ข่าว

มหิดลรุกพัฒนาคุณภาพการศึกษาไอทีเพื่อยกระดับบุคลากรไอที

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มหิดลรุกพัฒนาคุณภาพการศึกษาไอทีเพื่อยกระดับบุคลากรไอทีพัฒนาชาติร่วมเอกชน

 

 

               คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล รุกอีกขั้น ร่วมลงนาม บริษัท MFEC มืออาชีพด้าน IT ยกระดับการพัฒนาบุคลากร นักศึกษา โดยนำวิธีทำงานจริงควบคู่กับการศึกษามีเป้าหลักตามคติของสถาบันเพื่อชุมชนและสังคมโดยภาคเอกชนขานการขับเคลื่อนรับพร้อมชี้โอกาสด้าน IT ของประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมากแต่เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงก้าวกระโดดมากขึ้นโดยวันนี้ยังมีบุคคลากรเฉพาะด้านไม่เพียงพอป้อนตลาด ซึ่งกลุ่มธุรกิจรับยังต้องปรับตัวกับแนวคิดคนรุ่นใหม่ที่รักงานอิสระแต่มีฝีมือแต่ไม่ชอบทำงานประจำเช่นกัน

               การจับมือลงเพื่อการร่วมมือดังกล่าวได้จัดขึ้นที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคารคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ได้มีพิธีลงนามความร่วมอย่างเป็นทางการระหว่างคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล และบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือเอ็มเป็กซ์ เพื่อแสดงเจตนาในการร่วมมือทางวิชาการเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกัน โดยมีเป้าหมายคือการแลกเปลี่ยนความรู้และยกระดับคุณภาพทางการศึกษาโดยการนำฐานข้อมูลที่ทันสมัยเข้ามาให้คณะอาจารย์ บุคลากรทางการศึกษาและนักศึกษา ได้เรียนรู้ไปพร้อมกันทั้งในห้องแล๊ปการศึกษารวมทำงานควบคู่ไปพร้อมกันเพื่อที่สามารถนำความรู้ความสามารถไปพัฒนาชุมชน สังคมและประเทศชาติได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเป็นการทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้ทรัพยากรบุคคลที่ตรงตามเป้าหมายของกลุ่มอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารยุคใหม่ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเทคโนโลยีให้กับประเทศไทยต่อไป

 

 

 

 

               ดร.พัฒนศักดิ์ มงคลวัฒน์ คณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า แนวคิดของคณะตอนนี้คือการให้ภาคอุตสาหกรรมเข้ามามีส่วนร่วมในภาคการศึกษาซึ่งเมื่อนักศึกษาได้จบออกไปแล้วหากมีการได้เรียนรู้การทำงานระหว่างการศึกษาก็จะทำให้นักศึกษาปรับตัวได้ทันทีหลังจากจบการศึกษา การลงนามความร่วมมือ กับ MFEC หรือเอ็มเฟ็กซ์ คือการนำเอาข้อมูลจากภายนอกเพื่อให้เราได้ทันเทรนด์โลก ในระยะ 5-10 ปีข้างหน้าว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ซึ่งจะเป็นการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ เช่นระบบ IOT และ 5G นั้นจะมีผลกับการใช้ชีวิตอย่างไร และปัจจุบันในประเทศไทย มีการใช้สื่อและแอพลิเคชั่นต่างๆเยอะมากซึ่งถือเป็นอันดับต้นๆในประเทศซึ่งเราจะทำอย่างไรให้คนไทยได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่โดยการจับมือร่วมมือกันกับภาคอุตสาหกรรมนั้นทำให้เราได้เจาะลงไปที่การได้ประสานกับมืออาชีพซึ่งเราก็จะเข้าถึงกับมืออาชีพเฉพาะด้านเพื่อจะทำให้มีการพัฒนาไปถึงคณะอาจารย์และนักศึกษาได้โดยตรงถึงจุดประสงค์

               ดร.พัฒนศักดิ์ กล่าวอีกว่า ยิ่งปัจจุบันข้อมูลต่างๆ นั้นมีการปรับเปลี่ยนไปได้รวดเร็วซึ่งที่พบคือข่าวลวงเช่นการนำภาพข้อมูลไปทำการตัดต่อประยุกต์เป็นข่าวที่ไม่จริง การรับฟังข้อมูลข่าวสารจึงควรต้องในการใช้วิจารณญาณมากขึ้นมีแหล่งตรวจสอบได้ว่าเรื่องใดจริงเรื่องใดเท็จ และหน่วยงานรัฐหรือองค์กรต่างๆก็ควรจะมีการจัดตั้งหน่วยงานที่น่าเชื่อถือขึ้นมาเพื่อให้คนไทยได้มีที่พึ่งตรงนี้ด้วย

 

               ดร.พัฒนศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการพัฒนาคุณภาพของคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฯ เพื่อให้มีทรัพยากรที่มีความพร้อมในทุกด้านเราได้นำหลักของมหาวิทยาลัยมหิดลมาใช้เป็นหลักในการคิดนั้นคือ อัลกอริทึม (Algorithm) ที่มีของมหาวิทยาเรื่องแนวคิด คือความสำเร็จที่แท้จริงอยู่ที่การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อประโยชน์สุขแก่มวลมนุษยชาติ นั้นคือการเอาเรื่องปัญหาของผู้อื่นมาเป็นปัญหาที่เราจะมาช่วยแก้ไขให้เขาได้ ที่ผ่านก็ได้มีคณะอาจารย์ได้มีการพัฒนา แอพพลิเคชั่นเพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนคลองมหาสวัสดิ์ ในจังหวัดนครปฐม ได้เรียนรู้และเข้าใจนำเอามาสร้างรายได้ให้กับชุมชน นั่นก็หมายความว่าวันที่เราได้ใช้แอพลิเคชั่นต่างๆ เราใช้ไปอย่างเดียวแต่จะให้สอนเขาให้เรียนรู้ว่าจะเอาสิ่งเหล่านี้มาสร้างรายได้ให้กับตนเองและชุมชนได้ และเรายังได้วางระบบให้ นักศึกษาที่ใกล้จบการศึกษาทำ ซีเนียร์โปรเจ๊ค เพื่อให้เกิดการเรียนรู้การทำงานจริงร่วมกันเพื่อสังคมซึ่งก็จะเป็นการเอาภาควิชาการที่ได้เรียนรู้ไปผสมผสานกับงานภาคอุตสาหกรรมที่ได้นำเข้ามาจากการร่วมมือเป็นลักษณะการจำลองการทำงานจริง ซึ่งเป็นการยกระดับไปอีกขึ้นเพื่อให้เรียนรู้กับการทำงานเป็นทีมได้ โดยนักศึกษาของเรานั้นหลังจบไป 3 เดือนแรก ร้อยละ 80 ได้งานทำทันที ร้อยละ 10 ไปศึกษาต่อและอีกร้อยละ 10 คือกลุ่มที่กำลังค้นหาตัวเองว่าจะไปในทิศทางไหนต่อ นี่คือสิ่งที่เราประเมินได้ในตอนนี้

               มหิดลรุกพัฒนาคุณภาพการศึกษาไอทีเพื่อยกระดับบุคลากรไอที มหิดลรุกพัฒนาคุณภาพการศึกษาไอทีเพื่อยกระดับบุคลากรไอที

 

               ด้าน คุณศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ประธานกรรมการบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มเฟ็กซ์ กล่าวว่า องค์กรของเรานั้นได้ทำงานเกี่ยวกับงานด้าน IT เป็นหลักในอุตสากรรมที่เกี่ยวกับด้านนี้โดยตรงและเชี่ยวชาญทางด้านการทำแอพพลิคั่นในระบบใหญ่ๆ เช่น กลุ่มBanking และ Telecom ซึ่งจะใช้คนเป็นทรัพยากรหลักเป็นพันคน โดยวัตถุดิบหลักของเราก็เป็นคนโดยหลัก การเข้ามาลงนามความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการนำข้อมูลทางด้านวงการอุตสาหกรรมเข้าไปผสมผสานกับในภาคการศึกษา ซึ่งจะเรียกว่า Industry Linkages เพื่อจะได้มีการปรับตัวได้ทันตามกระแสโลก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของโลก IT เมื่อ 10 ปีก่อนนั้นแตกต่างไปจากทุกวันนี้มาก วันนี้นักศึกษาที่จบมาใหม่ในภาคอุตสาหกรรม มีการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม เพราะมีการรักความเป็นอิสระ บางคนชอบทำงานแบบเป็นโปรเจ็คแบบ 3 ปีบ้าง และเป็นแบบ outsource ที่มารับงานต่อไปบ้าง และก็ยังมีอีกกลุ่มที่ยังชอบเป็นแบบ Part Time คือไม่ทำงานประจำ ซึ่งเราเองภาคอุตสาหกรรมก็ต้องปรับตัวเพื่อที่จะเข้าใจการทำงานของคนที่มีความสามารถด้วยเช่นกัน ซึ่งการที่ภาคอุตสาหกรรมเดินหน้ามาถึงมหาวิทยาลัยก็จะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ทันสมัยเช่นการที่มหาวิทยาลัยกำลังผลิตนักศึกษาในสาขาวิชาต่างๆในสถาบันออกมา แต่ในความเป็นจริงภาคอุตสาหกรรมนั้นได้เลิกรับพนักงานในสาขาวิชานั้นๆไปแล้วซึ่งเป็นการเสียโอกาสของทั้ง 2 ฝ่าย

 

มหิดลรุกพัฒนาคุณภาพการศึกษาไอทีเพื่อยกระดับบุคลากรไอที มหิดลรุกพัฒนาคุณภาพการศึกษาไอทีเพื่อยกระดับบุคลากรไอที

 

               คุณศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับในปี 2020 นี้ สิ่งที่คนไทยจะต้องรับมือและพบก็คือ เทคโนโลยีที่มีการใช้อยู่แล้วได้จริงซึ่งมีอยู่หลายตัวแต่จะมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว การปรับตัวคือสิ่งที่สำคัญมากเพราะนั่นหมายถึงโอกาส ซึ่งใครที่สามารถเข้าใจและเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ได้ไวก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าหรือเรียกว่าจะมีโอกาสได้เป็นเศรษฐีใหม่ได้ไม่ยาก ส่วนกลุ่มธุรกิจเก่าที่ปรับตัวไม่ทันก็จะเป็นธุรกิจที่ตายหรือถูกช่วงชิงโอกาสไป เช่นกันในวงการธุรกิจสื่อเราจะพบว่ามีสื่อเกิดใหม่ขึ้นมาทุกวันเช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆด้วย มันขึ้นกับว่าเราจะปรับตัวได้ทันหรือไม่ ส่วน เทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence)  ก็จะก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้นและหลายภาคธุรกิจก็มีใช้กันหมดแล้วด้วย

                    คุณศิริวัฒน์  กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับโอกาสของอุตสาหกรรม ด้าน IT ก็จะยังเปิดกว้างอีกว่าและดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอต่อความต้องการเพราะทุกคนก็ต้องก้าวเข้ามาสู่ยุคแห่งเทคโนโลยี การปรับตัวของคนไทยคือ แอพลิเคชั่น หรือเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังจะเข้ามาอย่างรวดเร็วมากขึ้น ต้องบอกว่าถ้ามีอะไรมาให้ทดลองเลยไม่ต้องกลัวกับการลองผิดลองถูกเพราะจะไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง ในโลกยุดแห่งเทคโนโลยีในยุคใหม่นี้

มหิดลรุกพัฒนาคุณภาพการศึกษาไอทีเพื่อยกระดับบุคลากรไอที มหิดลรุกพัฒนาคุณภาพการศึกษาไอทีเพื่อยกระดับบุคลากรไอที


ปนิทัศน์ มามีสุข   นส.ปณิดา มามีสุข  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครปฐม 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ