แม่น้ำมูลแล้งวิกฤติหนักสุดในรอบ 50 ปี ทำให้ผู้เลี้ยงปลาในกระชังขาดทุนยับนับล้าน ในขณะที่ยังมีการสูบน้ำทำนาปรัง วอนรัฐจัดสร้างเขื่อนยางกั้นน้ำไว้ใช้
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้แหล่งน้ำหลายแห่งมีระดับปริมาณน้ำลดน้อยลง อย่างเช่นที่ลำน้ำมูลซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคในหลายอำเภอ เริ่มจากที่ อ.ชุมพลบุรี ผ่านมาที่ อ.ท่าตูม และอำเภอรัตนบุรี ซึ่งในขณะนี้มีปริมาณน้ำที่ลดน้อยลงเป็นอย่างมาก ทำให้ปีนี้เกิดภัยแล้งวิกฤติที่สุด ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำมูลบอกว่า ไม่เคยเกิดขึ้นแบบนี้มาก่อนในรอบ 50 ปี ทำให้หลายอาชีพต้องได้รับผลกระทบอย่างหนัก อย่างเช่นผู้เลี้ยงปลากระชัง ที่ ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ต้องหยุดเลี้ยงปลา บางรายต้องรีบขายก่อนที่ปลาจะตายเพราะไม่มีน้ำ จนขาดทุนไปหลายรายนับล้านบาท
ซึ่งในวันนี้ผู้สื่อข่าวก็ได้ออกเดินทางตระเวนดูสถานการณ์น้ำตามลำน้ำมูล โดยได้พบกับ นายปิ่นแก้ว จันทรา อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ที่ 8 ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นผู้ที่เลี้ยงปลากระชังในลำน้ำมูลรายหนึ่ง ได้เปิดเผยว่า ตนมีกระชังปลาทั้งหมด 100 กระชัง เลี้ยงปลากระชังในล้ำน้ำมูลมากว่า 10 ปีแล้ว วันนี้ต้องรีบมาเอาปลาขึ้นจากกระชังให้หมดก่อนที่ปลาจะตาย เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำมูลเริ่มมีระดับต่ำลงอย่างรวดเร็ว เพราะปีนี้ฝนตกน้อยมาก ทำให้น้ำในแม่น้ำมูลมีน้อยกว่าทุกปี อีกทั้งยังมีเขื่อนยางที่กั้นน้ำมูลไว้ที่ต้นน้ำด้วย เลยทำให้ไม่มีน้ำไหลลงมา ซึ่งหากเป็นอยู่อย่างนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าต่อไปจะเลี้ยงปลาในกระชังได้อีกหรือไม่ จึงอยากจะวอนขอให้หน่วยงานรัฐ ได้ช่วยเหลือในการมาทำเขื่อนหรือฝายชะลอน้ำให้หน่อย จะได้ช่วยให้ชาวบ้านมีน้ำไว้ใช้กันในหน้าแล้งตลอดปี ซึ่งในทุกๆปีที่ผ่านมาก็ยังพอมีน้ำใช้ แต่ว่าปีนี้หนักสุดในรอบ 40 – 50 ปี ที่เคยเห็นมา
“สำหรับปลาที่จับขึ้นในวันนี้ ส่วนหนึ่งก็จะนำไปขาย ซึ่งก็ไม่ได้ราคามากนัก เพราะปลายังไม่ได้ขนาด แต่ก็ต้องตัดใจขายเพื่อลดต้นทุน ส่วนที่เหลือก็จะนำไปปล่อยเลี้ยงไว้ในบ่อที่บ้าน รอจนปลาได้ขนาดจึงจะนำออกมาขายอีกครั้ง ซึ่งในตอนนี้ผมก็ขาดทุนไปแล้วนับล้านบาท จากวิกฤติน้ำมูลในครั้งนี้ ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องดูอีกทีว่าจะสามารถเลี้ยงต่อได้อีกหรือไม่ หากสถานการณ์น้ำมูลยังเป็นอย่างนี้อยู่” นายปิ่นแก้ว จันทรา กล่าว
จากนั้นผู้สื่อก็ได้เดินทางสำรวจต่อไป โดยขึ้นไปทางต้นน้ำที่จะลงมาถึงจุดที่เลี้ยงปลากระชัง ก็พบว่ามีโรงสูบน้ำด้วยพลังไฟฟ้า ตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ และยังมีการตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดเล็กของชาวบ้าน เพื่อที่จะสูบน้ำจากลำน้ำมูลไปใช้ทางการเกษตร นั่นก็คือการทำนาปรังของเกษตรกรในพื้นที่บ้านท่าลาด ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี ในขณะที่ลำน้ำมูลบริเวณนั้นก็ปรากฏว่ามีสันดอนทรายปรากฏขึ้นมามากมายหลายจุด บางจุดเป็นสันดอนขนาดใหญ่ปิดทางน้ำจนสามารถเดินข้ามฝั่งได้ ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมากมายหลายจุดตลอดลำน้ำมูล
และถัดลงมาที่บ้านปราสาท ต.ท่าตูม อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ บริเวณสะพานท้าวโสวัต นางบัวตูม (ท่าตูม-พรมเทพ) ระดับน้ำในแม่น้ำมูลก็ลดระดับลงเช่นกัน จนเกิดเป็นสันดอนทรายขึ้นที่กลางลำน้ำมูลจนปิดทางน้ำเป็นพื้นที่กว้างจนรถยนต์สามารถวิ่งข้ามไปได้ ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 63 ที่ผ่านมา นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า, นายสมชาย สุมนัสขจรกุล รองอธิบดีกรมเจ้าท่าด้านวิชาการ, นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่าด้านปฏิการ, นายกริชเพชร ชัยช่วย รองอธิบดีกรมเจ้าท่าด้านความปลอดภัย พร้อมด้วยนางวิมลมาน สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานครราชสีมา ก็ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาภัยแล้งจากชาวบ้านม่วงมูล หมู่ 8-หมู่ 9 ต.หนองบัว อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เพื่อติดตามสถานการณ์กรณีที่แม่น้ำมูลบริเวณหมู่บ้านดังกล่าว มีสันดอนทรายเกิดขึ้นมากจนทำให้แม่น้ำมูลมีการตื้นเขินทำให้น้ำไม่ไหลผ่าน โดยตัวแทนชาวบ้านได้ยื่นเรื่องเสนอให้มีการสร้างเขื่อนหรือฝายน้ำล้นบริเวณบ้านม่วงมูล เพื่อที่จะได้กักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในหน้าแล้ง เพื่อที่จะได้ไม่ขาดแคลนน้ำอีกต่อไป โดยนาย วิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า ก็ได้รับเรื่องเพื่อที่จะนำไปพิจารณาดำเนินการต่อไปแล้ว ซึ่งจากนี้ไปก็ต้องรอดูว่า วิกฤติลำน้ำมูลจะได้รับการแก้ไขปัญหาไปในแนวทางไหน เพื่อที่จะได้ต่อลมหายใจให้กับหลายชีวิตที่ต้องอาศัยลำน้ำมูลสายนี้หล่อเลี้ยงชีวิตต่อไปอีกนานแสนนาน
ภาพ/ข่าว ชูชัย ดำรงสันติสุข – สุทิศ บุญยืน จ.สุรินทร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง