ชาวบ้านตัดพ้อหลังมีคนเผาป่าอ้อย จนเกิดควันลอยเต็มฟ้า

 

 

               วันที่ 23 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์รูปภาพพร้อม “ทำกันขนาดนี้ ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเรา ไม่มีใครทำอะไรได้เลยหรอคะ” ภาพในโพสต์เป็นภาพคนหลายคนกำลังช่วยกันควบคุมไฟที่กำลังไหม้ลามหญ้าแห้งข้างถนน มองลึกเข้าไปจะเห็นไฟกำลังลุกไหม้ป่าอ้อย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นติดกับถนนสาย น้ำร้อน – วิเชียรบุรี เป็นเส้นทางจากตัวอำเภอไปยังตำบลน้ำร้อน ไม่ห่างจากที่ตั้งสำนักงานองค์การบริหารท้องถิ่นแห่งหนึ่งและคาดว่าสามารถมองเห็นได้ อีกทั้งภาพแสดงให้เห็นว่ามีคนจุดไฟชัดเจน แต่ที่น่าสนใจ คือ ทำไมไม่มีใครแจ้งตำรวจ ทำไมไม่มีใครจับกุมตามกฎหมาย หรือว่ากฎหมายดังกล่าวยกเว้นสำหรับพื้นที่นี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                   หลายคนแสดงความคิดเห็นผ่านกระทู้ดังกล่าว เช่น ใช้รถตัดก็ต้องเผาถ้าคุณไม่เก็บใบอ้อย. แต่ความรุนแรงของไฟมันจะต่างกันนะครับ ,ถ้าคุณแพ้อากาศอย่างหนัก อยู่ไม่ได้ หายใจแล้วเจ็บหน้าอก ต้องพ่นยาตลอด ออกมาข้างนอก ผื่นก็ขึ้น คันทั้งตัว มีอาการแสบตา แสบจมูก เช้าขึ้นมา คุณมีน้ำมูกปนเลือด แล้วคุณจะเข้าใจคนอื่นค่ะ ,หลานตัวเล็กๆ ยิ่งน่าสงสาร ไอตลอด น้ำตาไหล ยังไม่พอนะคะ ฝุ่นตัวนี้ มันเล็กมาก และปนเปื้อนยาฆ่าแมลง มันสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้ทันที สิ่งที่ส่งผลต่อเด็กเล็กคือ ทำให้สมองพัฒนาช้า และระบบ ตับไต ทำงานหนักเกินร่างกายของเด็กจะรับได้ค่ะ เพราะตับไต มีหน้าที่ทำความสะอาดของเสียจากเลือด ดังนั้น เด็กมีโอกาสตับและไตเสื่อมก่อนวัย และผลที่ตามมาจาก การเผา 2-3 เดือนต่อปีของคุณคือ ภาวะเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนขึ้น ดังนั้นไม่แปลกค่ะที่หน้าร้อนบ้านเราจะร้อนแบบโหดสุดๆ เพราะชั้นบรรยากาศบ้านเรา มันหนาจนความร้อนระบายไม่ได้ ,ไว้มาเป็นผู้โดนผลกระทบแล้วจะเข้าใจ เขม่าอ้อยสร้างผลกระทบอะไรบ้าง ปลิวเข้าบ้าน โดนเสื้อผ้า เป็นภูมิแพ้ เด็กเล็กหอบไอ มันเผาแค่ช่วงสั้นๆแต่ ,ไร้จิตสำนึก เห็นแก่ตัว มักง่าย อย่ามาอ้างว่าจำเป็น นี่คือความเห็นแก่ได้น่าละอายที่สุด หลายๆ ความคิดเห็นขอความเห็นใจ หลายๆ คนพยายามอธิบายถึงโทษของการเผา อันตรายจาก PM 2.5 รวมทั้งผลกระทบที่ตนเองได้รับ ไม่รู้ว่าเสียงเหล่านี้จะดังไปได้ขนาดไหน จะสามารถทะลุม่านที่บังตาของผู้มีอำนาจหน้าที่ได้หรือไม่ เป็นอีกวันที่ต้องนำเสนอข่าว เพื่อให้ผู้ที่รับผิดชอบกรุณารับฟังและแก้ไข หรือลุกมาป้องกันประชาชนของท่านจากฝุ่นพิษและเม่าควันด้วยเถิด

 

 

 

 

 

 

                     ล่าสุดมีเอกสารเผยแพร่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ ระบุค่า PM 2.5 ที่อำเภอวิเชียรบุรีวัดได้ 140.50 ug/m3 ซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประชาชนทั่วไป : ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ : ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ เช่น ไอ หายใจลำบาก ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ควรปรึกษาแพทย์ ในขณะที่ส่วนราชการระดับจังหวัดกำลังประชุมเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน ได้แต่หวังว่า จะมีมาตรการทั้งในระยะสั้นเพื่อแก้ปัญหาด้านสุขภาพให้กับประชาชนและการวางแผนในระยะเพื่อลดภาวะมลพิษในอากาศสมกับเป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นที่น่าสังเกตว่า หน่วยงานด้านสาธารณสุขที่เป็นผู้เผยแพร่ข้อมูล PM 2.5 กลับไม่มีมาตรการในเชิงรุกเกี่ยวกับการให้ความรู้และผลกระทบที่ประชาชนได้รับ รวมทั้งวิธีการป้องกัน หรือวิธีง่ายๆ เช่น แจกหน้ากากอนามัย ก็ไม่มีให้เห็น ปล่อยให้ประชาชนต้องรับมือกับภาวะมลพิษอย่างเดียวดาย

 

 

ภาพ/ข่าว ชัยวัฒน์ ปานนิล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.เพชรบูรณ์ รายงาน