แม่-ลูกเฮี้ยน พ่อซื้อธูปเทียนไปขอขมา แต่ธูปเด้งออกจากซองเอง

วันที่ 6 มกราคม 2563 เวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่ารายงาน ที่ร้านสายฝน  ซึ่งเป็นร้านขายของชำ เลขที่ 347  หมู่ 1  ตำบลเชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี มีภาพกล้องวงจรปิด สามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ ในวันที่ 4 มกราคม 2563 เวลา 09.31 น. นายไทยสาน ซ่อนชัย อายุ 50 ปี ลูกจ้างประจำศูนย์หม่อนไหมเขต 4 จ.อุดรธานี ได้ขี่รถจยย. มาจอดหน้าร้าน เพื่อทำการซื้อยาเส้น 1 ถุง ,ธูป 6 ดอก ,เทียน 1 ถุง จำนวน 10 เล่ม และเหล้า 1 ขวด โดยมี นายบุญโย  แก้วเชียงหวาง  อายุ 67 ปี เจ้าของร้าน เป็นคนขายของให้  หลังจากซื้อของที่ต้องการได้แล้ว  นายไทยสาน ฯ ได้ขี่รถจยย. เข้าไปในวัดสว่างเชียงหวาง ซึ่งอยู่ติดกับร้านขายของชำ  

โดยในตอนนั้นยังไม่ใครทราบว่า นายไทยสาน ซ่อนชัย ได้ทำการฆ่านาง วัชราภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 50 ปี น.ส.คชาภรณ์ ซ่อนชัย อายุ 23 ปี และ น.ส.ศศิธร ซ่อนชัย อายุ 19 ปี ภรรยาและลูกสาวตายในบ้านเลขที่ 260 หมู่ 1 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี  และบจดหมายระบายปัญญาชีวิต เนื่องจากมีหนี้สิน  จำนววน 2 ล้าน ที่นำมาส่งให้ลูกเรียนจนจบมหาวิทยาลัย แต่ยังไม่มีงานทำ  แต่รายได้น้อยกว่ารายจ่าย  ก่อนใช้เชือกผูกคอตนเองกับต้นมะม่วงหน้าบ้าน กลายเป็น 4 ศพ เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 5 มกราคม 2563 ตามเสนอข่าวไปแล้วนั้น

นายบุญโย  แก้วเชียงหวาง  เปิดเผยว่า ตนรู้สึกแปลกใจหมือนกันทำไม นายไทยสาน  ถึงมาซื้อธูปกับเทียนไปด้วย เพราะปกติไม่เคยเห็นมาซื้อเลย คิดว่าเขาจะนำไปไหว้อะไรสักอย่าง ที่สำคัญตอนที่ตนไปหยิบธูปจะไปใส่ถุงหิ้ว แต่ปรากฏว่าอยู่ดี ๆ ธูป จำนวน 6 ดอก ที่อยู่ในซองพลาสติกเดียวกันจะมีธูปจำนวน 3 ดอก ได้เด้งออกมาจากซอง ตนพยายามจะใส่กลับคืนไปซอง แต่ก็ไม่สามารถใส่กลับคืนไปได้ จึงได้นำธูปทั้ง 6 ดอก วางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่ตนจะไปหยิบสินค้าอื่น แล้วก็นำมาใส่ในถุงพลาสติกหิ้ว จนของที่นายไทยสานฯ ที่สั่งซื้อ  แล้วตนก็นำไปส่งให้กับนายไทยสานฯ ที่หน้าร้าน  แต่ในตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร พอมารู้ที่หลังว่า นายไทยสาน ฯ ได้ก่อเหตุฆ่าเมียกับลูกสาว การที่เขามาซื้อธูปเทียนไปนั้น เพื่อนำไปขอขมาแก่ เมียกับลูกสาว ที่เขาฆ่าตาย แต่เหมือนว่า วิญญาณของภรรยา และลูก ไม่ต้องการให้ไปขอขมา จึงทำให้ธูปเด้งออกมาจากซองใส่ธูปดังกล่าว  

ส่วนนายบุญธรรม  มารศรี อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 2 ตำบลดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ  เป็นลูกจ้างศูนย์หม่อนไหมเขต 4 จ.อุดรธานี  ได้กล่าวว่า ตนกับ นายไทยสาน ฯ มักจะกินเหล้าด้วยกัน เป็นบ้างกัน  โดยในวันที่ 4 มกราคม 2563  ในช่วงเวลา 10.00 น. นายไทยสาน  ได้โทรศัพท์มาหาตน ในตอนนั้นตนเดินทางไปรับลูก ที่จังหวัดปราจีนบุรี  นายไทยสาน ถามตนว่าเพื่อนอยู่ไหน มาหาหน่อย ซึ่งเสียงที่โทรศัพท์มาหาตน เหมือนว่า นายไทยสาน ร้องไห้ สะอื้นอยู่ ลักษณะคล้ายจะเมาเหล้าด้วย  แล้วเขาพูดขึ้นมาว่า วันนี้เป็นวันปิตุฆาต  หลังจากนั้นตนก็ได้ตัดสายไป ในตอนนั้นตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร แล้วก็ไม่ได้โทรกลับไปหานายไทยสาน อีก

หลังจากนั้นมาทราบข่าวที่หลังว่า นายไทยสาน ได้ฆ่าเมียและลูกสาวสองคน ก่อนที่จะฆ่าตัวเองตายตาม ทำให้ตกใจถึงกับขนลุกขึ้นมาเลย โดยตนกับผู้ตายรู้จักกันมาได้ประมาณ เกือบ 20 ปี ซึ่งผู้ตายมักบ่นว่าไม่ค่อยมีเงิน เนื่องจากต้องส่งลูกเรียนหนังสือ ส่วนเรื่องที่ผู้ตายไปยืมเงินที่ไหนหรือ เป็นเงินเท่าไร ก็ไม่ทราบ จำนวนเงินด้วย  อีกเรื่องที่ทำให้ผู้ตายเครียด เนื่องจากลูกคนโตเรียนจบแล้วยังไม่มีงานทำ อาจจะเปรียบเทียบกับลูกของตน ที่เรียนจบแล้วก็มีงานทำเลย

น.ส.พรวิภา แก้วเชียงหวาง อายุ 35 ปี ชาวบ้าน ตำบลเชียงหวาง ได้บอกว่า เมื่อวานนี้ ในช่วงเย็น ได้มีหมอทรง ที่สามารถสื่อสารกับวิญญาณ ได้เข้ามาในหมู่บ้าน แล้วไปทำการเข้าทรงใกล้กับบ้าน ที่เกิดเหตุ โดยบอกว่า มีวิญญาณเมีย ร้องไห้โวยวายเดินรอบบ้านที่เกิดเหตุ ส่วนวิญญาณสามี นั่งก้มหน้า โดยภรรยาไม่ยอมให้อภัยสามี ทำไมถึงฆ่าลูกด้วย โดยเมื่อคืนนี้หลังเที่ยงคืน ได้มีสุนัขเห่าหอนหลายตัว ตั้งแต่บ้านของผู้ตายจนถึงวัด ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านรู้สึกกลัวเหมือนกันกับเรื่อง ที่หมอทรงบอก ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นก็ตาม

กฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี