ข่าว

ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์

ชาวบ้านคิดคนละทาง ลอกทอง หลวงพ่อดำ เพราะบารมีความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยโฆษณาภาพของการรวมตัวของชาวบ้านในตำบลโคกพระเจดีย์ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ที่มีการแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง เมื่อวันที่ 14 มกราคา ที่ผ่านมา เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในชุมชน หลังจากเกิดกระแสของการเห็นด้วยและต่อต้าน ที่พระครูประภัศร์ กิตติคุณหรือพระมหาเติม เจ้าอาวาสวัดโคกพระเจดีย์ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในชุม ได้มีการอนุญาตให้ เจ้าภาพมีการบูรณะหลวงพ่อดำ พระประทาน เก่าแก่อายุกว่า 700 ปี ซึ่งตั้งประดิษฐาน ในวัดโคกพระเจดีย์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านในตำบลโคกพระเจดีย์ โดยให้มีการลอกทองคำเปลวทั้งหมดที่มีการปิดทองโดยชาวบ้านในงานประจำปีทุกปี เพื่อที่จะมีการนำทองคำแท้มาห่อหุ้มตัวองค์ทั้งหมด ให้ทันก่อนงานประจำปีที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้
แต่กระแสดังกล่าว ได้เกิดเป็นกระแสวิจารณ์หนักซึ่งมีทั้งคนเห็นด้วยและคนไม่เห็นด้วย การเดินทางมาเพื่อขอทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงได้มีชาวบ้านได้เริ่มมาดูกันตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ทางวัดโคกพระเจดีย์ ได้มีการบวงสรวงและทำการลอกทองคำเปลวออกจากองค์หลวงพ่อดำ ไม่นานกระแสข่าวเรื่องต่างๆ ก็ได้เกิดขึ้น กระทั่งมีการรวมตัวมาเพื่อพบกับ พระมหาเติม เจ้าอาวาสฯ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงหลังจากพบว่า หลวงพ่อดำ จากองค์ที่เป็นสีทองคำ ได้กลายสภาพเป็นสีดำทั้งองค์ และมีการกำลังใช้เครื่องมือช่างต่างๆ มาปัดเจียร ทั้งองค์ จนหลายคนบอกว่าใบหน้าของหลวงพ่อดำพระประทานสัมฤทธิ์นั้นได้เสียหายและมีใบหน้าที่เปลี่ยนไปจากที่มีรอยยิ้มเป็นใบหน้าที่หมองเศร้า รวมถึงมีกระแสว่าได้มีการนำเอาดวงตาออกไปไว้ที่อื่น รวมถึงการนำเอาของโบราณออกจากฐานไปเก็บไว้ที่อื่น เพื่อจะเป็นการทำเรื่องเกี่ยวกับวัตถุมงคลเป็นพุทธพาณิชย์ รวมหนักที่สุดถึงขั้นที่ได้มีการเปลี่ยนเอาองค์หลวงพ่อดำออกไปแล้วนำพระใหม่มาตั้งทดแทน

ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์ ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์ ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์ ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์

ซึ่งประเด็นดังกล่าวจึงทำให้ชาวบ้านได้มีการแสดงความคิดเห็นที่ต่างกันออกไปและแบ่งฝ่ายออกย่างชัดเจน ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาคอยควบคุมสถานการณ์ไว้ไม่ให้บานปลาย และสุดท้าย พระมหาเติม เจ้าอาวาสฯ ได้ลงมาพบกับชาวบ้าน โดยได้ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่าเป็นเรื่องการเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นและขอโทษไปยังชาวบ้านที่มารวมตัวกันว่าแท้จริงแล้วเจ้าภาพที่จะทำการบูรณะหลวงพ่อดำนั้นมีจุดประสงค์ดี และผู้นำชุมชนหลายคนก็เห็นดีด้วย และมองว่าถ้าทำให้หลวงพ่อดำ มีความสง่างามก็จะทำให้เป็นที่น่าเลื่อมใสในชุมชนต่อไปอีกยาวานจึงได้มีการอนุญาตให้ทำ โดยไม่ได้สอบถามถึงความรู้สึกของชาวบ้าน และขาดการประชาสัมพันธ์ โดยไม่คิดว่า ศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อดำ จะมีมากกว่าที่ได้เคยรับรู้ไว้ ซึ่งวันเดียวกันได้สั่งให้มีการยุติการบูรณะหลวงพ่อดำ และเตรียมหาช่างฝีมือที่มีความรู้มาทำการปิดทองกลับให้หลวงพ่อดำเป็นเหมือนเดิมทันที ชาวบ้านที่มารอฟังคำตอบหลายร้อยคนจึงได้พอใจและกลับบ้านอย่างสงบ
แต่ต่อมาเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ได้มีการเดินทางเข้ามาที่พระอุโบสถอย่างต่อเนื่องเพื่อจะมาไขข้อข้องใจที่ทางเจ้าอาวาสได้รับปากกับชาวบ้านไว้ โดยมี ผู้นำชุมชน กำนัน สมาชิกอบต.และชาวบ้านที่ศรัทธาหลวงพ่อดำ ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับชาวบ้านได้ทราบ

โดยนายสนอง ฟุ้งขจร อายุ 61 ปีชาวบ้าน ม.1 ต.โคกพระเจดีย์ ชาวบ้าน บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชาวบ้านส่วนที่ไม่เห็นด้วยนั้นมองว่าชาวบ้านนั้นไม่ได้รับรู้เรื่องมาก่อนเป็นการทำโดยพละการ เป็นการทำโดยมีอะไรเคลือบแฝงหรือไม่ ซึ่งประเด็นหลักคือการที่ไม่บอกกล่าวชาวบ้านมาก่อนโดยมีกระแสมากมาย ทั้งมีการเอามวลสารที่อยู่ใต้ฐานของหลวงพ่อดำออกไปหมดแล้ว ดวงตาที่เป็นมุกของหลวงพ่อดำมีคนมาเอาไป และทองคำเปลวที่มีการลอกออกไปนั้นมีคนเห็นว่าลอกใส่ไปในบาตรพระได้ 3 แต่มีการบอกว่าได้มาแค่ 1 บาตร และมีการเปลี่ยนเอาหลวงพ่อองค์ออกไปแล้วองค์ที่อยู่ไม่ใช่หลวงพ่อดำ โดยหลังจากนั้นตนเองได้มาฟังเจ้าอาวาสมาอธิบายด้วยตัวเองก็รู้สึกสบายใจ ยิ่งได้มีการยืนยันด้วยกล้องวงจรปิดว่าไม่ได้มีการขยับหลวงพ่อดำก็สบายใจ ลบคำครหาของชาวบ้านไปได้มาก แต่ก็ขอฝากว่าทางวัดหรือใครจะทำอะไรก็ควรจะมีการบอกกล่าวกันหรือมีการประชาคมให้ชัดเจนจะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ที่เกิดขึ้นในชุมชน เพราะศรัทธาของชาวบ้านนั้นแรงมากเนื่องจากบารมีของหลวงพ่อดำนั้นมีมากจริงๆแต่ไม่เคยได้ทำเป็นข่าวหรือไปอวดอ้าวสรรพคุณแต่ชาวบ้านจะรู้กันดี

พระครูประภัสร์  เจ้าอาวาสวัดโคกพระเจดีย์ บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอาตมาก็ยอมรับว่าพลาดไปแล้วก็ขอโทษชาวบ้านไปแล้วในวันที่มีการชุมนุมกัน ส่วนข้อสงสัยต่างๆ ก็ตอบทุกข้ออย่างชัดเจนได้หมด ซึ่งเริ่มจากที่มีเจ้าภาพมาขอแสดงเจตนาว่าจะขอบูรณะองค์หลวงพ่อดำ ด้วยความศรัทธาเพราะได้ไปบนบานไว้ว่า ถ้าออกไปหากินที่ต่างถิ่นแล้วมีความเป็นอยู่ที่ดีสำเร็จใจการประกอบอาชีพก็จะขอกลับมาบูรณะหุ้มทองคำแท้ให้ เพราะทุกปีก็มาปิดทองหลวงพ่อดำทุกปี จึงอยากจะทำให้หลวงพ่อดูสง่างาม ซึ่งทางอาตมาก็เห็นว่าเป็นเรื่องดีก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร แต่ตอนแรกก็ขอว่าถ้าหุ้มทองคำแล้วจะไม่ให้มีการปิดทองคำเปลวทับ ซึ่งอาตมาก็ไม่ยอมแต่เจ้าภาพก็ยอมที่จะให้ติดทองคำเปลวได้ จึงอนุญาตให้มีการจัดทำ ซึ่งยอมรับว่าขั้นตอนเหล่านี้ต้องมีการประชุมกันแล้วทำประชาคมด้วยเพราะไม่เคยทำเรื่องนี้มาก่อน

ซึ่งเมื่อเริ่มทำก็ต้องมีขั้นตอนคือการเอาทองเดิมที่ปิดไว้ออก ซึ่งชาวบ้านมาเห็นก็ไม่ยอมและไม่ต้องการแบบนั้น โดยได้มีการยุติการบูรณะและจะนำช่างกลับมาแก้ไขปิดทองเดิมให้หลวงพ่อดำทั้งหมด ส่วนดวงตาที่เป็นมุก เป็นช่วงที่ใช้เครื่องมืดปิดแล้วทำให้ตาใสสะอาดแต่เกิดหลุดก็ได้มีการนำมาติดเอาไว้ทันทีแล้วซึ่งมีกระแสของชาวบ้านพูดไปต่างๆนานาจนเป็นเรื่องที่แตกประเด็นไปกันหลายข้อมูลที่ผิดพลาด แต่เมื่อขอโทษและมีการรับฟังสถานการณ์ก็ดีขึ้นมาก ซึ่งเรื่องหลักที่มีการบอกว่ามีการเปลี่ยนเอาหลวงพ่อดำองค์พระออกไปแล้วนั้นไม่จริงโดยมีกล้องวงจรปิดซึ่งเก็บข้อมูลไว้ทั้งเดือนมาเปิดให้กับผู้นำชุมชนและชาวบ้านรวมถึงสื่อมวลชนมาตรวจสอบแล้วก็ขอให้ชาวบ้านสบายใจได้ กับเรื่องนี้

ขณะที่ นายสุนทร ปรีชาสุข สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระเจดีย์ บอกว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นทางผู้นำชุมชนนั้นได้รับประชุมกันทันทีและในวันรุ่งขึ้น ได้มีการออกเสียงตามายประชาสัมพันธ์ โดยทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และทางอบต.โคกพระเจดีย์ ได้ลงพื้นที่ขอโทษชาวบ้านและพูดคุยสร้างความเข้าใจกันแล้วโดยมีบรรยากาศที่ดีขั้นมาก แต่ยอมรับว่ามีร้อยละ 20 ที่เป็นกลุ่มชอบเห็นความแตกแยกและสะใจกับความวุ่นวายก็ออกมาให้ข้อมูลที่มีการพูดกันไปต่างๆนานาแบบปากต่อปากและสื่อโซเชียลที่มีข่าวไม่จริงไปโพสต์จนเกิดความเข้าใจผิด เรื่องนี้มองเจตนาทั้งหมดแล้วทุกคนมีความคิดที่ดี แต่ขาดการสื่อสารที่เข้าใจให้ตรงกัน เป็นบทเรียนของทั้งวัด ชาวบ้าน และผู้นำชุมชน ที่มองข้ามเรื่องนี้ไป เรื่องเล็กๆจึงบานปลายไปไกลและต่อไปจะมีการรัดกุมกับเรื่องนี้ให้ชัดเจนในชุมชน

ส่วน นายบุญเกื้อ คงมีสุข อายุ 46 ปี บอกว่าตนเองนั้นเป็นคนที่เกิดในตำบลโคกพระเจดีย์ และมีความศรัทธาต่อหลวพ่อดำมาก โดยเมื่อทราบข่าวจากโซเชียลก็ได้เดินทางโดยขี่รถจักรยานยนต์ข้ามจังหวัดกลับมาดูเรื่องดังกล่าวด้วยความเป็นห่วงเพราะตนเองเชื่อในบารมีหลวงพ่อดำมา โดยจะขอติดตามการแก้ไขว่าจะเป็นจริงหรือไม่ และต้องบอกว่าหากจะทำอะไรก็ต้องสอบถามใจชาบ้านบ้างไม่ใช่ทำกันแบบนี้ โดยไม่ปรึกษากันซึ่งถือว่าพลาด และทุกวันนี้ก็ได้ห้อยเหรียญหลวงพ่อดำติดตัวตลอดเวลา เพราะเคยมีประสบการณ์จากการที่เคยขับรถบรรทุก 6 ล้อแต่ถูกรถตัดหน้าอย่างกระชั้นชิดและพุ่งชนอย่างจังรถพังเสียหายทั้งคันแต่ตัวเองไม่เป็นอะไรเลย และเชื่อว่านี่คือบารมีของหลวงพ่อดำที่ช่วยตนเองไว้เมื่อหลายปีก่อน
ขณะที่นางวรรณ ชาวบ้านอีกคน  เล่าประสบการณ์ด้วยน้ำตา ถึงความศักดิ์สิทธิของหลวงพ่อดำที่ทำให้ผ่านความตายอย่างหวุดหวิด โดยวันเกิดเหตุเมื่อ 10 กว่าปีก่อนตนเองได้ไปปิดทองที่วัดจินดา และโจรตามมายิงที่ด้านหลังโดนแขนและถีบรถตกลงไปในน้ำ ซึ่งโจรก็ได้เอาปืนมาจี้หลังเพื่อจะดึงสร้อยทองคำกับข้อมือหนักรวม 5 บาท โดยตอนโดยกระตุกนั้นรู้สึกอย่างเดียวถึงหลวงพ่อดำ เพราะเป็นพระที่พี่ชายทำไว้ให้ ซึ่งโจรได้มาดึงคอเสื้อ และเอาปืนมาจี้หลังก็นึกถึงแต่หลวงพ่อดำอย่างเดียว จนแฟนดึงรถขึ้นมาจากน้ำ โดยยกมือประนมบอกหลวงพ่อดำ ว่าขอให้เอาเรากลับมาหาพ่อ หาแม่ให้ได้ ก็รอดมาได้ในวันนั้น

นายเจริญ ชาญปรีชา อายุ 70 ปี เจ้าภาพที่จะทำการหุ้มทองคำให้หลวงพ่อดำ เล่าว่า ตนเองได้บนบานหลวงพ่อดำไว้เอาไว้ว่าจะไปปลูกกุหลาบขายที่อ.แม่สอด จ.ตากขอให้ประสบผลสำเร็จในการค้าขาย แล้วจะกลับมาหุ้มทองคำให้ จนมาถึงวันนี้ก็ประสบความสำเร็จตามที่ได้ขอเอาไว้ก็ได้มาอ้อนวอนเจ้าอาวาสว่าอยากจะบูรณะหลวงพ่อดำจริงก็คุยมาหลายครั้งไม่สำเร็จแต่ท่านก็เห็นเจตนาเราตั้งใจจริงก็ได้อนุญาตให้ทำ แต่ก็ยอมรับว่าผิดเพราะไม่ได้ประชาคม โดยได้ขอโทษชาวบ้านไปแล้วก็เป็นเรื่องที่ตนเองและเจ้าอาวาสไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่

ส่วนความศรัทธา ที่มีต่อหลวงพ่อดำนั้นเป็นเพราะมีบ้านติดวัดโคกพระเจดีย์ และมีประสบการณ์รอดตาย จากการโดนยิงในการพิพาทมีคนมาปักหลักเขตลำที่ดินของตนเองจนเกิดทะเลาะกันและมายองถึง 8 นัด ซึ่ง 2 นัดแรกที่ยิงโดนตัวเองก็ได้ พูดในใจว่าหลวงพ่อไม่ช่วยผมเลย จากนั้นขนในตัวก็ลุกซู่ไปทั้งหมด และได้วิ่งหนีมาขึ้นอีกฝั่งก็โดนตามยิงอีกจนหมดโม่ คือโดนทุกนัดทั้งแขน ลำตัวและหัว และเชื่อว่าวันนั้นรอดมาได้เพราะบารมีของหลวงพ่อดำแน่นอน และที่ผ่านมาก็นับถือหลวงพ่อดำเป็นหลัก วันนี้ก็ได้ยุติการบูรณะหลวงพ่อดำไปแล้ว แต่ก็ได้สร้างพระทองคำ 1 องค์และพระประทานอีก 4 องค์ รวม 5 องค์ ซึ่งจะขอตั้งเอาไว้ที่วัดโคกรพระเจดีย์แห่งนี้ ต่อไปซึ่งที่ผ่านมาก็ช่วยงานเอาดอกไม้มาจัดให้ที่วัดทุกงานประจำปีด้วย
นอกจากนี้ชาวบ้านและประชานที่มีความศรัทธาในองค์พระประทานหลวงพ่อดำ ต่างก็ได้เดินทางเข้ามากราบไหว้บนบานขอพรกับหลวงพ่อดำต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาทั้งเจ้าอาวาสวัดโคกพระเจดีย์และชาวบ้านบอกว่า อภินิหาริย์ความศักดิ์สิทธิของหลวงพ่อดำนั้นมีมามากมาย แต่ก็ไม่เคยมีการประชาสัมพันธ์ทำข่าวใดใด เพราะมองว่าวัดนี้ไม่ได้เป็นวัดที่เน้นทางด้านพุทธพาณิชย์แต่หลวงพ่อดำก็จะอยู่คู่กับชาวบ้านเป็นศูนย์รวมจิตใจมาโดยตลอด ซึ่งผู้นำชุมชนรวมถึงชาวบ้านที่มีประสบการณ์หลายคนบอกว่ามีเรื่องแคล้วคลาดจากคมกระสุนและคมมีด รวมถึงรอดพ้นจากอุบัติเหตุมาเยอะมาก แต่ก็ไม่เคยนำมาเล่ารวมกันให้เป็นข่าวมีแต่เล่าสู่กันฟังในชุมชน ซึ่งเมื่อไม่นานมีทหารมาฝึกการใช้อาวุธให้กับเจ้าหน้าที่และชาวบ้านและได้ทดลองยิงปืนเอ็ม 16 ชี้กระบอกปืนข้ามโบสถ์ปรากฏว่ายิงไม่ออกแต่เมื่อหันหลังกลับไปฝั่งตรงข้ามกระสุนได้ลั่นออกมาเป็นชุดซึ่งมีพยานหลายคนอยู่ในเหตุการณ์ซึ่งก็ได้สร้างประหลาดใจให้กับคนที่มาฝึกไม่น้อยแต่ชาวบ้านก็จะรูเรื่องนี้ดี

นอกจากนี้สิ่งที่คนนิยมมาบนบานและสำเร็จและมาแก้บนกันทุกวัน ก็จะเป็นขนมจีน ประทัด และว่าว ซึ่งทุกงานประจำปีจะมีการจุดประทัดกันครั้งใหญ่ ซึ่งนับเป็นวัดที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านอย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นในมุมของความขัดแย้งยังได้มีอีกมุมหนึ่งที่ได้เห็นคือแม้จะมีวิธีคิดที่แตกต่างกันในความศรัทธา แต่จุดปลายปลายทางคือความเข้มแข็งในชุมชนที่มีต่อ พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจและพลังของชาวบ้าน โดยท่ามกลางกระแสโซเชียลที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร แต่ชาวบ้านก็เลือกที่จะเดินหน้ามารับทราบข้อมูลที่แท้จริงทันที ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ชาวบ้านและผู้นำชุมชนมองเห็นตรงกันว่าจะเป็นปีที่มีการกลับมาของชาวบ้านเพื่อจะมารวมพลังในการจัดงานปิดทองหลวงพ่อดำ ประจำปีนี้ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้อย่างคับคั่งมากกว่าทุกปีแน่ และแน่นอนหลังเกิดกระแสข่าว คอหวยต่างเดินทางเข้ามากราบไหว้และหาเลขมงคลซึ่งที่โบสถ์ ได้มีการติดเลข พ.ศ.2465 เป็นปีที่สร้างโบสถ์ซึ่งนับถึงปีนี้ คือ 98 ปี โดยได้ไปเสี่ยงโชคกันหวัง

ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์ ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์ ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์ ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์

ได้โชคลาภอีกด้วย สำหรับประวัติของหลวงพ่อดำ ผู้สร้างก็คือพระธรรมราชาที่ 1 (พระเจ้าลิไท) เดิมพระองค์เป็นพระยุพราชชื่อนามเดิม “พระธรรมไตรปิฎก” ทรงครองราชย์แล้วทรงสร้างพระไว้ 9 องค์ พระประธาน 1 องค์ ชื่อนาม “พระพุทธศรีอาริยเมตไตรย” และพระประจำซุ้มเสมาอีก 8 องค์ ชื่อนาม “พระพุทธอัฏฐารสธรรมไตรปิฏก” นั่นคือชื่อของ “หลวงพ่อดำ” หนึ่งในจำนวนแปดองค์ อยู่ที่เมืองสุโขทัย จนรัชกาลที่ 6 ทรงล่องเรือประพาสเมืองเหนือ ปรากฏว่าเมืองสุโขทัยและศรีสัชชนากลายเป็นเมืองร้าง พระองค์ทรงแวะพักที่ตามวัดร้าง มีพระพุทธรูปปางต่างๆทั้งสี่มุมมีพระมากมาย ทรงเห็นพระพุทธรูปเหล่านี้ตากแดดตากฝนซุนโซมไปกาลเวลาก็มาก ทรงแลเห็นแล้วขืนปล่อยไว้ก็เสียหายมากกว่านี้ ทรงรับสั่งให้ขนพระพุทธรูปปางต่างๆ และวัตถุโบราณหลายอย่างกลับเรือพระที่นั่งกระบวนพยุหยาตราชลมารค ต่อมามีขาราชบริพาสนำมาถวายที่วัด  ส่วนมากชาวบ้านจะเรียกกันว่า หลวงพ่อดำ มาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นที่เคารพนับถือชาวตำบลโคกพระเจดีย์และตำบลที่ไกลเคียงกันมาก ส่วนใหญ่จะมาขอให้ท่านช่วยเหลือเรื่อง กิจการค้าขาย ข้าราชการ นักเรียน เมตตามหานิยม แคล้วคลานภัยต่างๆ ตามที่ท่านปรารถนาขอทุกประการ

ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์ ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์ ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์ ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์ ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์ ชาวบ้านมีความคิดแตกต่างลอกทองคำ หลวงพ่อดำ วัดโคกพระเจดีย์


ปนิทัศน์ มามีสุข   นส.ปณิดา มามีสุข  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครปฐม

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ