั้น ไม่เคยผ่านการประชาคม จากผู้นำท้องถิ่นในเขตเทศบาลตำบลปากแพรก ซึ่งเป็นแม่งานเป็นเจ้าของพื้นที่ ไม่เคยได้รับรู้ถึงการได้งบประมาณในครั้งนี้ และสำคัญที่สุดประชาชน ในท้องที่แยกวังสารภี ทุกคนไม่เคยรับรู้เลย ว่าจะมีการสะพานนี้ขึ้นตรงบริเวณแห่งนี้จังหวัดกาญจนบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของภาคตะวันตก และสี่แยกวังสารภีเป็นจุดตัด สำคัญที่สุดในการที่จะเข้าเมือง และจะไปแหล่งท่องเที่ยว ทางด้านอำเภอไทรโยค อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ หรือจังหวัดอื่นๆ รถผ่านตรงบริเวณจุดตัดนี้ประมาณวันละ 20,000 กว่าคัน ที่ได้ทำวิจารณ์กันมา แต่กรมทางหลวง ได้ออกแบบในการก่อสร้างสะพาน เป็นที่เรียบร้อยและจะทำการสร้างอยู่แล้ว แต่มีปัญหาตรงที่ยังไม่ผ่านการประชาคม หรทอดารประขาสัมพันธ์ให้กับชาวบ้านได้รับรู้

                  และเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 กรมทางหลวง พร้อมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบ จัดประชาคมที่เทศบาลตำบลปากแพรกมีชาวบ้านเข้าร่วมประชุมไม่มากนักเนื่องจากไม่เคยรับรู้ ไม่มีการประชาสัมพันธ์ แต่พวกผมพร้อมทั้งสจ.และนายกเทศมนตรีตำบลปากแพรก ผู้นำท้องถิ่นของตำบลปากแพรก เข้าร่วมประชุมและได้มีการถกเถียง งบประมาณ เนื่องจากชาวบ้านเล็งเห็นว่า การสร้างสะพานข้ามเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไปแล้ว เราต้องการที่จะสร้างอุโมงค์ เป็นทางลอดเพื่อที่ต้องการให้ด้านบนของแยกวังสารภีนั้น ชาวบ้านในพื้นที่บริเวณด้านข้างได้ค้าขายทำมาหากิน ได้รับผลประโยชน์ไม่มีผลกระทบในอนาคตข้างหน้า เนื่องจากการสร้างสะพานข้ามแยกนั้นพื้นที่ข้างล่างจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ซึ่งก็มีชาวบ้านจากบริเวณแยกวังสารภี มาร่วมประชาคม และทุกท่านลงความเห็นว่า ขอให้ยุติการสร้างสะพานข้ามแยกให้เป็นการสร้างอุโมงค์แทน แต่กรมทางหลวงก็แจ้งว่าการจะสร้างอุโมงค์ มีอุปสรรคเยอะเนื่องจากว่า ทั้งระบบน้ำ ทั้งระบบด้านล่าง เป็นหินดาดหรือเปล่า ก็ไม่สามารถทราบได้เพราะเป็นเรื่องของอนาคต แต่สำหรับทางเราก็ยังยืนยัน วัตถุประสงค์เดิมคือว่า ต้องการให้สร้างอุโมงค์ แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดคืองบประมาณได้อนุมัติลงมาแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือความต้องการของประชาชน ต้องการให้ตรงนี้มีการเปลี่ยนแปลงแต่ทางกรมหลวง ได้ออกแบบไปเรียบร้อยโดยไม่ผ่านประชาคม คือปัญหาที่จะเกิดขึ้น  เพราะตรงจุดแยกวังสี่แยกวังสารภีนี้ หากมีการก่อสร้างสะพานข้ามแยกจะทำให้ภูมิทัศน์ตรงนี้เสียหาย แต่จากการทำประชาคม เมื่อวานที่ผ่านมากรมทางหลวงก็ยังยืนยันที่จะทำการก่อสร้าง

              ดังนั้นผมและผู้นำท้องถิ่น ทุกๆท่านที่มาในวันนี้ ไม่เห็นด้วย เพราะการประชาคมเมื่อวานนี้ไม่มีข้อสรุป ผมและผู้นำท้องถิ่นที่มาในวันนี้ขอชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า การทำประชาคมไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ถึงแม้ทางกรมหลวงจะสร้าง แต่เราก็จะคัดค้านจนถึงที่สุด เพราะว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เชิดหน้าชูตาจังหวัดกาญจนบุรี แยกวังสารภีเป็นแยกที่ใหญ่ที่สุดงบประมาณที่ได้มาเราเห็นแล้วว่า สมควรที่จะสร้างอะไรก็แล้วแต่ ให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวจังหวัดกาญจนบุรี สจ.จรันต์กล่าว

             ด้านนายปราโมทย์ อุ่นจิตสกุลนายกเทศมนตรีตำบลปากแพรกกล่าวเพิ่มเติมว่า หลักในการสำรวจทำงบประมาณ ใดก็ตามจะต้องมีการประชาคม จะมีการสำรวจออกแบบก่อนว่าประชาชน ในพื้นที่ต้องการอะไรเสียก่อน ถึงค่อยดำเนินการสำรวจออกแบบ มันก็จะไม่เกิดปัญหากรมทางหลวง ควรจะมีการสำรวจกับประชาชนในพื้นที่ แล้วจะต้องทำความเข้าใจ ในการก่อสร้างอะไรก็ตาม ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่ ประโยชน์ของนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชน แล้วก็สร้างความเจริญให้กับท้องถิ่นนั้น

วุฒิเดช ก้อนทองคำ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ. กาญจนบุรี