มิจฉาชีพอาละวาดหนัก ไม่ถึงเดือน 2 หมู่บ้านติดกันโดนไป 3 แก๊ง

           ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากประชาชนว่า ที่บ้านคู ตำบลสำพะเนียง อำเภอโนนแดง จังหวัดนครราชสีมา มีชาวบ้านถูกแก๊งค์มิจฉาชีพเข้ามาทำทีขายอุปกรณ์เตาแก๊สก่อนถูกป้ายยาทำสูญเงินหลายพันบาท ซึ่งจากการลงพื้นที่พบกับคุณป้าโป๋ย ประจิตร ก็ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อหลายวันก่อนหลังกลับจากทำสวนในช่วงบ่ายขณะกำลังนั่งรับประทานอาหารที่บ้านกันอยู่กับสามี ก็ได้มีเซลล์แมนทำทีเข้ามาขายอุปกรณ์เตาแก๊สซึ่งก็ได้ปฏิเสธไปเนื่องจากของตนมีใช้อยู่แล้ว ก่อนเซลล์แมนคนดังกล่าวนำมือมาสัมผัสกับร่างกายทั้ง 2 คน หลังจากนั้นก็สะดุ้งจำความไม่ได้อีกเลย จนกระทั่งช่วงเย็นมีเพื่อนบ้านมาตะโกนเรียกจึงได้สติแต่ก็ยังมีอาการมึนหัวอยู่ ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกหลายวันจะกว่าจะหายเป็นปกติ ซึ่งก็พอจำเรื่องราวได้คับคล้ายคับคราว่า เซลล์แมนขายหัวเตาแก๊สให้ตนควักเงินจ่ายซื้อสินค้าซึ่งขณะนั้นมีเงินสดติดตัวอยู่ 3,000 บาท แต่เมื่อคนร้ายจะไปเข้าบ้านหลังอื่นก็ได้มีชาวบ้านรู้ทันว่าน่าจะเป็นมิจฉาชีพ ขู่ว่าจะแจ้งผู้ใหญ่บ้านคนร้ายก็ได้หลบหนีไปจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

           และนอกจากนี้จากการเข้าตรวจสอบที่บ้านโพนทอง ตำบลโพนทอง อำเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา หมู่บ้านซึ่งอยู่ ห่างไปเพียง 3 กิโลเมตร พบกับป้าสมจิต ถัวนอกซึ่งถูกแก๊งค์มิจฉาชีพอีกชุดที่มาหลอกขายเครื่องกรองน้ำ พร้อมแถมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ ลำโพงเครื่องเสียงกลางแจ้ง หม้อหุงข้าว มีดอุปกรณ์ทำครัว พร้อมอวดอ้างสรรพคุณในการรักษาโรคโดยผ่านการวิจัยร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เหยื่อที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้วหลงเชื่อสูญเงินไปเกือบ 3 หมื่นบาท ในขณะที่นายวิสิทธิ์ กล้าหาญ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านโพนทองก็ได้เปิดเผยอีกว่า เมื่อวานก่อนก็ได้มีแก๊งค์มิจฉาชีพอีกราย ทำทีเป็นมาขายน้ำยาซักฟอกก่อนจะอ้างว่าเป็นตัวแทนบริษัทมาแจกโชครับปีใหม่ โดยการจับสลากหลังซองน้ำยาซักผ้าซึ่งมีรางวัลใหญ่เป็นเครื่องสูบน้ำ เลื่อยไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แต่เมื่อจับรางวัลได้ต้องจ่ายค่าภาษีเป็นเงิน 1,999 บาท

           แต่น้องชายกลับมาบ้านพอดี เห็นว่าน่าจะเป็นแก๊งค์มิจฉาชีพเหมือนเช่นในข่าว จึงได้ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหวังถ่ายรูป ก่อนที่คนร้ายเห็นเสียก่อนจึงขมขู่จะทำร้ายร่างกายก่อนจะเผ่นหนีออกไปจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ยังไม่เสียเงินจำนวนดังกล่าวไป จึงอยากฝากเตือนภัยไปยังทุกบ้านโดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุอยู่เพียงลำพัง มิจฉาชีพออกอาละวาดหลากหลายรูปแบบ ระยะเวลาเพียงแค่ไม่ถึงเดือนก็เข้ามาในพื้นที่แล้วถึง 3 แก๊งค์ โดยหลังจากนี้จะประสานผู้นำชุมชนออกประกาศเสียงตามสายเตือนลูกบ้านให้เพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น โดยถ้าพบผู้ต้องสงสัยให้แจ้งผู้นำชุมชนหรือโทรศัพท์แจ้งตำรวจโดยทันทีเพื่อไม่ให้แก๊งค์มิจฉาชีพเหล่านี้ไปก่อเหตุหลอกใครได้อีก

ภาพ/ข่าว ศุภชัย อรชร นักข่าวภูมิภาค จ.นครราชสีมา