หิมะดำปลิวฟุ้งทั่วเมืองตำรวจฮึ่มใช้กฏหมายเอาผิดขนส่ง-อาญา

                     วันที่ 23 ม.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานชาวบ้านในพื้นที่เทศบาลตำบลท่าพระ อ.เมืองขอนแก่น ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากเถ้าจากการเผาไร่อ้อยปลิวคลุ้งเข้ามา ทั้งกระจายตามพื้นถนน หลังคาบ้าน ปลิวเข้าบ้าน จำนวนมาก และเป็นเศษเถ้าที่มีขนาดใหญ่เห็นชัดว่าเป็นชิ้นส่วนของใบอ้อย ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องการให้ทางการเข้ามาดูแลและควบคุมเพราะเดือดร้อนมาก ทั้งที่ในพื้นที่ไม่มีการเพาะปลูกอ้อยแต่เชื่อว่าเป็นการเผาอ้อยของพื้นที่ใกล้เคียง

            นายพิสุทธิ์ อนุตรอังกูร นายกเทศมนตรีตำบลท่าพระ บอกว่า ในพื้นที่เทศบาลตำบลท่าพระ เป็นพื้นที่เกษตรกรรมน้อยมาก แต่พื้นที่ข้างเคียง ซึ่งรอยต่อไปทางถนนมิตรภาพ มีเทศบาลบ้านแฮด ออกไปทางโกสุมมีตำบลดอนหัน ซึ่งมีพื้นที่ปลูกอ้อย เมื่อมีการเผาอ้อยก็จะเกิดเถ้าฟุ้งกระจายตามลมพัดเข้ามาในพื้นที่เทศบาลตำบลท่าพระ โดยเฉพาะช่วงนี้ชาวบ้านได้รับผลกระทบ ตื่นเช้าจะเห็นเศษขี้เถ้าจากอ้อยบนพื้นถนน ตามหลังคา ติดตามเสื้อผ้าที่ตากไว้ ได้รับการร้องเรียนเข้ามา ซึ่งต้นตอไม่ได้มาจากเรา ก็ต้องขอความอนุเคราะห์จากพื้นที่ใกล้เคียง และขอให้ทางโรงงานที่รับซื้ออ้อยได้ออกมาตรการเพื่อควบคุมการเผาอ้อยอย่างจริงจัง เพราะเดือดร้อนมากในขณะนี้ เพราะนอกจากค่าฝุ่นทั่วไปแล้วขณะนี้ค่าฝุ่น พีเอ็ม 2.5 ในพื้นที่ท่าพระพุ่งขึ้นสูงมาก เครื่องวัดที่ติดตั้งในเทศบาลวัดได้ มากกว่า 60 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรแล้วและมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยจนกระทบต่อสุขภาพได้

                       นอกจากความเดือดร้อนของชาวบ้านแล้ว เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจร นอกจากจะเจอกับควันรถแล้ว ยังต้องเจอกับฝุ่นเถ้าที่ปลิวมาด้วยเช่นกัน โดย ร.ต.อ.จิตภาคิน พันธ์เชื้อ สารวัตรสืบสวน สภ.อุบลรัตน์ ปฏิบัติราชการ สภ.ท่าพระ บอกว่า ตั้งแต่เช้าวันนี้มีเถ้าปลิวเข้ามามากผิดปกติ โดยเฉพาะตามพื้นเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าน่าจะเป็นเถ้าจากการเผาอ้อย ซึ่งผมและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านจราจรที่ตั้งจุดตรวจ ได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ใช้ผ้าปิดจมูกเพื่อป้องกันฝุ่นทั้งจากท่อไอเสียรถยนต์และจากการเผาไหม้ ทั้งนี้ในพื้นที่ยังไม่ได้รับแจ้งว่ามีการเผาอ้อยจึงได้มีการตรวจสอบว่าเผาในพื้นที่ใดซึ่งคาดว่าเกิดจากพื้นที่ใกล้เคียงเทศบาลตำบลท่าพระ

                  ด้านพล.ต.ต.สุภากรณ์ คำสิงห์นอก รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า  ในส่วนของตำรวจภูภาค 4 ได้มีหนังสือคำสั่งให้มีการบังคับการใช้มาตรการทางกฎหมายหากพบมีการกระทำผิด ทั้งเรื่องของสิ่งแวดล้อม ขนส่งและอาญา ซึ่งจนถึงขณะนี้ในภาค 4 ยังไม่พบผู้กระทำผิดหรือมีการแจ้งเข้ามาแต่อย่างใด ทั้งนี้โดยรวมแล้วพีเอ็ม 2.5 ก็ไม่ได้เกิดจากการเผาอ้อยเท่านั้นแต่มีปัจจัยอื่นด้วย เพียงแต่ว่าช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวอ้อย ทำให้เกิดผลกระทบไม่น้อย ซึ่งหลายส่วนงานได้ร่วมกันเพื่อหามาตรการป้องกันและแก้ไข

โดยตำรวจเกี่ยวข้องในการรักษากฎหมาย มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่สามารถดำเนินการได้คือ สิ่งแวดล้อมที่มีทั้ง พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ร.บ.ความสะอาด พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม การบรรเทาสาธารณภัย ก็มีการกำหนดบทลงโทษความผิด กฎหมายเกี่ยวกับการขนส่ง การจราจร เผาข้างทาง ที่สามารถนำมาใช้ควบคุมป้องปรามได้ ตำรวจสามารถดำเนินการได้เมื่อพบกระทำผิด และหน้าที่ตำรวจโดยตรงคือ กฎหมายอาญา การเผาอ้อยก็เป็นการวางเพลิงได้ เพราะถ้ามีการลุกลามทำให้ทรัพย์คนอื่นเสียหาย ซึ่งทางตำรวจได้มีการกำชับและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง

ข่าว จิติมา จันพรม ภาพโดย ธนรรพร อุ่มเกต