พ่อเมืองกำแพงเพชร สั่งคุมเข้มห้ามเผาอ้อยโซนสีแดง

วันที่ 9 มกราคม 2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ประชุมร่วมกับโรงงานน้ำตาล นายกสมาคมชาวไร่อ้อย หน่วยงานราชการรวมทั้งภาคเอกชน และ นายก อบต.สระแก้ว เจ้าของสระแก้วโมเดล ในการแก้ไขปัญหาลดการเผาใบอ้อย ลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 โดยประชุมร่วมหาแนวทางการแก้ไขระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งที่ผ่านมาสามารถลดการเผาใบอ้อยและเพิ่มอ้อยสดเข้าโรงงาน เพิ่มขึ้นทุกปี และเพิ่มเครื่องจักรมากที่สุดในภาคเหนือ ขณะเดียวกันชาวไร่อ้อยขนาดเล็ก ยังคงต้องใช้เวลาในการปรับตัว นายกสมาคมชาวไร่อ้อย กล่าวถึงผู้ได้รับผลกระทบชาวเมืองกำแพงเพชร ให้มั่นใจว่าทางสมาคมและชาวไร่อ้อยนั้นไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ร่วมแก้ไขปัญหากันมาอย่างต่อเนื่องทุกปี และอยู่ในระดับที่ดี แต่ก็ยังคงไม่สามารถลดปัญหาให้เด็ดขาดลงได้ ทั้งนี้ด้วยข้อจำกัด และการรองรับในการกำจัดใบอ้อย ที่ทางภาครัฐจะต้องผลักดันโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวล ที่ต้องใช้พลังงานจากการเผาไหม้และใช้เชื้อเพลิงจากใบอ้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ขณะนี้มีการขับเคลื่อนจาก บริษัทฟอเรส จำกัด ที่สามารถลดพื้นที่ได้ในฤดูเก็บเกี่ยวนับหมื่นไร่ และขณะนี้เพิ่มขึ้นอีก 1000 ไร่เป็น 11,000 ไร่ ในการลดเผาใบอ้อยพื้นที่อำเภอพรานกระต่าย ที่ยังคงเป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมของจังหวัดกำแพงเพชร 

เกี่ยวกับปัญหานี้ นายเชาวลิตร แสงอุทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ได้เรียกประชุมมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดกำแพงเพชร ที่ห้องประชุมทุ่งเศรษฐีชั้น 3 ศูนย์ราชการจังหวัดกำแพงเพชร โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งโรงงานน้ำตาลทั้ง 3 แห่งและนายกสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 6 กำแพงเพชร เพื่อแก้ไขปัญหาการเผาใบอ้อย ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว โดยให้งดเผาใบอ้อยหรือถ้ามีความจำเป็นไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ ควรจัดสรรเวลาเพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นละอองมากระทบต่อสุขภาพอนามัยของชาวเมืองกำแพงเพชร โดยกำหนดพื้นที่สีแดงนำร่องเขตรัศมี 5 กิโลเมตรรอบตัวเมืองและขยายพื้นที่ไม่เผาอ้อยเป็นเกียรติรัศมี 10 กิโลเมตร ขณะนี้ทางจังหวัดได้สั่งการให้ทุกอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เฝ้าระวังการเผาอ้อยในเขตพื้นที่รับผิดชอบโดยการเตรียมเจ้าหน้าที่และรถบรรทุกน้ำเตรียมพร้อมกรณีมีอ้อยไฟไหม้

ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่าจังหวัดกำแพงเพชร ประชุมมาตรการแก้ไขปัญหาหมอกควันฝุ่นละออง PM 2.5 ในจังหวัดกำแพงเพชรเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ได้ตั้งศูนย์ให้แต่ละอำเภอรับผิดชอบและขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนงดเผาวัชพืชทุกชนิดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเตรียมรถน้ำรถดับเพลิงทุกพื้นที่ จัดชุดเฝ้าระวังและตรวจตราโดยเฉพาะเขตอำเภอเมืองกำหนดพื้นที่สีแดง 5 กิโลเมตรและสีเหลือง 10 กิโลเมตร ส่งผลให้สถานการณ์การควบคุมมลพิษทางอากาศ ได้ผลและการเผาไหม้วัชพืชเบาบางลดลง อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทางจังหวัดกำแพงเพชร ก็ยังคงจะควบคุมมาตรการนี้อย่างเข้มข้นต่อไป โดยได้รับความร่วมมือจากพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย โรงงานน้ำตาลทั้ง 3 แห่ง และสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 6 กำแพงเพชร ที่มาช่วยกันดูแลปัญหานี้

วันนี้จังหวัดกำแพงเพชรได้ประชุมอีกครั้ง เพื่อกำชับมาตรการโดยมอบให้อุตสาหกรรมจังหวัดประสานกับโรงงานทั้ง 3 แห่งในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ให้มีการปรับแผนการตัดอ้อยสดซึ่งโรงงานนั้นมีแผนนี้และดำเนินการอยู่แล้ว   แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์คุณภาพอากาศในพื้นที่ชั้นในของเมืองเกินกว่ามาตรฐาน  จึงได้หาแนวทางในการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่โซนสีแดงรัศมี 5 กิโลเมตร และโซนสีเหลืองรัศมี 10 กิโลเมตร โดยเร่งรัดและเพิ่มจำนวนรถตัดอ้อย ให้แล้วเสร็จ ก็จะสามารถลดปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่ชั้นในตัวเมืองได้ภายในเดือนมกราคมนี้

นายมนตรี เลาหศักดิ์ประสิทธิ์ นายกสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 6 กำแพงเพชรเปิดเผยถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไขลดการเผาใบอ้อยลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในเขตพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรภาพรวมทั้งจังหวัดต่อผู้สื่อข่าวว่า เราชาวสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 6 ได้ร่วมประชุมกับจังหวัดเพื่อร่วมหาทางแก้ไข และลดการเผาใบอ้อย ต้องขออนุญาตให้ข้อมูลก่อนว่าตัวเลขข้อมูลอ้อยในจังหวัดกำแพงเพชร มีเปอร์เซ็นต์ของการเผาอ้อย ลดลง เรามีอ้อยสดกว่า 50%  มีอ้อย ไฟไหม้ 40% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา จังหวัดกำแพงเพชรของเราขณะนี้ เป็นจังหวัดที่มีอ้อยสดมากที่สุดในประเทศไทย

ประเด็นที่ชาวไร่อ้อยเองต้องการลดเผาอ้อย คือการเผาอ้อยเป็นการสูญเสียด้านเศรษฐกิจ เป็นการสูญเสียผลผลิตของพวกเราเอง อีกส่วนหนึ่ง เป็นที่ทราบกันดีว่าอ้อยเป็นประเด็นปัญหา ของฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร เกษตรกรชาวไร่อ้อย รับทราบและยินดีน้อมรับ ว่าส่วนหนึ่งนั้นเกิดจากปัญหามาจากอ้อย

ซึ่งเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและก็มองปัญหานี้ว่าจะไม่สามารถแก้ไขได้ และเราได้พยายามแก้ไขมาอย่างต่อเนื่องก็คือ 1ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย จัดซื้อเครื่องจักรขนาดใหญ่ คือรถตัดอ้อยขณะนี้มีรถตัดอ้อยมากกว่า 350 คันในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร 2 ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด จะเป็นการเพิ่มรายได้ และสามารถขายใบอ้อยได้ถ้ามีโรงงานรับซื้อ และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยหลักจริงๆ ก็คือทุกคนจะได้มีการร่วมมือแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่นละออง 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาที่เรามองว่าต้องร่วมกันแก้ไข

ขอเรียนไปยังพี่น้องชาวจังหวัดกำแพงเพชรว่า ปัญหาต่างๆของเกษตรกรเป็นปัญหาภาพรวมที่ใหญ่มาก ฉะนั้นเราพยายามที่จะแก้ไข ต้องขอเวลาให้กับพวกเราสักระยะหนึ่ง ที่เราจะแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ โดยเฉพาะปัญหาในส่วนนี้เกิดขึ้นจากเกษตรกรรายย่อย ที่ไม่มีเงินทุน ส่วนเกษตรกรรายใหญ่ มีความพร้อมมีรถตัดอ้อยกันแล้วแก้ไขปัญหากันไปแล้ว แนวทางของเกษตรกรรายย่อย จะต้องมีการรวมแปลงกัน แล้วจะต้องบริหารจัดการการปลูก ให้สามารถรองรับเครื่องจักรขนาดใหญ่คือรถตัดอ้อยได้ ซึ่งขณะนี้เป็นที่น่าเห็นใจว่าเกษตรกรรายย่อยยังไม่มีขีดความสามารถที่จะร่วมกันทำได้ เนื่องจากปัจจัยพื้นที่มีขนาดเล็ก ซึ่งการรวมแปลงก็จะสามารถทำให้เกษตรกร ใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ได้ ซึ่งทางสมาคมชาวไร่อ้อยส่งเสริมและแก้ไขปัญหานี้อยู่แล้ว จึงขอเวลาให้กลับชาวไร่อ้อยขนาดเล็ก ที่จะร่วมกันทำให้จังหวัดกำแพงเพชรนั้นปลอดจากการเผาไร่อ้อยให้ได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งทางสมาคมชาวไร่อ้อยนั้นมิได้นิ่งนอนใจเพราะถือว่าปัญหาสังคมก็คือปัญหาของชาวไร่อ้อยของเราทุกคน

ในส่วนของแผนระยะสั้น ในวันนี้ได้มีการดำเนินการตัดอ้อยสด ร่วมกับจังหวัดในเรื่องของการเฝ้าระวัง ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาก็คือเรื่องของใบอ้อยที่ มันตกค้างอยู่ในไร่เราก็เลยพยายามที่จะให้ส่งเสริมให้มีการตั้งโรงงานไฟฟ้าชีวมวลขึ้นในจังหวัดกำแพงเพชรให้มาก เพื่อจะให้รองรับในการรับซื้อใบอ้อยจากชาวไร่อ้อย ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเราสามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ โดยวันนี้คณะกรรมการน้ำตาลทรายมีมติแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา เรื่องของการเพิ่มมูลค่าของสิ่งเหลือใช้แล้วก็พลังงานไฟฟ้าชีวมวลให้เกิดขึ้น วันนี้เราก็พยายามที่จะหาทางช่วยรับซื้อใบอ้อย ระบายใบอ้อยที่อยู่ในไร่ออกมา เพื่อไม่ให้ชาวไร่เผา แล้วเราก็พยายามส่งเสริมให้ชาวไร่ใช้เครื่องจักรในโรงงาน ใช้รถไถขนาดใหญ่ เราได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาอย่างนี้เต็มกำลังสามารถ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเผาใบอ้อยสดเพื่อที่จะง่ายและสะดวกต่อการตัดอ้อยนั้น ยังคงไม่ใช่ประเด็นปัญหาของการเผาอ้อยแต่อย่างเดียว ยังคงมีใบอ้อยในส่วนของอ้อยสดที่ตัดไปแล้ว ก็ยังคงถูกทิ้งอยู่ในพื้นที่ นายกสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 6 เปิดเผยว่า ใบอ้อยดังกล่าวนี้ เป็นปัญหาที่จะต้องทำการเผาทำลายทิ้ง เนื่องจากจะก่อให้เกิดปัญหาผลผลิตของอ้อยตามมานั่นก็คือ ใบอ้อยที่ปกคลุมพื้นดิน เมื่อวันหนึ่งมีฝนตกลงมาใบเหล่านี้ก็จะเน่าเสีย และส่งผลต่อการเจริญเติบโตหรือหยุดการเติบโตของอ้อยตอใหม่ที่จะเกิดขึ้นทันที และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่จะต้องช่วยเหลือเกษตรกรในการทำลายใบอ้อยเหล่านี้ด้วยการสร้างให้เป็นมูลค่าและสามารถนำไปเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงงานไฟฟ้าชีวมวล โดยรัฐจะเป็นผู้ผลักดันให้เกิดโรงไฟฟ้าขึ้นเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหานี้ให้กับจังหวัดกำแพงเพชรได้อย่างยั่งยืนต่อไป

พิพัฒน์ จงมีความสุข ผู้สื่อข่าว จ.กำแพงเพชร